“หมัก” ป้อง “ไชยา” ทบทวนซีแอลยามะเร็ง เผยรมต.รัฐบาลขิงแก่ร่อนหนังสือท้วงเอง พร้อมมอบ “เจ๊มิ่ง” นัด 3 กระทรวงถกใหม่ก่อนพิพากษา ด้านเจ้ากระทรวงพูดหน้าตาเฉย สงสัยรมต.เก่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ขณะที่ “หมอมงคล” สวนเจ็บไม่ได้บินไปต่างประเทศ แต่ลงไปแก้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ ส่วนเครือข่ายฯ ภาคประชาชนประกาศเตรียมฟ้อง “พรีม่า”ฐานให้ข้อมูลเท็จรัฐมนตรี
เช้าวานนี้ (12 ก.พ.) เครือข่ายประชาชน ประกอบด้วยเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย ชมรมเพื่อนโรคไต ตัวแทนผู้ช่วยโรคมะเร็ง คณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ (กพอ.) มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค มูลนิธิเอดส์ กว่า 100 คน เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือให้กับคณะรัฐมนตรีและขอรับฟังเหตุผลในการทบทวนการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรโดยรัฐหรือซีแอลกับยามะเร็ง
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ยังให้โอกาสกับการทำงานของ รมว.สาธารณสุข แต่ก็ขอให้อย่าหลงทิศหลงทาง เกรงว่าจะกลายเป็นไปอยู่ข้างบริษัทผลิตยา หรือให้ผลประโยชน์กับบริษัทผู้ผลิต
นอกจากนี้การที่รัฐมนตรีประมาณ 2 คนอ้างว่าการทบทวนการทำซีแอลยาเพื่อป้องกันการความเสียหายให้กับเศรษฐกิจภาพรวม โดยเฉพาะการส่งออกนั้น หากไปดูตัวเลขการส่งออก โดยเฉพาะจากกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ระหว่างเดือน ม.ค.50-ม.ค.51 พบว่า ตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกเดือน การที่รัฐมนตรีในรัฐบาลนี้มาอ้างว่า การทำซีแอลจะทำให้ภาพรวมทางเศรษฐกิจเสียหายจึงไม่น่าจะเป็นจริง เนื่องจากการส่งออกก็ไม่ได้ลดลง
"ทั่นหมัก"ปกป้อง"ไชยา"
ภายหลังการประชุม ครม.เสร็จสิ้น นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาเปิดเผยว่า นายไชยาได้บ่นให้ฟังว่า เหตุที่ต้องพิจารณาเรื่องซีแอลยาเพราะมีที่มาที่ไป กล่าวคือครม.ชุดที่แล้วสั่งให้รัฐมนตรี 3 กระทรวงคือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ตกลงกัน แต่ปรากฎว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไม่เข้าร่วมประชุม แถมสั่งตกลง โอเค แล้วไปต่างประเทศ
ที่น่าแปลกใจคือเมื่อมีรัฐบาลใหม่กลับปรากฏว่ารัฐมนตรีคณะรัฐบาลที่แล้วส่งคำทักท้วงการตัดสินใจของพวกกันเองมา
“รมต. สาธารณสุขเก่าจัดการทำเอาคะแนนไปแล้วเรียบร้อย รมต.พาณิชย์ พวกของตัวเองมาท้วงรมต.คนใหม่ ดังนั้น 3 รัฐมนตรีจะคุยกันใหม่เพื่อดูว่า ทำซีแอลแล้วได้กี่ร้อยล้านและเสียหายกี่พันกี่หมื่นล้าน นี่เป็นวิธีคิดแบบคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ฉะนั้นรอให้3 กระทรวงประชุมให้เสร็จก่อนแล้วจึงจะแจ้งผลอีกครั้ง”นายสมัคร กล่าว
“เจ๊มิ่ง” คุมถก 3 กระทรวง
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือเพื่อทบทวนการใช้บังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรโดยรัฐ(ซีแอล) แต่ได้หารือวงเล็กกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ดำเนินการแนวทางเดียวรัฐบาลชุดก่อน โดยนายสมัครสั่งการให้ทั้ง 3 กระทรวงหลักที่เกี่ยวข้องคือ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสธ. หารือร่วมกัน ซึ่งฟังแล้วน่าจะดี ถ้าทุกฝ่ายเข้าใจปัญหา และตนมีแนวทางในการหารือในทางที่ดี รับประกันว่าทุกฝ่ายจะต้องวิน-วินหมด ไม่ต้องห่วง
“ผมได้ปรึกษาเรื่องซีแอลกับท่านนายก ซึ่งท่านก็ได้ให้แนวทางว่า ให้ทุกฝ่ายทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้ากระทรวงไหนรับผิดชอบอะไร ก็ดูแลเรื่องนั้น เมื่อพูดอย่างนี้ ผมในฐานะที่ดูแล สธ. ก็เท่ากับเป็นการประกาศว่า ผมต้องยืนข้างผู้ป่วย ดูแลผลประโยชน์ของผู้ป่วยให้มากที่สุด สบายใจได้ว่าผมจะต้องทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้อย่างแน่นอน ส่วนพาณิชย์ก็ต้องดูแลเรื่องการค้าไป ซึ่งสิ่งที่ท่านนายกพูดวันนี้ไม่ได้หมายความว่าไฟเขียวแต่ให้คุยกันก่อนเท่านั้น” นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมร่วมกัน 3 กระทรวงนั้น นายมิ่งขวัญ จะเป็นผู้นัดหารือ ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมภายหลังจากที่มีการประกาศนโยบายรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
“หากในอนาคตจะต้องมีการเจรจาต่อรองราคายากับบริษัทยาเจ้าของสิทธิบัตร ผมจะไม่แต่งตั้งใหม่ แต่ให้คณะทำงานเดิมซึ่งมีนพ.ศิริวัฒน์(ทิพย์ธราดล) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ซึ่งเป็นประธานการเจรจาต่อรองราคายาชุดเดิมทำงานต่อเนื่องทันทีและผมอาจจะเข้าร่วมเจรจาด้วย”นายไชยา กล่าว
"ไชยา"สงสัยพฤติกรรม รมต.เก่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการสอบถามข้อมูลกับนพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรมว.สธ. หรือไม่ นายไชยากล่าวว่า คงไม่จำเป็นต้องสอบถามอีก เพราะการประกาศซีแอลเป็นสิทธิ์ของรมว.สธ. โดยชอบธรรมสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ต้องไปดูเจตนารมณ์ของท่านว่าทำไปเพื่ออะไร
“ผมไม่สามารถพูดได้ว่าใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ แต่มันเป็นเรื่องแปลก ไม่ชอบมาพากล เพราะวันที่หมอมงคลเซ็นที่คุณโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีคนก่อน ได้นัดประชุม 3 กระทรวง แต่หมอมงคลไม่ว่างติดราชการไปต่างประเทศ อยากให้สื่อมวลชนไปเช็คว่าท่านไปประเทศไหน ผมไม่รู้ท่านไปประเทศไหน เพราะผมไม่ได้ไปด้วย จะไปประเทศที่เราจะสั่งซื้อยาหรือเปล่า อาจจะไปแล้วต่อรองราคายาให้ถูกเป็นประโยชน์กับประเทศชาติก็เป็นไปได้”นายไชยา กล่าว
ต่อข้อถามว่า การกระทำของนพ.มงคล ถือเป็นการวางยาหรือไม่ นายไชยาตอบว่า อย่าไปคิดว่าวางยา ถ้าวางยาผมก็คงสลบไปแล้ว สบายใจได้ว่าสิ่งที่ท่านทำเป็นการปกป้องคนป่วยที่ปกติสุขภาพจิตสู้คนธรรมดาไม่ได้อยู่แล้ว อะไรที่คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ทำแล้วทำให้ผู้ป่วยมีความสุขก็ควรจะทำ
"หมอมงคล" ยันไม่ได้บินไป ตปท.
นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรมว.สาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ในวันที่ 4 ม.ค.เดินทางไปไหนบ้างนั้น ตนจำไม่ค่อยได้แล้ว เนื่องจากในช่วงที่ทำงานเดินทางปฏิบัติหน้าที่บ่อยครั้งมาก เท่าที่พอจะจำได้คือ ได้เดินทางไปอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพราะนัดน้องๆเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวมถึงพื้นที่บางส่วนของ จ.สงขลา มาหารือกับเพื่อสรุปสถานการณ์การปฏิบัติในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมทั้งยังไปมอบเงินให้กับภรรยาของเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยที่ต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่เพื่อเป็นขวัญกำลังใจด้วย ดังนั้น เมื่อได้นัดหมายทำอย่างอื่นไว้แล้ว หากต้องมาเลื่อนนัดคงไม่เหมาะนัก
“ทีมงานที่ไปร่วมหารือกับนายโฆษิต ซึ่งผมได้มอบอำนาจเต็มที่ไปก็มีนพ.วิชัย โชควิวัฒนประธานคณะกรรมการคณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรโดยรัฐ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ประธานคณะกรรมการเจรจาต่อรองราคายา ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ อารจารย์ประจำหน่วยเภสัชศาสตร์สังคม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยก็ได้เข้าไปร่วมการประชุม กลุ่มบุคคลเหล่านี้คือผู้ที่ทำงานตัวจริง ซึ่งข้อมูลน่าจะเพียงพอ”นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวว่า ไม่เคยห่วงอะไร มีความรู้สึกว่าได้ตัดสินใจไปแล้ว ก็ถือว่าทำสิ่งที่ดีที่สุด ใครจะตัดสินใจอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล ใครทำอะไรก็ดีทั้งนั้น หลังจากหมดวาระก็ไม่เคยมีใครติดต่อหรือขอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องซีแอลเลย ทั้งนี้หากนายไชยาติดต่อมาก็พร้อมจะให้ข้อมูล ตนเองเป็นแค่คนธรรมดาๆคนหนึ่งพร้อมจะพูดคุยกับทุกฝ่ายเสมอ
จ้องฟ้องพรีม่าฐานให้ข้อมูลเท็จ
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับหนังสือที่สมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีม่า ) ส่งให้กับกระทรวงพาณิชย์ กรณีที่พรีม่าระบุว่า ยังไม่มีการเจรจาต่อรองราคายามะเร็ง ระหว่างสธ.และบริษัทยา ทั้งๆ ที่มีการเจรจาถึง 12 ครั้ง ทั้งนี้ จะนำหลักฐานเอกสารทั้งหมด แจ้งความดำเนินคดีฐานแจ้งข้อมูลเป็นเท็จกับหน่วยงานราชการทำให้เกิดความเสียหายภายใน 2-3 วันนี้
เช้าวานนี้ (12 ก.พ.) เครือข่ายประชาชน ประกอบด้วยเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย ชมรมเพื่อนโรคไต ตัวแทนผู้ช่วยโรคมะเร็ง คณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ (กพอ.) มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค มูลนิธิเอดส์ กว่า 100 คน เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือให้กับคณะรัฐมนตรีและขอรับฟังเหตุผลในการทบทวนการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรโดยรัฐหรือซีแอลกับยามะเร็ง
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ยังให้โอกาสกับการทำงานของ รมว.สาธารณสุข แต่ก็ขอให้อย่าหลงทิศหลงทาง เกรงว่าจะกลายเป็นไปอยู่ข้างบริษัทผลิตยา หรือให้ผลประโยชน์กับบริษัทผู้ผลิต
นอกจากนี้การที่รัฐมนตรีประมาณ 2 คนอ้างว่าการทบทวนการทำซีแอลยาเพื่อป้องกันการความเสียหายให้กับเศรษฐกิจภาพรวม โดยเฉพาะการส่งออกนั้น หากไปดูตัวเลขการส่งออก โดยเฉพาะจากกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ระหว่างเดือน ม.ค.50-ม.ค.51 พบว่า ตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกเดือน การที่รัฐมนตรีในรัฐบาลนี้มาอ้างว่า การทำซีแอลจะทำให้ภาพรวมทางเศรษฐกิจเสียหายจึงไม่น่าจะเป็นจริง เนื่องจากการส่งออกก็ไม่ได้ลดลง
"ทั่นหมัก"ปกป้อง"ไชยา"
ภายหลังการประชุม ครม.เสร็จสิ้น นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาเปิดเผยว่า นายไชยาได้บ่นให้ฟังว่า เหตุที่ต้องพิจารณาเรื่องซีแอลยาเพราะมีที่มาที่ไป กล่าวคือครม.ชุดที่แล้วสั่งให้รัฐมนตรี 3 กระทรวงคือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ตกลงกัน แต่ปรากฎว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไม่เข้าร่วมประชุม แถมสั่งตกลง โอเค แล้วไปต่างประเทศ
ที่น่าแปลกใจคือเมื่อมีรัฐบาลใหม่กลับปรากฏว่ารัฐมนตรีคณะรัฐบาลที่แล้วส่งคำทักท้วงการตัดสินใจของพวกกันเองมา
“รมต. สาธารณสุขเก่าจัดการทำเอาคะแนนไปแล้วเรียบร้อย รมต.พาณิชย์ พวกของตัวเองมาท้วงรมต.คนใหม่ ดังนั้น 3 รัฐมนตรีจะคุยกันใหม่เพื่อดูว่า ทำซีแอลแล้วได้กี่ร้อยล้านและเสียหายกี่พันกี่หมื่นล้าน นี่เป็นวิธีคิดแบบคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ฉะนั้นรอให้3 กระทรวงประชุมให้เสร็จก่อนแล้วจึงจะแจ้งผลอีกครั้ง”นายสมัคร กล่าว
“เจ๊มิ่ง” คุมถก 3 กระทรวง
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือเพื่อทบทวนการใช้บังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรโดยรัฐ(ซีแอล) แต่ได้หารือวงเล็กกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ดำเนินการแนวทางเดียวรัฐบาลชุดก่อน โดยนายสมัครสั่งการให้ทั้ง 3 กระทรวงหลักที่เกี่ยวข้องคือ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสธ. หารือร่วมกัน ซึ่งฟังแล้วน่าจะดี ถ้าทุกฝ่ายเข้าใจปัญหา และตนมีแนวทางในการหารือในทางที่ดี รับประกันว่าทุกฝ่ายจะต้องวิน-วินหมด ไม่ต้องห่วง
“ผมได้ปรึกษาเรื่องซีแอลกับท่านนายก ซึ่งท่านก็ได้ให้แนวทางว่า ให้ทุกฝ่ายทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้ากระทรวงไหนรับผิดชอบอะไร ก็ดูแลเรื่องนั้น เมื่อพูดอย่างนี้ ผมในฐานะที่ดูแล สธ. ก็เท่ากับเป็นการประกาศว่า ผมต้องยืนข้างผู้ป่วย ดูแลผลประโยชน์ของผู้ป่วยให้มากที่สุด สบายใจได้ว่าผมจะต้องทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้อย่างแน่นอน ส่วนพาณิชย์ก็ต้องดูแลเรื่องการค้าไป ซึ่งสิ่งที่ท่านนายกพูดวันนี้ไม่ได้หมายความว่าไฟเขียวแต่ให้คุยกันก่อนเท่านั้น” นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมร่วมกัน 3 กระทรวงนั้น นายมิ่งขวัญ จะเป็นผู้นัดหารือ ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมภายหลังจากที่มีการประกาศนโยบายรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
“หากในอนาคตจะต้องมีการเจรจาต่อรองราคายากับบริษัทยาเจ้าของสิทธิบัตร ผมจะไม่แต่งตั้งใหม่ แต่ให้คณะทำงานเดิมซึ่งมีนพ.ศิริวัฒน์(ทิพย์ธราดล) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ซึ่งเป็นประธานการเจรจาต่อรองราคายาชุดเดิมทำงานต่อเนื่องทันทีและผมอาจจะเข้าร่วมเจรจาด้วย”นายไชยา กล่าว
"ไชยา"สงสัยพฤติกรรม รมต.เก่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการสอบถามข้อมูลกับนพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรมว.สธ. หรือไม่ นายไชยากล่าวว่า คงไม่จำเป็นต้องสอบถามอีก เพราะการประกาศซีแอลเป็นสิทธิ์ของรมว.สธ. โดยชอบธรรมสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ต้องไปดูเจตนารมณ์ของท่านว่าทำไปเพื่ออะไร
“ผมไม่สามารถพูดได้ว่าใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ แต่มันเป็นเรื่องแปลก ไม่ชอบมาพากล เพราะวันที่หมอมงคลเซ็นที่คุณโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีคนก่อน ได้นัดประชุม 3 กระทรวง แต่หมอมงคลไม่ว่างติดราชการไปต่างประเทศ อยากให้สื่อมวลชนไปเช็คว่าท่านไปประเทศไหน ผมไม่รู้ท่านไปประเทศไหน เพราะผมไม่ได้ไปด้วย จะไปประเทศที่เราจะสั่งซื้อยาหรือเปล่า อาจจะไปแล้วต่อรองราคายาให้ถูกเป็นประโยชน์กับประเทศชาติก็เป็นไปได้”นายไชยา กล่าว
ต่อข้อถามว่า การกระทำของนพ.มงคล ถือเป็นการวางยาหรือไม่ นายไชยาตอบว่า อย่าไปคิดว่าวางยา ถ้าวางยาผมก็คงสลบไปแล้ว สบายใจได้ว่าสิ่งที่ท่านทำเป็นการปกป้องคนป่วยที่ปกติสุขภาพจิตสู้คนธรรมดาไม่ได้อยู่แล้ว อะไรที่คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ทำแล้วทำให้ผู้ป่วยมีความสุขก็ควรจะทำ
"หมอมงคล" ยันไม่ได้บินไป ตปท.
นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรมว.สาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ในวันที่ 4 ม.ค.เดินทางไปไหนบ้างนั้น ตนจำไม่ค่อยได้แล้ว เนื่องจากในช่วงที่ทำงานเดินทางปฏิบัติหน้าที่บ่อยครั้งมาก เท่าที่พอจะจำได้คือ ได้เดินทางไปอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพราะนัดน้องๆเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวมถึงพื้นที่บางส่วนของ จ.สงขลา มาหารือกับเพื่อสรุปสถานการณ์การปฏิบัติในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมทั้งยังไปมอบเงินให้กับภรรยาของเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยที่ต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่เพื่อเป็นขวัญกำลังใจด้วย ดังนั้น เมื่อได้นัดหมายทำอย่างอื่นไว้แล้ว หากต้องมาเลื่อนนัดคงไม่เหมาะนัก
“ทีมงานที่ไปร่วมหารือกับนายโฆษิต ซึ่งผมได้มอบอำนาจเต็มที่ไปก็มีนพ.วิชัย โชควิวัฒนประธานคณะกรรมการคณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรโดยรัฐ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ประธานคณะกรรมการเจรจาต่อรองราคายา ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ อารจารย์ประจำหน่วยเภสัชศาสตร์สังคม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยก็ได้เข้าไปร่วมการประชุม กลุ่มบุคคลเหล่านี้คือผู้ที่ทำงานตัวจริง ซึ่งข้อมูลน่าจะเพียงพอ”นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวว่า ไม่เคยห่วงอะไร มีความรู้สึกว่าได้ตัดสินใจไปแล้ว ก็ถือว่าทำสิ่งที่ดีที่สุด ใครจะตัดสินใจอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล ใครทำอะไรก็ดีทั้งนั้น หลังจากหมดวาระก็ไม่เคยมีใครติดต่อหรือขอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องซีแอลเลย ทั้งนี้หากนายไชยาติดต่อมาก็พร้อมจะให้ข้อมูล ตนเองเป็นแค่คนธรรมดาๆคนหนึ่งพร้อมจะพูดคุยกับทุกฝ่ายเสมอ
จ้องฟ้องพรีม่าฐานให้ข้อมูลเท็จ
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับหนังสือที่สมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีม่า ) ส่งให้กับกระทรวงพาณิชย์ กรณีที่พรีม่าระบุว่า ยังไม่มีการเจรจาต่อรองราคายามะเร็ง ระหว่างสธ.และบริษัทยา ทั้งๆ ที่มีการเจรจาถึง 12 ครั้ง ทั้งนี้ จะนำหลักฐานเอกสารทั้งหมด แจ้งความดำเนินคดีฐานแจ้งข้อมูลเป็นเท็จกับหน่วยงานราชการทำให้เกิดความเสียหายภายใน 2-3 วันนี้
