“หมอแว” เชียร์นโยบายรัฐเร่งแก้ กม.เยียวยาเหยื่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และถือเป็นวาระเร่งด่วน ด้าน “สาทิตย์” วอนนายกฯ แก้ปัญหาราคาของแพงช่วยคนกินข้าวแกง
วันนี้ (19 ก.พ.) ในการประชุมสภาแถลงนโยบายรัฐบาล นายธวัชชัย อนามพงษ์ ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ที่ผ่านมา การทำธุรกิจอัญมณีในจังหวัดจันทบุรีทำรายได้ ให้กับประเทศ ถึง 2.5 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่ขณะนี้ราคาพลอยในประเทศตกต่ำ เพราะสินค้าส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้น จึงขอให้รัฐบาลมีมาตรการพยุงราคา หรือเพิ่มราคาอัญมณีให้สูงขึ้นเหมือนในอดีต นอกจากนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจการค้าพลอยยังประสบกับปัญหาการนำเข้าพลอยดิบจากต่างประเทศ ที่แม้จะไม่มีการเสียภาษี แต่ยังมีปัญหามากมาย เช่น การต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ จึงต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาตรงนี้ ซึ่งส่งผลต่อการค้าพลอยในประเทศไทย หากทำได้ก็พร้อมที่จะสนับสนุน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีให้เป็นนายกฯ ให้นาน แต่ถ้าทำไม่ได้ขอให้เป็นแค่ 5 เดือน แล้วให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ แทน จะขอบคุณมาก
ทั้งนี้ นายธวัชชัย ได้มอบพลอยอัดกระจก 3 ชนิด ได้แก่ ทับทิม บุษราคัม ไพลิน ขนาด 2,500 กะรัต ซึ่งหากเป็นของจริงจะมีมูลค่าถึง 25,000 ล้านบาท ที่นำมาเป็นตัวอย่างระหว่างการอภิปราย มอบแก่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน สนช.ในขณะที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม โดย นายมีชัย กล่าวว่า จะมอบให้กับสภาต่อไป
ขณะที่ นพ.แวมะฮาดี แวดาโอะ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน อภิปรายนโยบายแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ที่ผ่านมา การแก้ปัญหาของรัฐบาล ไม่ประสบความสำเร็จมา 4 ปี เนื่องจากการที่ประชาชนในพื้นที่ไม่ร่วมมือด้วยเหตุผล 5 ประการ คือ 1.ประชาชนไม่มีศักดิ์ศรี 2.ไม่มีความภาคภูมิใจ 3.ไม่มีโอกาสในทุกด้านโดยเฉพาะคุณภาพชีวิต 4.ไม่ได้รับความยุติธรรม และ 5.ไม่มั่นใจที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วจะได้รับความปลอดภัยจากการปองร้าย
ทั้งนี้ ตนชื่นชมนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการยุติธรรม จนบรรจุเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องทำในปีแรก โดยเฉพาะการปรับปรุงกฎหมายต่างๆ แต่ไม่มีการพูดถึงการเยียวยา เพราะนอกจากกฎหมาย ป.วิอาญา ที่ใช้ในการนำคนผิดมาดำเนินคดีแล้วยังมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่มีผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก ทำให้ขาดความเท่าเทียมในการดำเนินคดี หรือทำให้เกิดความล่าใช้ในการเยียวยา
นพ.แวมาฮาดี กล่าวอีกว่า อยากฝากให้รัฐบาลดูแลเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของทนายในพื้นที่ ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ที่ถูกกกล่าวหาในพื้นที่ ซึ่งมักจะถูกกล่าวหาว่าเป็นทนายโจร จนกระทบต่อขวัญกำลังใจ ในการเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ จนไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน ดังนั้นรัฐบาล ต้องเร่งเยียวยาเรื่องนี้โดยด่วน โดยกำหนดมาตรฐานและบรรทัดฐานให้ชัดเจนในการบังคับใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน เพราะจากรายงานผลการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดภาคใต้ พบว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐใช้กฎหมายนี้เข้าไปควบคุมประชาชนจำนวนมากจนนำไปสู่การฟ้องร้องเพื่อให้ยกเลิกกการใช้กฎหมายดังกล่าว
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายถึงเรื่องปัญหาของแพงว่า ขณะนี้ประชาชนประสบปัญหาราคาสินค้าแพง แต่รัฐบาลเขียนเรื่องนี้ไว้เป็นนโยบายกว้างๆเพียงสองข้อที่เป็นนามธรรม จนเกิดคำถามว่าจะทำได้อย่างไรและเมื่อไร และการที่ใช้เวลาถึง 1 ปีในการแก้ปัญหานั้นถือว่านานเกินไป และยังไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ขณะที่บางเรื่องที่รัฐบาลสมควรจะพูดถึงอย่างเรื่องการแก้ไขกฎระเบียบเรื่องการค้าอย่างเป็นธรรม แต่ไม่มีการควบคุมการผูกขาดราคาสินค้าเพราะมีความเกรงใจธุรกิจโทรคมนาคมขนาดใหญ่และธุรกิจภาคเกษตรขนาดใหญ่ กลับไม่มีความชัดเจน
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ออกมาประกาศให้ความชัดเจนเรื่องสินค้าควบคุมทั้ง 33 ตัว ว่า จะปรับลดราคาลงเมื่อไหร่ และพรรคประชาธิปัตย์จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ว่า จะทำได้จริงหรือทำได้เพียงแค่จิตวิทยา และอย่าใช้วิธีการตลาดเล่นกลที่ไม่ลดราคา แต่กลับลดปริมาณแทน รวมถึงทฤษฎีเศษสตางค์ ที่นายกฯบอกว่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ นั้นเป็นเรื่องที่นายกฯเสนอบนเวทีปราศรัยมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ตนไม่อยากรู้ว่าแปลว่าอะไรแต่อยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะทำได้สำเร็จ
“นายกรัฐมนตรีชิมไปบ่นไปยังพอทน แต่ถ้าบ่นไปแล้วไม่ทำอะไรประชาชนทนไม่ได้ วันนี้นายกฯรัฐมนตรีกินข้าวแกง คณะรัฐมนตรีก็ทำท่าว่าจะกินข้าวแกงตามด้วย ส่วนมื้ออื่นผมไม่รู้ แต่อยากให้ชาวบ้านที่กินข้าวแกงทั่วไป ได้กินของถูก และอยากรู้ว่าเมื่อไหร่ที่แม่บ้านตื่นมาจะเจอของถูก มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งขอให้ทำให้สำเร็จ” นายสาทิตย์ กล่าว