xs
xsm
sm
md
lg

ครป.จับตาขั้วอำนาจฮั้วสมานฉันท์ ลั่นต้องไม่หนีกระบวนการยุติธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ครป.เบรกอำนาจเก่า-อำนาจใหม่ ฮั้วสมานฉันท์ ดั่งสุภาษิต “เงินใช้ผีโม่แป้ง” ชี้ทำได้ต้องไม่กระทบกระบวนการยุติธรรม “สุริยะใส” ร้อง กกต.ตั้งกรรมการสอบ กกต.สีเทาปล่อยสำนวนรั่วถึงมือ ยุทธ ตู้เย็น

วันนี้ (13 ม.ค.) ที่คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการ ครป.นายพิภพ ธงไชย ที่ปรึกษา ครป.และ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ผู้อำนวยการ สปป.ร่วมแถลงข่าว โดย นายสุริยะใส กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากลุ่มอำนาจเก่าหารือกับกลุ่มอำนาจใหม่ ว่า ครป.และ สปป.สนับสนุนหลักการสมานฉันท์ของทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศเกิดความปรองดอง และเดินไปข้างหน้า แต่จะต้องไม่ใช่การฮั้ว หรือสมยอมกันในลักษณะสมประโยชน์ แต่จะต้องคำนึงถึงหลักการความถูกต้องชอบธรรม

ทั้งนี้ ตนเห็นว่า หลักการปรองดองสมานฉันท์จะต้องไม่ละเมิด หรือกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม เพราะความยุติธรรมถือเป็นหัวใจสำคัญของความสมานฉันท์ ครป.และ สปป.จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลชุดหน้า ไม่ว่าจะจัดตั้งโดยพรรคการเมืองใดก็ตาม จะต้องสนับสนุนและให้ความร่วมมือต่อกระบวนการยุติธรรม

นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงบทบาทการทำงานของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในขณะนี้ว่า ตนรู้สึก แปลกใจและสับสนกับการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.ที่ยังไม่สามารถวางหลักปฏิบัติที่น่าเชื่อถือได้ และดูเหมือนมีพฤติกรรมลู่ตามลมการเมือง โดยเฉพาะกระบวนการสอบสวนที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการตั้งทีมสันติบาลมาช่วยงานสอบสวนจนทำให้งานสอบสวน กกต.ดีขึ้น แต่พอถูก นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ขอให้เปลี่ยนตัว พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล ก็เปลี่ยนเอาดื้อๆ เพียงเพราะ พล.ต.ต.ชัยยะ รู้จักกับฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

“ผมคิดว่าถ้าหลักคิด กกต.เป็นอย่างนี้ ถามว่า ประชาชนทั้งประเทศจะไว้ใจสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อย่างไร เพราะหลายคนเป็นญาติพี่น้องและเป็นตำรวจร่วมรุ่นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตอนนี้ก็เริ่มกลับมามีตำแหน่งสำคัญใน สตช.แล้ว” นายสุริยะใส กล่าว

นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า การตั้ง นายสุวิทย์ ธีระพงษ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นตุลาการเสียงข้างน้อยที่วินิจฉัยไม่เห็นด้วยกับการให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2548 เป็นโมฆะ มาเป็นอนุกรรมการสอบสวนแทน ก็ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาสอบสวน และ กกต.จะรับรองนายยงยุทธ ไปก่อน ค่อยไปหาวิธีสอยทีหลัง ซึ่งวิธีคิดแบบนี้เท่ากับปล่อยให้นักการเมืองสีเทาเข้าสู่สภาอันทรงเกียรติ ทำให้รัฐสภามัวหมอง และสร้างปัญหาตามมาถือว่า กกต.ผลักภาระให้กับประเทศและประชาชน ตนคิดว่า การกระทำของ กกต.ขณะนี้เป็นการฟอกผิดให้ นายยงยุทธ ติยะไพรัช หรือไม่ ยิ่งจะมีการรับรองการเลือกตั้งล่วงหน้าไปก่อนแล้วสอยทีหลัง ซึ่งตนเชื่อว่าจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย

อย่างไรก็ตาม ครป.และ สปป.จึงขอเรียกร้องให้ กกต.ตั้งกรรมการสอบสวนกรณี กกต.สีเทา บางคน ไม่คืนสำนวนการสอบสวนและส่อว่าเป็นผู้ปล่อยสำนวนให้กับว่าที่ ส.ส.บางคนเพื่อแก้ต่างข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวน เพื่อให้สังคมมั่นใจว่า กกต.ทั้ง 5 คน มีมาตรฐานที่น่าเชื่อถือในกระบวนการทำงาน เพราะทั้ง 5 ท่านเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมาย และมาจากผู้พิพากษาเป็นส่วนใหญ่ และขอให้ กกต.วินิจฉัยใบเหลือง-ใบแดง โดยยึดพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง จะต้องไม่โอนอ่อนตามแรงกดดันทางการเมือง โดยเฉพาะการชุมนุมกดดันของว่าที่ ส.ส.ที่ถูกให้ใบเหลือง-ใบแดง

ด้าน นายพิภพ กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มอำนาจเก่าและอำนาจใหม่หารือกัน เพื่อเป็นการสมานฉันท์ ซึ่งทำให้หลายคนวิตกกังวล ซึ่งเชื่อว่าเบื้องหลังการปรองดองกันครั้งนี้ จะต้องใช้เงินในการสมานฉันท์กันอย่างมโหฬาร ดังสุภาษิตจีนที่ว่าไว้ว่า เงินสามารถทำให้ผีโม่แป้งได้ เพราะเงินสามารถทำทุกอย่างได้ ซึ่งตนคิดว่าการจะสมานฉันท์ให้ประเทศสงบสุขได้นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่จะไม่ต้องละเลยการกระทำผิดของคนบางคน และของพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ตยยังอยากฝากไปถึง กกต.ให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมาถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าพรรคใดที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และนำไปสู่การยุบพรรคได้นั้นก็ควรจะต้องทำ

“ถ้ากรณีของคุณหญิงพจมาน ไม่สามารถนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ได้ถือว่า กระบวนการยุติธรรม และอำนาจตุลาการล้มเหลว และจะทำให้ประชาชนคิดว่าถูกหลอกว่าสามารถพึ่งกระบวนการยุติธรรมได้ แต่พึ่งไม่ได้ สุดท้ายก็จะหันมาพึ่งตัวเอง” นายพิภพ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น