ส.ส.ปชป.-นักวิชาการ แฉเกม “เชาวริน” อ้างความสัมพันธ์ “ชัยยะ-สนธิ” มุ่งดิสเครดิตสันติบาล ที่กุมข้อมูลซื้อเสียงไว้มากที่สุด พร้อมป่วน กกต.เสียงข้างมากจนต้องยอมโอนงานสืบสวนกลับสู่ทีมงานเดิมของ กกต.ที่เคยวินิจฉัย เอื้อประโยชน์ พปช.ติง กกต.ไม่อยู่กับร่องกับรอย ตั้งทีมสอบทุจริตเชียงรายใหม่ จี้ตอบคำถามสังคม หวั่นพยานถอดใจจนคดีพลิก
กรณี ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม 7 พรรคพลังประชาชน ได้เข้ามอบ ดอกไม้ให้แก่ กกต.ทั้ง 5 คน ที่เปลี่ยนชุดสืบสวนสอบสวนเรื่องร้องเรียนทุจริตเลือกตั้งที่ จ.เชียงราย ของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน พร้อมกับนำหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่าง พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน โดยอ้างว่า พล.ต.ต.ชัยยะ ไม่มีความเป็นกลางนั้น
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม 5 พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า เป็นความพยายามของ ร.ต.ท.เชาวริน ที่จะลดความน่าเชื่อถือของตำรวจสันติบาล ซึ่งมีข้อมูลการทำผิดของพรรคการเมืองที่มีการซื้อเสียงมากที่สุด ถ้าทำลายความน่าเชื่อถือของสันติบาลได้แล้ว ก็จะทำให้หน้าที่การสอบสวนไปตกอยู่กับชุดสืบสวนชุดเก่าของ กกต.ที่ได้สร้างรอยด่างให้กับประเทศชาติไว้แล้ว ด้วยการวินิจฉัยคำร้อง 1,000 กว่าเรื่อง ใน 7 วันทำการแล้วบอกว่าไม่มีมูล เป็นเรื่องที่น่าสุดอดสู ในการควบคุมดูแลเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม
“เป็นการดิสเครดิตตำรวจสันติบาล เพื่อให้การสอบสวนไปอยู่กับทีมงานชุดเก่า เพื่อหวังว่าตัวเองจะได้กลับเข้ามามีอำนาจ ทั้งที่ทีมงานชุดเดิมของ กกต.ไม่มีความชอบธรรมแล้ว ที่ตำรวจสันติบาลไม่มอบหลักฐานไว้ให้นั้นถูก เพราะฝ่ายสืบสวนของ กกต.ขาดความน่าเชื่อถือไปมากแล้ว” นายสมเกียรติ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า พล.ต.ต.ชัยยะ นั้น รู้จักคนไปทั่ว นอกจาก นายสนธิ แล้ว ยังรวมถึงแกนนำพันธมิตรฯ คนอื่นๆ ไปจนถึงกรรมการบริหารและคนในพรรคพลังประชาชนเอง รวมถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ด้วย แต่ไม่ว่าจะรู้จักใครก็ตาม การสืบสวนสอบสวนนั้นไม่สามารถที่จะทำนอกเหนือจากหลักฐานที่มีอยู่ได้ เพราะขณะนี้ เป็นการสู้กันของ 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายธรรมะ กับอธรรม ซึ่งการฟาดฟันกันนั้น ต้องใช้หลักฐานทั้งสิ้น การตั้งข้อกล่าวหาใครต้องยึดกุมตามพยานหลักฐาน เพียงแต่ครั้งนี้หลักฐานที่ได้มามีความลึก ไม่มีหน่วยงานราชการใดเคยทำได้มาก่อน ถึงขั้นนำพยานหลักฐานมาเปิดโปงให้เห็นว่าการซื้อเสียงมีความลึกลับซับซ้อนอย่างไรบ้าง ซึ่งวิธีการซื้อเสียงแบบนี้มีมาหลายครั้งแล้ว
อีกประเด็นนั้น ร.ต.ท.เชาวริน ต้องการให้ กกต.เกิดความปั่นป่วน เพราะนี่เป็นการทำลาย กกต.เสียงข้างมาก ที่เลือก พล.ต.ต.ชัยยะ มาช่วยงาน ถ้าทำลาย กกต.เสียงข้างมากได้ ก็ทำให้ กกต.เกิดความลังเล กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนคดีที่เชียงรายใหม่ เพื่อยืดเวลาออกไป
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า การตั้งทีมงานสอบสวนชุดใหม่ขึ้นมา ก็เหมือนกับการไม่ยอมรับการสืบสวนสอบสวนของ พล.ต.ต.ชัยยะ ทั้งที่เป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักและแน่นหนามาก สื่อมวลชนรายงานตรงกันทุกฉบับ ว่า หลักฐานทุกชิ้นมีอยู่อย่างรัดกุม จนยากที่จะปฏิเสธได้ จึงไม่ทราบว่า ตั้งทีมสอบสวนขึ้นมาใหม่เพื่ออะไร เรื่องนี้ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ โดยเฉพาะการตั้งขึ้นมา ในขณะที่ กกต.บางคนถูกร้องเรียนเรื่องการปล่อยสำนวนให้หลุดออกมาข้างนอก เพราะฉะนั้นต้องตอบสังคมให้ได้ว่า ตั้งคณะกรรมการสอบสวนชุดใหม่ขึ้นมาเพื่ออะไร
** อัด “โกโบริน” ตีรวน
ด้าน ดร.ประยูร อัครบวร อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า นายสนธิ นั้น ไม่ใช่นักการเมือง การที่จะให้การสนับสนุนตำรวจสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก และในความเป็นจริง พล.ต.ต.ชัยยะ ก็สนิทสนม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ด้วย ทำไม ร.ต.ท.เชาวริน ไม่เอามาพูด
“เพราะฉะนั้น เวลานักการเมืองพูดอะไรออกมา เราต้องระวัง เพราะเขาจะพูดแค่ครึ่งเดียว แล้วการที่ พล.ต.ต.ชัยยะ รู้จักคุณสนธิแล้ว คุณสนธิ ก็ไม่ได้ทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลงได้ เพราะฉะนั้นการออกมาพูดเรื่องนี้ของ ร.ต.ท.เชาวริน จึงเป็นการตีรวน สร้างความปั่นป่วนเพื่อทำลายกระบวนการยุติธรรม”
ดร.ประยูร กล่าวต่อว่า พล.ต.ต.ชัยยะ นั้น เป็นตำรวจ ก็ต้องทำหน้าที่จับกุมคนที่ทำผิดอยู่แล้ว การที่ ร.ต.ท.เชาวริน ออกมาดิสเครดิต จึงเป็นการทำลายประชาธิปไตยอีกอย่างหนึ่ง ถ้านายยงยุทธ มั่นใจว่า ตัวเองไม่ได้ทำผิด ก็ต้องมาชี้แจง ไม่ใช่คอยแต่จะทำลายความน่าเชื่อถือของคนที่จะตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม ดร.ประยูร ได้แสดงความผิดหวังที่ กกต.ไม่อยู่กับร่องกับรอย จนมีการเปลี่ยนชุดสืบสวนสอบสวนคดีทุจริตเลือกตั้งที่เชียงรายใหม่ แสดงให้เห็นว่า คนของ กกต.ในยุค 3 หนา ยังมีอิทธิพลอยู่ คนพวกนี้จะทำสีดำให้เป็นสีเทา และทำสีเทาให้เป็นสีขาว เหมือนการเลือกตั้งครั้งก่อน ซึ่ง กกต.จังหวัดเสนอให้ใบแดงมา แต่ กกต.กลางกลับให้ใบเหลือง โดยที่ กกต.จังหวัดไม่รู้เรื่องเลย
ดร.ประยูร ย้ำว่า การที่ กกต.ไม่หนักแน่น จะทำให้กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย พรรคพลังประชาชนกำลังพยายามดิ้นรนหนีความผิด แต่ กกต.ก็ไม่จัดการให้เด็ดขาด เช่น กรณีนายประแสง มงคลศิริ ทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน กกต.ก็ไม่รีบจัดการ นายวีระ สมความคิด ไปยื่นร้องเรียกเรื่องพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินี ก็ทำให้สำนวนอ่อนลง จึงอยากถามทำอย่างนี้เพื่ออะไร คนพวกนี้ถ้าปล่อยให้มีอำนาจรัฐแล้วจะทำผิดขนาดไหน ตั้งแต่ขั้นตอนจะเข้าไปสู่อำนาจก็เริ่มทำผิดแล้ว
สำหรับการตั้งชุดสืบสวนขึ้นมาทำคดีทุจริตที่เชียงรายใหม่ ต้องตั้งคำถามว่าจะพิจารณาสำนวนที่ พล.ต.ต.ชัยยะ ทำไว้แล้วแค่ไหน จะดูพยานหลักฐานของ พล.ต.ต.ชัยยะ แค่ไหน แต่การมาสอบสวนใหม่ จะทำให้พยานไม่มั่นใจ เพราะที่เขาให้การตอนแรกนั้นเขาคิดว่าตำรวจจะเอาจริง แต่พอยกเลิกแล้วมาสอบใหม่ เขาก็เริ่มถอดใจแล้ว
ดร.ประยูร กล่าวว่า ถึงตอนนี้ ไม่มั่นใจในการทำงานของ กกต.แล้ว เพราะโอนเอนไปตามกระแส ซึ่งตอนนี้ก็อ้างว่ากลัวจะตั้งรัฐบาลไม่ได้ ประเทศจะล่มสลาย ซึ่งความจริงประเทศไม่มีทางล่มสลายจากการที่พรรคพลังประชาชนตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่ถ้ายังไม่ยึดหลักกฎหมาย ในอนาคตมันจะล่มสลายจริงๆ เพราะถ้าเปิดช่องให้เมื่อไหร่ นักการเมืองที่ทุจริตจะเข้าไปทันที
ถ้า กกต.เป็นได้แค่แก๊งการันตีเหมือนที่เขาพูดกัน มันก็ไม่ความความหมาย กกต.ควรจะกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง อะไรถูกผิด ว่าไปตามกฎหมาย ไม่ต้องเอนเอียงไปตามกระแส เพราะถ้าทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วคนทั่วโลกก็จะสนับสนุน ดร.ประยูร กล่าว