xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ” ชี้ “หมัก” เดิมพัน “จงรักภักดี” กับเก้าอี้นายกฯ - “พลังแม้ว” ปัดรอมชอม คมช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายการยามเฝ้าแผ่นดินดำเนินรายโดยปานเทพ พัวพงษ์พันธ์นักวิชาการอิสระและสโรชา พรอุดมศักดิ์
“ยามเฝ้าแผ่นดิน” เชื่อ “หมัก” ยอมทำทุกอย่างเพื่อเก้าอี้นายกฯ ช่วงสุดท้ายของชีวิต ยอมเอาความจงรักภักดีเป็นเดิมพัน ไม่สนใจคำพูดจาบจ้วง ของ “ทักษิณ” พร้อมชี้ “พลังแม้ว” ส่อปัดรอมชอม คมช.“ประวิตร” หมดสิทธิ์นั่ง กลาโหม “สมทัต-เรืองโรจน์” มีลุ้นแทน

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และ สโรชา พรอุดมศักดิ์  ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และ สโรชา พรอุดมศักดิ์  ช่วงที่ 2


รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 23 มกราคม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และ นางสโรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรก ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวกรณีที่องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือ ไทยพีบีเอส อาจจะรับพนักงานทีไอทีวีทั้งหมดตามภาระผูกพันตามคำสั่งศาลปกครอง ว่า ต้องยอมรับอดีตพนักงานทีไอทีวีเป็นคนมีบุญ และโชคดีกว่าคนทั่วไป หลายคนมีฝีมือที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ โดยเฉพาะพนักงานรุ่นแรกๆ สามารถผลักดันให้ไอทีวีเป็นสื่อที่คุณภาพ มีจุดยืนเพื่อต่อสู้กับระบอบการเมือง

แต่เมื่อกลุ่ม บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น เข้าซื้อหุ้นของบริษัท ไอทีวี จุดยืนที่ยืนหยัดมาอย่างต่อเนื่อง กลับเริ่มเปลี่ยนแปลง พนักงานรุ่นแรก รุ่นสอง โดนไล่ออก ด้วยเหตุผลไม่สนองตอบนโยบาย อีกทั้งยังถูกการเมืองในขณะนั้นกดดัน ทำให้บุคลากรที่เหลือล้วนตกอยู่ในอำนาจของผู้ถือหุ้นทั้งหมด การนำเสนอข่าวถูกบิดเบือน ภาคประชาชนถูกปิดกั้น ไอทีวีกลายเป็นสถานีที่ถูกครอบงำโดยการเมืองจนแยกไม่ออก

การที่ ไทยพีบีเอส จะรับอดีตพนักงานทีไอทีวีทั้งหมดนั้น ก็อยากให้ย้อนกลับไปดูการยกเลิกสัมปทานไอทีวีของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เป็นการเอาผิดกับบริษัท หรือกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น ที่ถือหุ้นของบริษัท ไอทีวี พนักงานในฐานะเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนก็ต้องยอมรับสภาพ แต่วันดีคืนดี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กลับไปอุ้มพนักงานเหล่านั้น จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม ทำไมรัฐจะต้องไปโอบอุ้มพนักงานเหล่านั้นทั้งหมด มันแปลว่ารัฐบาลจะต้องไปอุ้มพนักงานเอกชนที่ตกงานทั้งประเทศหรือไม่

ผู้ดำเนินรายการ ยังชี้ให้เห็นว่า อดีตพนักงานไอทีวี หรือแปรเปลี่ยนมาเป็นทีไอทีวี ทุกคนล้วนไม่ได้ตกอยู่ในภาวะลำบาก เมื่อครั้งถูก สปน.ยกเลิกสัมปทานก็ได้รับเงินค่าชดเชยอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากบริษัท ไอทีวี ครั้นเมื่อมาอยู่ทีไอทีวี หรือ ไทยพีบีเอส ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับค่าจ้างที่สูงกว่าพนักงานของกรมประชาสัมพันธ์อีก จะรับทั้งหมดมันเกินไป ที่สำคัญ จะต้องตอบคำถามผู้สมัครอีก 3 พันคนให้ได้อีกด้วย

**เชื่อ “หมัก” ทำทุกอย่าง! ลุ้นเก้าอี้ตัวสุดท้ายของชีวิต

ผู้ดำเนินรายการยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ตระเตรียมสถานที่บริเวณบ้านพักย่านหมู่บ้านโอฬาร เพื่อรอรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ 25 โดยมองว่า หากมีความหวังจะเป็นนายกฯ นายสมัคร ก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย นายสมัคร เป็นบุคลากรทางการเมืองที่สำคัญคนหนึ่ง เป็นคนที่มีความรู้รอบตัวดีมาก อดีตผ่านตำแหน่งสำคัญๆ มาก็มาก ครั้นเมื่อมีโอกาสขึ้นสู่ตำแหน่งสุดท้ายก็จะทำทุกอย่าง เพื่อให้สมหวังกับการรอคอยมายาวนาน

อย่างไรก็ตาม นายสมัคร นั้น มีท่าทีเห็นพ้องกับรัฐบาลชุดเก่า เห็นได้จากการทำหน้าที่พิธีกรในรายการ “เช้าวันนี้..ที่เมืองไทย” ทางช่อง 5 นายสมัคร ทุ่มเทให้กับพรรคไทยรักไทย ออกมาตอบโต้แทนรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เกือบทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน

แต่ก่อนที่ นายสมัคร จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ นั้น นายสมัคร ต้องย้อนถามตัวเองก่อนว่า จะสนใจเหตุผล 4 ข้อของการยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.หรือไม่ หรือคำพูดจาบจ้วงสถาบันของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นี่คือ เดิมพันสูงสำหรับคนที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันอย่างเช่น นายสมัคร ที่ต้องตอบให้ได้

**จับตาแคนดิเดตเก้าอี้ร้อน รมว.กห.

นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการ ยังเชื่อว่า จะไม่เห็นความประนีประนอมเกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลโดยการนำของพรรคพลังประชาชน กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) อย่างแน่นอน เห็นได้จากการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภา ทั้ง 2 ใน 3 คน ล้วนแต่เคยต่อสู้กับ คมช.อย่างต่อเนื่อง ยิ่งหากนายสมัครเป็นนายกฯ อีก ส่งสัญญาณให้เห็นถึงความไม่ประนีประนอม กับ คมช.ดังนั้น ชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แคนดิเดตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในส่วนของ คมช.จึงเป็นไปไม่ได้ และเชื่อว่า คมช.หมดอำนาจต่อรองไปนานแล้ว

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวด้วยว่า อยากให้จับตาบุคคลที่ถูกเสนอชื่อให้มานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้ง พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ อดีต ผบ.ทบ.และอดีต ผบ.ทหารสูงสุด ที่มีชื่อติดโผและมีลุ้นมากที่สุดในขณะนี้ แต่ก็ไม่อยากให้ทิ้งชื่อ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และอดีต ผบ.ทหารสูงสุด อีกคนที่เป็นตัวเต็งที่น่าจับตามองมากสุดในเวลานี้เช่นกัน

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงกรณีข่าวลือที่ว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปต่างประเทศ โดยไม่มีกำหนดกลับว่า ล่าสุด พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า พล.อ.สนธิ เดินทางไปราชการในประเทศแถบตะวันออกกลาง และจะกลับในราวปลายเดือนมกราคมนี้แน่นอน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.อ.สนธิ เดินทางไปตะวันออกกลาง ตามกำหนดเดิมที่มีมาก่อนแล้ว เพื่อทำภารกิจเกี่ยวกับการช่วยเหลือคนไทยและนักศึกษาไทยจากภาคใต้ที่ไปเรียนหนังสือในตะวันออกกลาง

อย่างไรก็ตาม ที่ห้องทำงานของ พล.อ.สนธิ ในทำเนียบรัฐบาลนั้น ได้มีคนของ พล.อ.สนธิ ไปเก็บของกลับไปเกือบหมดแล้ว และ พล.อ.สนธิ ได้สั่งงดประชุมคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) ที่ยังเหลืออยู่อีก 1 วาระไปแล้วเช่นกัน

ต่อมาผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และเอเอสทีวี เคยทำนายสถานการณ์ทางการเมืองไทยไว้ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2550 และ 9 เดือนต่อมาก็เป็นไปตามนั้น ว่า ที่ นายสนธิ ทำนายได้ถูกต้อง เพราะให้หลักธรรมในข้อปฏิจจสมุปบาท และอิทัปจจยตา นั่นคือ หลักแห่งเหตุและปัจจัย เพราะสิ่งนั้นเกิดสิ่งนั้นจึงเกิด ตอนนั้นรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ มองพันธมิตรฯ เป็นเรื่องแปลก นายสนธิ จึงมองออกว่าในอีก 9 เดือนข้างหน้าจะมีการสมยอมกันแน่นอน

นอกจากนี้ ตามหลักการประชาธิปไตยจะต้องเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ ตามคำของท่านพุทธทาสภิกขุ แต่การสู้กันของกลุ่มต่างๆ ในขณะนี้ ไม่ได้เอาประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ ดังนั้น เราจึงต้องแยกตัวออกมา เพื่อดำเนินการตามแนวทางของเราเอง

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1

( 56 k ) | ( 256 K )



คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2

( 56 k ) | ( 256 K )



กำลังโหลดความคิดเห็น