“ยงยุทธ” ออกแถลงการณ์ในนามส่วนตัว โต้ถูกแหล่งข่าว กกต.จัดฉากปล่อยข่าวเจอใบแดง หวังดิสเครดิต แต่กลับอ้างตำแหน่งประมุขนิติบัญญัติ ค้ำคอเกรงกระทบต่อภาพลักษณรัฐสภาไทย
วันนี้ (15 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานชี้แจงคดีที่นายยงยุทธ ถูกร้องเรียนว่าทุจริตเลือกตั้งที่จังหวัดเชียงราย อ่านแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลที่ต้องออกแถลงการณ์ เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลพยายามปล่อยข่าว โดยอ้างแหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า สำนวนการสอบสวนของคณะอนุกรรมการดังกล่าว ได้มีมติเสนอ กกต.ว่า นายยงยุทธ ได้กระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งได้สร้างความเสียหายแก่ นายยงยุทธ และพรรคพลังประชาชน รวมทั้งทำให้เกิดความแตกแยกทางสังคม
แถลงการณ์ยังระบุว่า มีกลุ่มบุคคลได้ร่วมวางแผนจัดฉากมาแต่ต้น ซึ่งได้ชี้แจงต่อ กกต.ไปแล้ว ทั้งนี้ การกล่าวอ้างว่า กำนันได้ให้ถ้อยคำกล่าวหาและมีการกลับคำให้ถ้อยคำ ว่า นายยงยุทธกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งนั้น ไม่เป็นความจริง โดยกลุ่มกำนันดังกล่าว ได้ยืนยันตั้งแต่แรกว่า ไม่มีเหตุการณ์ตามที่นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กล่าวอ้าง โดยนายชัยวัฒน์ เป็นนกต่อและเป็นบุคคลที่ชักจูงกำนันเหล่านี้มา รวมทั้งยังเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย และต่อมาได้เป็นพยานฟ้องร้องกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การอ้างแหล่งข่าวจาก กกต.แม้จะเป็นเรื่องเท็จ แต่กลุ่มผู้บงการหวังที่จะกดดัน กกต.เพื่อให้ตัดสินเป็นไปในทิศทางที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ต้องการ และนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชน โดยกลุ่มดังกล่าวพยายามทำให้สังคมเห็นว่า คณะอนุกรรมการได้มีมติให้ใบแดงแล้ว หาก กกต.พิจารณาในทางที่เป็นคุณแก่นายยงยุทธ กกต.ชุดนี้จะตกเป็นจำเลยของสังคม
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า บรรดาเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่นายยงยุทธได้นำมามอบให้ กกต.นั้น สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจนและมีหลักฐานประกอบที่มีพื้นฐานจากความเป็นจริง รวมทั้งยังแสดงให้เห็นว่า มีกลุ่มบุคคลและขบวนการวางแผนเพื่อกล่าวหานายยงยุทธ และล้มล้างพรรคพลังประชาชนมาแต่เริ่มแรกก่อนจะเกิดคดีนี้เสียอีก โดยปรากฏหลักฐานที่มีการทำวีซีดีล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุ และหลักฐานการติดต่อกันของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กับนายชัยวัฒน์ ทั้งที่เหตุการณ์ที่กล่าวหายังไม่เกิดขึ้น ทั้งนี้ คดีนี้มีเพียงนายชัยวัฒน์เท่านั้นที่อยู่ในเหตุการณ์และให้ถ้อยคำปรักปรำ รวมทั้งยังอ้างอำนาจรัฐเพื่อกดดันกลุ่มกำนันให้ถ้อยคำที่เป็นโทษกับนายยงยุทธ โดยเฉพาะการกดดันให้ไปพบกับนายทหารบางคนในค่าย เพื่อไม่ให้สนับสนุนพรรคพลังประชาชน ซึ่งกลุ่มกำนันเหล่านี้ได้ระบุชื่อนายทหารคนดังกล่าวต่อ กกต.ไปแล้ว
“การเฝ้ารอคอยการตัดสินจาก กกต.ด้วยความเคารพและเชื่อมั่น กระผมจึงพยายามที่จะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ซึ่งอาจเป็นการกดดัน กกต.แต่กระผมก็ถูกกลุ่มบุคคลดังกล่าวสร้างข่าว เพื่อให้ร้ายโดยตลอด และครั้งนี้ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะอ้างแหล่งข่าวจาก กกต.ซึ่งในทางปฏิบัติถือว่าผิดระเบียบและกฎหมาย แต่ก็มีการเผยแพร่ทางสื่อมวลชน จึงต้องขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชนได้โปรดนำเสนอข่าวที่เป็นทางการและมีผู้รับผิดชอบในการให้ข่าว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับสังคมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” แถลงการณ์ ระบุ
พ.ต.ท.กานต์ กล่าวด้วยว่า แถลงการณ์ของนายยงยุทธดังกล่าว ได้ออกในนามส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งประธานสภา เนื่องจากไม่ประสงค์ให้เกิดความสับสน และการตอบโต้กันไปมา ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม นายยงยุทธ จะออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน ขอเรียกร้องให้อนุกรรมการพิจารณาใน 2 ประเด็นที่นายยงยุทธ เคยเข้าชี้แจงกับ กกต.ไปแล้ว แต่ยังไม่มีการพิสูจน์ คือ ความเป็นกลางทางการเมืองของ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันกุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวน และการพิสูจน์ทราบเรื่องวีซีดี ที่อ้างเป็นหลักฐานนั้น มีการตัดต่อ หรือเป็นของจริง
“ผมเป็นนักเรียนนายร้อย รุ่น 37 ผมอยากให้ไปตรวจสอบดูในรุ่นใกล้เคียง เพราะผมได้ชื่อว่า เป็นสมบัติรุ่นของพี่ชัยยะเขา ไปถามทุกคนจะรู้ว่า พี่เขาเป็นคนของใคร มันชัดเจนว่า ท่านใกล้ชิดกับ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองกับท่านยงยุทธ อีกประเด็นที่ผมอยากให้ตรวจสอบ คือ เรื่องวีซีดี เพราะมีการเตรียมไว้ล่วงหน้า เรื่องนี้อยากให้คนกลาง เช่น กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ และหากสื่อจะมีเวลา ผมอยากให้ไปเชียงราย ตอนนี้พนักงานสอบสวนที่ทำสำนวนดังกล่าวขอถอนตัวหมดแล้ว ไม่นานผมเชื่อว่า คงมีข่าวว่า เขาถูกใครคุกคาม” หัวหน้าคณะทำงานชี้แจงคดี กล่าว
พ.ต.ท.กานต์ กล่าวด้วยว่า หากในที่สุดอนุกรรมการไม่ยอมพิสูจน์ใน 2 ประเด็น มีความเป็นไปได้ที่ นายยงยุทธ จะเดินทางเข้าพบ กกต.เพื่อขอให้พิจารณาทั้งสองประเด็นนี้ แต่ขอยืนยันว่า จนถึงขณะนี้พรรคพลังประชาชนยังไม่ได้พิจารณาว่า หาก กกต.สรุปและส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกา ซึ่งจะมีผลให้นายยงยุทธ ต้องระงับการปฏิบัติหน้าที่ จะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากยังมั่นใจในความเป็นธรรมและความเป็นกลางของ กกต.
พ.ต.ท.กานต์ ยังเรียกร้องให้ยุติการให้ข่าว โดยที่ไม่มีบุคคลอ้างอิง เพราะจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ เนื่องจากขณะนี้นายยงยุทธ มีสถานะเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดพรรคพลังประชาชนไม่พิจารณาให้รอบคอบก่อนส่งนายยงยุทธ มาดำรงตำแหน่งประธานสภา พ.ต.ท.กานต์ กล่าวว่า ถึงขณะนี้ไม่เคยมีใครชี้ว่า นายยงยุทธ มีความผิด และตามรัฐธรรมนูญให้ถือว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน