“ยามเฝ้าแผ่นดิน” ชี้คลื่น 105 ถอดรายการ “เจิมศักดิ์” ส่งสัญญาณแทรกแซงสื่อ จุดเริ่มต้นยุคมืดด้านข่าวสาร เหน็บ “หมอเลี้ยบ” แหยงเลิก 30% สะท้อนไม่เหมาะคุมคลัง เตือน “หมัก” เลิกดูถูกคนรุ่นหลัง บิดเบือนประวัติศาสตร์ตามใจชอบ เผยสงครามภายใน “พลังแม้ว” ก๊วน “สุดารัตน์” งัดข้อ “เนวิน”
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และสโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 1
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และสโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 2
รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 13 ก.พ. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนางสาวสดรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมดำเนินรายการ เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงการงดจัดรายการ “มุมมองของเจิมศักดิ์” ทางวิทยุ 105 เมกะเฮิรตซ์ กรมประชาสัมพันธ์ ของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อย่างกะทันหันตั้งแต่เช้าวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งตามรายงานข่าวระบุว่านายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นคนโทรศัพท์ไปสั่งให้ผู้ใหญ่ของบริษัท ฟาติมา จำกัด เจ้าของรายการ ทำการปรับปรุงเนื้อหา ซึ่งนายเจิมศักดิ์ไม่อยากให้บริษัท ฟาติมา เดือดร้อนเพราะอาจจะมีการนำสัญญามาบีบบังคับ จึงขอหยุดจัดรายการเอง
ทั้งนี้ สาเหตุที่มีการสั่งให้ปรับเปลี่ยนเนื้อหารายการดังกล่าวเพราะไม่พอใจที่นายเจิมศักดิ์นำข้อมูลเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มาเปิดเผยเพื่อจับโกหกนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตเพียง 1 คน ซึ่งในรายการดังกล่าว นายเจิมศักดิ์ได้นำหนังสือ “โหงวนั้งปัง” ที่นายวีระ มุสิกพงศ์ เป็นคนเขียนมาเปิดเผย ให้เห็นว่านายสมัครเคยพูดกับนักเรียนไทยที่ฝรั่งเศส เมื่อเดือนมิถุนายน 2520 ยอมรับว่ามีคนตายจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จำนวน 48 คน
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า สิ่งที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้แล้วนั้นเปลี่ยนไม่ได้ การที่นายสมัครย้อนถามนักข่าวที่ถามเรื่องนี้ว่าอายุกี่ขวบแล้วเป็นการปรามาสว่าคนรุ่นหลังไม่รู้เรื่องอะไร แต่หนังสือเล่มดังกล่าวที่เขียนไว้เมื่อปี 2521 เป็นการจับโหกของนายสมัครอย่างชัด นายสมัครเคยบอกมีคนตาย 48 คน แต่พอเวลาผ่านไป 31 ปี กลับบอกว่ามีคนตายแค่คนเดียว
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่าการจัดรายการของนายเจิมศักดิ์นั้นเป็นการทำหน้าที่สื่ออย่างสมบูรณ์ เพราะไม่ได้ทำเพียงแค่รายงานสิ่งที่นายสมัครพูด แต่มีการวิเคราะห์สิ่งที่นายสมัครพูดและไปหาข้อมูลมาพิสูจน์ให้เห็นว่าข้อเท็จจริงคืออะไร
** เตือน “เพ็ญ” แทรกแซงสื่อ เริ่มต้น “ยุคมืด”
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐมนตรีโทรศัพท์ไปบอกให้ปรับปรุงเนื้อหารายการ ถือว่าเริ่มมีการแทรกแซงสื่อแล้ว แต่แทรกแซงด้วยวิธีการที่แนบเนียน จึงอยากให้เก็บหลักฐานเอาไว้ ตั้งแต่นายจักรภพเข้ามาเป็นรัฐมนตรี เพื่อตรวจสอบว่ามีการแทรกแซงสื่อทั้งทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่
ทั้งนี้ นายจักรภพต้องรู้ว่า ตนไม่มีหน้าที่ไปแทรกแซงสื่อ มีแต่ต้องให้เสรีภาพ และให้ประชาชนตัดสินเองว่า จะไว้วางใจสื่อใด หรือเห็นว่าสื่อใดไม่เป็นกลาง เพราะยิ่งไปปิดกั้น ประชาชนที่อยากจะรู้ข้อมูลก็จะยิ่งขวนขวายหา เหมือนกรณีรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ถูกถอดออกจากช่อง 9 และมาอยู่ เอเอสทีวี ก็ทำให้คนตามมาดูเอเอสทีวีมากขึ้น
ผู้ดำเนินรายการกล่าวชื่นชมนายเจิมศักดิ์ที่แสดงความเป็นสุภาพบุรุษไม่เอาเรื่องที่รายการวิทยุของตัวเองถูกถอดมาพูดในรายการ “รู้ทันประเทศไทย” ที่ตนเองจัดอยู่ทางเอเอสทีวีแม้แต่คำเดียว ซึ่งที่ผ่านมา รายการของนายเจิมศักดิ์ทางฟรีทีวีก็เคยถูกถอดมาแล้วหลายครั้ง หลายรายการ
ผู้ดำเนินรายการ ตั้งข้อสังเกตว่า รายการที่เป็นเนื้อหาสาระกำลังถูกคุกคามโดยฝ่ายการเมือง ไม่ว่าจะแสดงออกโดยทางตรงหรือทางอ้อม ก็แล้วแต่ ทำให้น่าเป็นห่วงว่า รายการที่หาหลักฐานมาเปิดโปงนักการเมืองจะมีใครทำ หรือจะมีแต่สื่อที่ตกเป็นเครื่องมือนักการเมือง รายงานข่าวตามคำพูดของนายสมัคร แค่นายสมัครถามกลับว่าอายุกี่ขวบ ก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว
“การทำอย่างนี้เป็นการแสดงสัญลักษณ์เพื่อกำราบสื่อ ไม่ต่างอะไรกับการที่คนโบราณบอกว่าเชือดไก่ให้ลิงดู และนี่คือสิ่งที่เรียกว่าการทำให้สื่อเซนเซอร์ตัวเอง โดยที่รัฐไม่ต้องสั่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะรัฐไม่ต้องออกคำสั่ง เพียงแค่ส่งสัญญาณบางอย่าง สื่อก็เซนเซอร์ตัวเองแล้ว”
ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่า ขอเตือนนายจักรภพให้ระระวังจะถูกถอดถอนในข้อหาแทรกแซงสื่อ ท่าทีที่แสดงออก ไม่ต้องมาใช้คำพูดให้ดูดี ว่าต้องการจัดระบบสื่อไม่ใช่จัดระเบียบสื่อ นี่คือจุดเริ่มต้นของยุคมืดในเรื่องข้อมูลข่าวสาร ถ้านายจักรภพแน่จริงควรจะบอกมาว่าจะเปิดโอกาสให้รายการต่างๆ ที่เคยหลบอยู่ตามมุมมืดได้มีโอกาสออกทีวีบ้าง เช่น รายการของนายเจิมศักดิ์ หรือรายการจากเอเอสทีวี
“แต่ในทางตรงกันข้าม ข่าวที่ได้ยินมาตอนนี้ แม้แต่ตามคลื่นวิทยุทหาร ก็มีการสั่ง เตือนว่า อย่าใช้คำว่า “นายกฯ นอมินี” เป็นสัญญาณว่าสุดท้ายแล้วคนที่จะล้มรัฐบาลไม่ใช่คนอื่น รัฐบาลนั่นแหละที่ทำตัวเอง”
** ญาติ 6 ตุลา ฮึ่ม “หมัก” บิดเบือน
สำหรับเรื่องเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า ล่าสุดเครือข่ายญาติวีรชน 6 ตุลา ได้รวมตัวกันแถลงข่าว ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ยืนยันว่าการพูดกับซีเอ็นเอ็นของนายสมัครเป็นโกหก คำพูดที่ว่ามีคนตายคนเดียวเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และเครือข่ายญาติวีรชนฯ จะอยู่เฉยไม่ได้ ที่มีการบิดเบือนทำร้ายจิตใจญาติของคนที่เสียชีวิต พร้อมกับได้เอารายชื่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลา จำนวน 41 คนมายืนยันด้วย และในวันที่ 17 ก.พ.นี้ จะจัดเสวนาที่ห้องประชุมด้านหน้าอนุสรณ์สถานฯ เพื่อให้สาธารณชนทราบข้อเท็จจริงว่าคืออะไร โดยไม่ถูกบิดเบือน
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า ประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ และได้ให้โอกาสนายสมัครในการเป้นนายกรัฐมนตรี โดยหวังว่าจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ในบั้นปลายของชีวิต ทำงานเพื่อประโยชน์ต่อชาติ คนรุ่นหลัง และดำเนินตามคำสัตย์ปฏิญาณที่ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องเหตุการณ์ 6 ตุลา นี้ ไม่มีใครต้องการฟื้นฝอยมาหาเรื่องกับนายสมัคร แต่ที่ต้องหยอบมาพูดก็เพราะนายสมัครยังคงบิดเบือนต่อหน้าสื่อมวลชนทั่วโลก ทำให้ต้องมีการค้นหาหลักฐานมาจับโกหก ถ้านายสมัครไม่พูดก่อน ก็คงไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ เพราะไม่มีใครอยากพูด
ทั้งนี้ นายสมัครคงจะไม่รู้ว่าข้อมูลข่าวสารในยุคนี้มันเผยแพร่กันได้ง่ายมาก นายสมัครอาจไม่รู้ว่าคนรุ่นใหม่หาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตได้ จึงคิดว่าคนรุ่นหลังจะไม่รู้เรื่องเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ จึงถามว่าอายุกี่ขวบแล้วเพื่อกดเอาไว้ และหวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่นายสมัครจะทำแบบนี้
** “เลี้ยบ” ลังเลเลิก 30% พิสูจน์ชัดไม่เหมาะคุมคลัง
ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และ รมว.คลัง ว่า ในฐานคนเดือนตุลาฯ นพ.สุรพงษ์ไม่พูดถึงกรณีนายสมัครบิดเบือนเหตุการณ์เลย พูดเพียงสั้นๆ ว่า นายกฯ พูดอย่างนั้นจริงหรือ แต่ นพ.สุรพงษ์ กลับไปพูดเรื่องการแต่งตั้งอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองว่ามีคุณสมบัติเหมาะที่จะเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจได้ ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่สนใจความรู้สึกของสังคม เหมือนคนซาดิสม์ ชอบความรุนแรง ต้องการจะทำให้เกิดปฏิกิริยาชัดๆ ทั้งนี้แม้ว่าอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยจะมีความสามารรถจริง แต่จะทำให้เกิดความเชื่อมโยงทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไมได้
นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการ ได้ตำหนิ นพ.สุรพงษ์ที่ไม่มีความชัดเจนในแนวทางการทำงานในฐานะ รมว.คลัง ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งก็บอกว่าจะยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30 % แต่พอประชุมร่วมกับแบงก์ชาติ กลับบอกว่ายังหาข้อสรุปไม่ได้ ให้แบงก์ชาติกับกระทรวงการคลังไปคุยกันเองก่อน
ท่าทีของ นพ.สุรพงษ์ คล้ายกับว่าไม่รู้จะเชื่อใครดีเกี่ยวกับมาตรการควบคุมเงินเข้าออก ปัจจุบันจึงมีการปล่อยให้มีการเก็งกำไรทั้งเงินเข้าและเงินออก เพราะมาตรการ 30% นั้น ไม่ได้บังคับใช้ในตลาดหุ้น
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า ถ้า รมว.คลังมีความคิดชัดเจนแล้ว จะต้องกล้าเปลี่ยนตัวผู้ว่าแบงก์ชาติ หากมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน เพื่อรักษาค่าเงินบาทให้เท่าๆ กับเงินตราของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งถ้าไม่มีมาตรการ 30 % ก็อาจมีมาตรการอื่น เช่น ภาษี มาทดแทน เป็นต้น แต่การที่ นพ.สุรพงษ์ได้มาเป็น รมว.คลังเพราะแค่ต้องการเอาชนะคะคาน ไม่ได้มาเพราะคุณสมบัติเหมาะสม การแบ่งงานกันมองผลทางการเมืองเป็นหลัก ทำให้เกิดปัญหาขึ้น
** “หมัก” รวบอำนาจ - เมิน “น้องเขยแม้ว”
ต่อมา ผู้ดำเนินรายการตั้งข้อสังเกตว่า ขณะนี้นายสมัครกำลังทารสถาปนาอำนาจตัวเอง และแสดงความเป็นตัวของตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ จากการขอดูรายชื่อเลขาฯ และที่ปรึกษารัฐมนตรีเอง การออกสื่อทุกวันอาทิตย์เพื่อเอาคะแนนนิยมใส่ตัวเอง สื่ออาจไม่เป็นที่พอใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งการแบ่งงานให้รองนายก ซึ่งปรากฏว่านายสมัคร ไม่ได้มอบหมายงานกระทรวงยุติธรรม อัยการสูงสุด หรือ ปปง.ให้นายชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณไปดูแล แต่นายสมัครขอดูแลเอง
นอกจากนี้ นายสมัครยังได้จับมือกับทหาร บอกว่าจะไม่แทรกแซงทหาร แต่ไม่รับประกันว่าไม่มีการปฏิวัติ นายสมัครกำลังกุมชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณในเชิงคดีความ และกุมชีวิตตัวเองด้วย การที่เอาสำนักงานอัยการสูงสุดไว้ดูแลเอง แสดงว่าไม่ไว้ใจนายสมชาย ทั้งๆ ที่เคยเป็นปลัดฯ ยุติธรรมมาก่อน ทำให้ขณะนี้ นายสมัครมีอำนาจต่อรองพอๆ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรืออาจจะสูงกว่าทักษิณหน่อยด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกัน ในพรรคพลังประชาชนก็มีสงครามที่เกิดขึ้นภายใน ส.ส.อีสานกับ ส.ส.กทม.กำลังแย่งกันเป็นเลขาณุการและที่ปรึกษารัฐมนตรี ซึ่งเป็นการแสดงพลังแข่งกันเองระหว่างกลุ่มของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งความขัดแย้งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดฝ่าย ส.ส.กทม.ออกมาแถลงข่าว อ้างว่าพวกตนต้องต่อสู้ด้วยความเหนื่อยยากมากกว่า ส.ส.อีสานที่ได้รับเลือกเข้ามาเพราะกระแสเท่านั้น
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1
( 56 k ) | ( 256 K )
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2
( 56 k ) | ( 256 K )