“สมชาย” ยันไม่ขัดข้อง หาก ส.ส.ซีกรัฐบาลจะร่วมซักนโยบาย อ้าง 6 พรรคช่วยกันทำ เชิญฝ่ายค้านยำ “ประชานิยม” ตามสะดวก เชื่อมั่นทำได้ เตรียมประชุมชี้แจง ขรก.ระดับสูง 25 ก.พ.
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวก่อนเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้รัฐบาลแถลงนโยบาย วันนี้ (18 ก.พ.) ว่า แม้รัฐบาลเป็นผู้ออกนโยบายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ส.ส.รัฐบาลจะอภิปรายไม่ได้ ส่วนเรื่องเวลาของฝ่ายค้านที่มากกว่าของรัฐบาลนั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกห่วงการอภิปรายในวันนี้ เพราะนโยบายของรัฐบาลนั้นมาจาก 6 พรรคร่วมรัฐบาลที่ช่วยกันจัดทำขึ้นมา โดยเป็นนโยบายของแต่ละพรรคที่ใช้ในการหาเสียงกับประชาชนไว้ จึงมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถอธิบายได้ทุกเรื่อง
นายสมชาย กล่าวว่า หากฝ่ายค้านตั้งเป้าโจมตีนโยบายประชานิยมของรัฐบาล ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะนโยบายของรัฐบาลสามารถทำได้จริง ไม่ได้เขียนไว้เพียงแค่สวยหรู โดยหลังจากการแถลงนโยบายต่อสภาแล้ว นายสมัครก็จะชี้แจงต่อข้าราชการระดับสูงในวันที่ 25 ก.พ.เพราะข้าราชการจะเป็นฝ่ายที่นำไปปฏิบัติอย่างแท้จริง
ปชป.รับได้ แก้ของแพงด้วยเศษสตางค์
ด้าน นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังเงา ของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทฤษฎีแก้ปัญหาเศรษฐกิจจากเศษสตางค์ของนายสมัครนั้น ไม่ใช่แค่เพียงทฤษฎี ต้องนำไปปฏิบัติด้วย และเราก็ไม่ขัดข้องหากนำมาใช้แล้วทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ แต่ก็มีผลเพียงแค่ในทางจิวิทยาเท่านั้น ก็ต้องถามรัฐบาลว่า การนำมาใช้นั้นจะทำให้ราคาสินค้าลดลงได้จริงหรือไม่ ส่วนนโยบายด้านการเงินการคลังนั้น คงต้องดูแหล่งที่มาของรายได้ด้วยว่า มีมูลค่าสูงกว่ารายรับหรือไม่
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในวันที่ 22 ก.พ.จะมีการนัดผู้ผลิตประมาณ 250 คนมาพูดคุยกัน โดยมีกรมการค้าภายในของกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้นัดหมาย จากนั้นกระทรวงพาณิชย์ก็จะศึกษาต้นทุนราคาสินค้าก่อน ส่วนจะมีมาตรการอย่างไรต่อไปนั้นคงจะมีการประกาศให้ทราบในภายหลัง อย่างไรก็ตาม การดูแลราคาสินค้านั้นคงจะต้องดูทุกตัวที่จะทำให้ประชาชนมีความสุขมากขึ้น เพื่อไม่ให้ประชาชนรู้สึกว่าสินค้ามีราคาแพง ทั้งนี้ ยอมรับว่า มีสินค้าบางตัวที่ขึ้นราคาเกินที่จะยอมรับได้
สำหรับนโยบายแก้เศรษฐกิจจากเศษสตางค์นั้น นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เป็นนโยบายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นราคาสินค้า ซึ่งจะต้องศึกษาต้นทุนของสินค้าว่าแต่ละรายเป็นอย่างไร จากนั้นจะต้องดูเรื่องของต้นทุนและกำไรว่ามีส่วนต่างอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะกำหนดมาตรการต่างๆ อีกครั้งว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะให้ราคาคงที่หรือลดราคาสินค้าลง
