xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ” จับตา “นายกฯ หมัก” ปลดแอก “แม้ว” - กุมบังเหียนกองทัพเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยามเฝ้าแผ่นดิน” จับตา “นายกฯ หมัก” ปลดแอก “แม้ว” หลังได้อำนาจในมือ เผย “ประธานยุทธ” ทาบนายพลเกษียณอายุนั่ง รมว.กลาโหม แต่ “สมัคร” ไม่เอาด้วยขอคุมเองแทน เชื่อโผโยกย้ายกองทัพฝืนความต้องการทักษิณ พปช.เริ่มกระอักกระอ่วนกับหัวหน้า

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และ สโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และสโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 2

รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ นางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีของรัฐบาลชุดใหม่ ว่า โดยรวมแล้วมีความพยายามที่จะไม่ให้ถูกมองว่าเป็น ครม.ของคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มากเกินไป เช่น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ จากเดิมคาดหมายว่าจะเป็น รมว.ยุติธรรม ก็ย้ายไปดูแลกระทรวงอื่น แต่หากเทียบกับ ครม.ชุดก่อนหน้านี้ จะเห็นว่า ครม.ชุดก่อนดูมีน้ำหนักมากกว่า

นอกจากนี้ยังเห็นว่า คนบางคนก็ก้าวกระโดดเกินไป เช่น นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เคยเป็นผู้อำนวยการ อสมท แต่พอกลับมาครั้งนี้ได้เป็นรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีด้วย

อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่น่าสนใจคือรัฐมนตรีกลาโหมที่ดูแลงานด้านความมั่นคง ซึ่งต้องดูว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะตัดสินใจอย่างไร เพราะการรัฐประหารเกิดขึ้นโดยทหารที่ดูแลงานด้านความมั่นคงโดยรวมทั้งหมด นายสมัครจะมุ่งเอาชนะทหาร หรือต้องการแก้ไขปัญหาวิกฤติในภาคใต้

ตอนนี้มีข่าวว่านายสมัครจะนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเอง ตรงนี้น่าสนใจ เพราะนายสมัครบางทีจะมีจุดยืนที่ไม่เหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นคนละคนกัน เท่าที่สายข่าวรายงานมา ก่อนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนนั้น นายสมัครถูกทาบทามถึง 3 ครั้ง ไม่ใช่มาทันที ดังนั้นเชื่อว่าช่วงระหว่างตรงนั้นน่าจะมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างที่ต้องตกลงกันไว้

แต่ว่าตอนนี้ที่เราเริ่มเห็นสัญญาณก็เพราะว่า โผ ครม.มีการปรับไปแล้วบางส่วน นายสมัครดูเหมือนว่าพยายามจะเปลี่ยนบางตำแหน่ง ทำจริงหรือไม่จริงเราไม่รู้ แต่เหมือนกับแสดงออกให้คนรับรู้ว่าตัวเขามีอำนาจ เป็นไปได้ว่าการแสดงออกอย่างนี้ เท่ากับว่านายสมัครจริงๆ ตระหนักดีว่าปัญหาเรื่องของการเป็นนอมินี มันเป็นเรื่องที่น่าอับอาย

ขณะเดียวกัน ผู้ดำเนินรายการยังเปิดเผยว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกับรองประธาน 1 คน ไปบ้านนายทหารยศ พล.อ.ที่เกษียณอายุแล้วคนหนึ่ง เพื่อทาบทามให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เท่ากับว่านายยงยุทธน่าจะได้รับคำสั่งอะไรบางอย่างมา

อย่างไรก็ตาม นายทหารคนนี้ถ้าได้เป็น รมว.กลาโหม คมช.คงรับไม่ได้ และเมื่อโผไปถึงมือนายสมัคร ปรากฏว่านายสมัครไม่เห็นด้วย และขอรับตำแหน่งนี้เอง แสดงว่านายสมัครนั้นแม้จะรู้ว่ามีคำสั่งอะไรมา แต่ก็ขอตัดสินใจดูแลด้วยตนเอง

ทั้งนี้ หากย้อนไปประวัติของนายสมัครจะเห็นว่านายสมัครเป็นมิตรกับทหารหลายยุคหลายสมัย ถ้าใครจำได้ และไปทบทวนดูจะเห็นว่านายสมัครไม่ใช่เป็นฝ่ายต่อต้านรัฐประหาร สมัย รสช.นายสมัคร ก็เป็นคนเอ่ยปากสนับสนุน พล.อ.สุจินดา คราประยูร ให้เป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งฐานเสียงหลักของนายสมัครในเขตดุสิตก็เป็นทหาร

ดังนั้น นายสมัครจึงให้ความสำคัญกับกระทรวงกลาโหมเป็นพิเศษ และพยายามไม่แสดงท่าทีของตัวเองออกมาจนกระทั่งได้เป็นนายกฯแล้ว นายสมัครจะขอเป็น รมว.กลาโหมด้วยตัวเอง ซึ่งว่ากันว่า เมื่อเป็นแล้ว นายสมัครอาจจะไม่ได้ปรับโผโยกย้ายทหารดั่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการทั้งหมดก็ได้

“ผมไม่ได้พูดเพื่อให้คุณทักษิณระแวงคุณสมัคร หรือคุณสมัครระแวงคุณทักษิณ หรือพรรคพลังประชาชนหวาดระแวงคุณสมัครนะครับ แต่อยากให้จับข้อสังเกตก็คือว่า ผมเริ่มเห็นสัญญาณการที่คุณสมัครแสดงออกอะไรบางอย่าง ในการที่จะแสดงพลังอำนาจว่าตัวเองมีสิทธิมีเสียงในการปรับ ครม. ผมไม่รู้ว่าข้อตกลงที่คุณทักษิณแกพูดกับคุณสมัครนั้นเป็นอย่างไร แต่ลึกๆ ก็เชื่อว่าน้ำหนักที่ให้ต่อกันระหว่างเสียงในสภาฯ ซึ่งมีความสำคัญกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับอำนาจการยุบสภา

โดยเฉพาะช่วงเวลานี้มีเดิมพันเรื่องของคดีความของคุณทักษิณ การกลับมาของ 111 คน การสร้างอำนาจเปลี่ยนโยกย้ายข้าราชการ มีเดิมพันทั้งนั้นเลย เพราะฉะนั้นไม่แปลกที่คุณสมัครจะกลับกลายมาเป็นผู้มีอำนาจต่อรองสูงขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่เป็นนายกรัฐมนตรี”

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า อยากเห็นบั้นปลายของนายสมัครที่ประกาศมาเกือบชั่วชีวิตว่าตัวเองมีเลือดสีน้ำเงิน รักสถาบันทหาร จะจบชีวิตอย่างที่ตัวเองตั้งปณิธานไว้ หรือจะยอมเสื่อมอำนาจกับ พ.ต.ท.ทักษิณที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งตอนนี้มีความรู้สึกว่าพรรคพลังประชาชนเริ่มกระอักกระอ่วนพอสมควรจากกระแสข่าวที่ได้รับรายงานมา

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมาก เพราะพวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐ แค่มองคนๆ หนึ่งที่ทั้งชีวิต ประกาศว่าเป็นคนที่มีความจงรักภักดี อยากดูว่าเมื่อเขามีอำนาจสูงสุดจริงๆ เป็นยังไง เข้าใจว่ากว่าที่นายสมัคร จะตัดสินใจไปอยู่ที่พรรคพลังประชาชน เดิมพันทั้งชีวิตก็คือการได้เป็นนายกรัฐมนตรี พอได้เป็นแล้วก็ถือว่าสำเร็จลุล่วงแล้ว ที่เหลือคืออำนาจของตัวเองอยู่ในมือ มีสิทธิที่จะเลือกด้วยตัวเองว่า จะเป็นนายกฯ แบบไหนได้

** 6 พรรคร่วมฟื้นประชานิยม

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงการทำนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรคว่า เป็นการนำนโยบายประชานิยมกลับมาใช้เหมือนเดิมทุกอย่าง เช่น กองทุนหมู่บ้าน กองทุนก็ยืมเพื่อการศึกษาที่ยังฟ้องกันอยู่ รวมถึงหวยบนดิน ซึ่งก็ยังเป็นคดีที่ คตส.กำลังตรวจสอบอยู่ โดยล่าสุดแม้อัยการสูงสุดจะขอให้สอบเพิ่มโดยอ้างว่าสำนวนอ่อน แต่ คตส.ก็เตรียมจะจ้างทนายความฟ้องเอง

ทั้งนี้ คตส.จะขยายเวลาในการประชุมมากขึ้นเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ในช่วงเวลาที่เหลือ และได้เตรียมของบประมาณเพิ่มจาก ป.ป.ช. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการทำงานช่วงที่ยังไม่ครบวาระ

สำหรับ คดีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแผ่นดินโดยมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตัวเองนั้น ล่าสุด ทนายความของพ.ต.ท.ทักษิณได้ขอเลื่อนการชี้แจงข้อกล่าวหาจากวันที่ 5 ก.พ.ที่จะถึงนี้ออกไปอีก 60 วัน ซึ่งคณะอนุกรรมการไต่สวนของ คตส.ได้ยกคำร้องดังกล่าว เนื่องจากเป็นเหตุผลของทนายไม่ใช่เหตุผลของ พ.ต.ท.ทักษิณผู้ถูกกล่าวหา และไม่ทราบว่ามีการมอบอำนาจกันเมื่อใด เพราะฉะนั้นจึงให้เวลาถึงวันที่ 5 ก.พ.เท่านั้นในการมาชี้แจงข้อกล่าวหา

ผู้ดำเนินรายการมองว่า การขอเลื่อนการชี้แจงของทีมทนาย พ.ต.ท.ทักษิณดังกล่าว น่าจะเป็นการยื้อเวลาเพื่อจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน และมีข้อน่าสังเกตที่นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส.ได้ออกมาบอกว่า ตั้งแต่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร กลับเข้ามาในประเทศไทย ทำให้การหาพยานมาให้ปากคำในคดีต่างๆ ทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม

** “นพดล” กินแรง “จักรภพ”

ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงการประชุมเพื่อจัดทำนโยบายรัฐบาลสมัคร 1 ว่า มีการแจกซอง 2 ซอง ซองแรกส่งให้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล 5 พรรค เพื่อให้เสนอนโยบายที่พรรคการเมืองเหล่านั้นต้องการผลักดัน ส่วนซองที่ 2 ให้กรอกชื่อและประวัติคนที่จะเป็นรัฐมนตรี ซึ่งมีบางคนกรอกทันที เช่น นางอุไรวรรณ เทียนทอง นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล และนายนพดล ปัทมะ

สำหรับนายนพดลที่คาดหมายกันว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น มีข้อน่าสังเกตว่า หากเทียบกับนายจักรภพ เพ็ญแข ที่จะเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเดียวกันนี้นั้น จะเห็นว่าที่ผ่านมานายจักรภพทำงานให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณหนักกว่า ถึงขั้นต้องเข้าคุกถูกตัดผมทรงใหม่แต่ได้เป็นแค่รัฐมนตรีช่วย ขณะที่นายนพดลแค่นั่งแถลงข่าวในห้องแอร์ของโรงแรมหรูกลับได้เป็นรัฐมนตรีว่าการ

ยิ่งถ้าเปรียบเทียบคุณสมบัติส่วนตัวจะเห็นว่า นายจักรภพนั้นเคยทำงานในกระทรวงการต่างประเทศมาก่อน และรู้เรื่องงานด้านการต่างประเทศดี ขณะที่นายนพดลไม่เคยมีประวัติการทำงานด้านต่างประเทศเลย ซึ่งการตั้งให้นายนพดลเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาจเป็นเพราะนายนพดลเป็นทนายที่จะช่วยแก้ต่างให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กับชาวต่างประเทศได้เท่านั้น

ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่า ถึงตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าการตั้งคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องของการเอาชนะคะคานกัน ไม่เกี่ยวกับคุณสมบัติของคนที่จะไม่รับตำแหน่ง ส่วนอำนาจของประชาชนนั้น เมื่อหย่อนบัตรลงคะแนนช่วง 4 วินาทีจบไปแล้วก็จบไปเลย หลังจากนั้น นักการเมืองจะตั้งใครเป็นประธานสภา ตั้งใครเป็นนายก ตั้งใครเป็นรัฐมนตรีก็ได้ แม้ว่าคนคนนั้นจะมีคดีอาญาติดตัวกี่คดีก็ตาม

**เหน็บ “บิ๊กแอ้ด” ลาออกช้า

ในช่วงท้าย ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงคำอำลาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ว่า บางประโยคเมื่อฟังแล้วทำให้เจ็บปวดน้ำตาไหล และสะเทือนใจ โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ก็จะไม่มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อว่าจริงๆ พล.อ.สุรยุทธ์ น่าจะรู้ตัวตั้งแต่มาค่อนทางแล้ว แต่ทำไมไม่ลาออกไปตั้งแต่ตอนนั้น

นอกจากนี้ ที่พล.อ.สุรยุทธ์ บอกว่าช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด คือเวลานอน ส่วนช่วงเวลาที่เป็นทุกข์ คือช่วงที่ต้องพบปะพูดคุยทำความเข้าใจทั้งคนของเราเองและผู้นำต่างประเทศซึ่งจำเป็นต้องรวบรวมความคิดและสมาธินั้น พล.อ.สุรยุทธ์น่าจะพูดกลับกันมากกว่า เพราะคนที่เป็นผู้นำนั้นเวลาที่มีความสุขที่สุดน่าจะเป็นช่วงที่ได้ทำงาน ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ได้นอน ทั้งนี้ พล.อ.สุรยุทธ์อาจจะมีอาการโรคซึมเศร้าเหมือนที่นักจิตวิทยาบอกไว้ว่า คนที่มีความทุกข์ลึกๆ อยู่ในใจนั้น จะมีความสุขที่สุดเมื่อเวลานอน

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1

( 56 k ) | ( 256 K )



คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2

( 56 k ) | ( 256 K )



กำลังโหลดความคิดเห็น