xs
xsm
sm
md
lg

เปิดตำนาน "ประจันตคีรีเขตร" อดีตจังหวัดของไทย แต่ไปอยู่ในมือฝรั่งเศส ก่อนกลายเป็นเขมร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดตำนาน "ประจันตคีรีเขตร" เมืองคู่แฝด "ประจวบคีรีขันธ์" ของไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ แต่ถูกฝรั่งเศสยึดไป กระทั่งกลายเป็นเกาะกง หลังจากกองทัพเรือตั้งชื่อปฏิบัติการลดทอนขีดความสามารถทางทหารของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่จังหวัดเกาะกง

วันนี้ (14 ธ.ค.) จากกรณีที่กองทัพเรือเปิดยุทธการ “ประจวบคีรีขันธ์-ประจันตคีรีเขตร” ป้องกันภัยคุกคามประชาชนไทยตามแนวชายฝั่งอ่าวไทย โดยหมวดเรือเฉพาะกิจ “พิทักษ์อ่าวไทย” เพื่อปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงทางทะเล ปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยตามแนวชายฝั่งอ่าวไทย ปฏิบัติการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อลดทอนและลิดรอนขีดความสามารถทางทหารของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่จังหวัดเกาะกง โดยเฉพาะที่ตั้งทางทหารบนเกาะยอ ซึ่งตรวจพบว่าเป็นที่ตั้งฐานปืนใหญ่ที่มีระยะยิงครอบคลุมถึงพื้นที่ชุมชนบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด

ซึ่ง “ประจันตคีรีเขตร” (อ่านว่า ประ-จัน-ตะ-คี-รี-เขด) เคยเป็นอดีตจังหวัดของไทยมาก่อน แต่ต้องตกไปอยู่ในมือของฝรั่งเศส ก่อนที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศกัมพูชาในเวลาต่อมา

บทความจากเพจ "โบราณนานมา" ซึ่งโพสต์เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา หัวข้อ "ประจันตคีรีเขตร (เกาะกง) ที่เขมร ต้องคืนให้ประเทศไทย" ระบุดังนี้


พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเมืองใหม่ให้ ๒ เมืองที่อยู่ในเส้นรุ้ง (ละติจูด : latitude) เดียวกัน แต่อยู่คนละฝั่งอ่าวไทยให้เป็นเมืองคู่กัน คือ “เมืองนางรมย์” เป็น “ประจวบคีรีขันธ์” ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันตก กับ “เกาะกง” เป็น “ประจันตคีรีเขตร” ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันออก ให้มีชื่อคล้องจองกัน โดยมีประกาศเมื่อวันอังคารที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๓๙๘

ในสมัยนั้นเมื่อฝรั่งเศสยึดญวน (เวียดนาม) และเขมร (กัมพูชา) ได้แล้ว ก็พยายามรุกเข้าลาว ซึ่งอยู่ในความปกครองของสยาม และพยายามบีบสยามทุกวิถีทาง โดยถือว่ามีอาวุธที่เหนือกว่า เมื่อเกิดกบฏฮ่อขึ้นในแคว้นสิบสองจุไท และสยามกำลังจะยกกำลังไปปราบ ฝรั่งเศสก็ชิงส่งทหารเข้าไปปราบเสียก่อน อ้างว่าเพื่อช่วยสยาม แต่เมื่อปราบฮ่อได้แล้วฝรั่งเศสก็ไม่ยอมถอนทหารออก ถือโอกาสยึดครอง เพราะมีเป้าหมายจะยึดดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงทั้งหมด

ในที่สุดวันประวัติศาสตร์ที่คนไทยจะต้องจดจำก็คือ ๑๓ กรกฎาคม ๒๔๓๖ ซึ่งเกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ ฝรั่งเศสส่งเรือรบ ๒ ลำฝ่าแนวยิงของป้อมพระจุลฯ เข้ามาจอดหน้ากงสุลฝรั่งเศสในกรุงเทพฯ และยังเรียกเรือรบจากฐานทัพไซ่ง่อนอีก ๑๐ ลำมาร่วมปิดอ่าวไทย ต่อมาได้ส่งทหารขึ้นยึดเกาะสีชังเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม จนการค้าขายต้องหยุดชะงักหมด ยื่นเงื่อนไขให้สยามถอนทหารออกจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงทั้งหมดภายใน ๑ เดือน ให้วางเงินทันที ๓ ล้านฟรังก์ ยื่นข้อเรียกร้องให้สยามตอบภายใน ๔๘ ชั่วโมง

รัฐบาลสยามรู้ดีว่าข้อเรียกร้องของฝรั่งเศสเป็นเรื่องไม่ยุติธรรม แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ พยายามต่อรองบ่ายเบี่ยงแต่ก็ไม่สำเร็จ ในที่สุดก็ต้องยอมลงนามในสัญญาข้อเรียกร้องของฝรั่งเศสในวันที่ ๓ ตุลาคม

ในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายออกสำรวจปักปันเขตแดนนั้น ฝรั่งเศสขอยึดเมืองจันทบุรีไว้ก่อน เพื่อให้สยามปฏิบัติตามสัญญา ทั้งนี้เพราะฝรั่งเศสเห็นว่าจันทบุรีเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งสยามก็ต้องยอมอีก

ฝรั่งเศสยึดจันทบุรีตั้งแต่ปี ๒๔๓๖ แต่เมื่อปักปันเขตแดนเสร็จสิ้น ฝรั่งเศสกลับหน่วงเหนี่ยวประวิงเวลา และบีบคั้นให้สยามเซ็นสัญญาอีกฉบับ ยอมยกดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ซึ่งได้แก่เมืองหลวงพระบางฝั่งขวาและเมืองจำปาศักดิ์ โดยฝรั่งเศสจะยอมผ่อนคลายสิทธิสภาพนอกอาณาเขตให้ การผ่อนคลายนี้หมายถึงยกให้แก่คนเอเชียในบังคับของฝรั่งเศส แต่ยังไม่ยอมยกเลิกแก่คนฝรั่งเศส

สยามในเวลานั้นก็ต้องยอมอยู่ดี เซ็นสัญญาตามที่ฝรั่งเศสเรียกร้องนี้เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๖ เพื่อแลกกับจันทบุรีกลับคืน

แต่แล้วชั้นเชิงแบบหมาป่าก็ยังไม่สิ้น เพื่อเป็นหลักประกันให้สยามปฏิบัติตามสัญญานี้ ฝรั่งเศสขอยึดจังหวัดตราดและเกาะทั้งหลายตั้งแต่แหลมสิงห์ในอำเภอแหลมงอบ รวมทั้งเกาะกงซึ่งขณะนั้นเป็นจังหวัดประจันตคีรีเขตของสยาม ให้อยู่ในความปกครองของฝรั่งเศส และต้องรอให้ทั้งสองฝ่ายทำการสำรวจเส้นพรมแดนตามสัญญานี้ให้ฝรั่งเศสเสร็จเสียก่อน ฝรั่งเศสจึงจะยอมถอนทหารออกจากจันทบุรี

สยามก็ต้องยอมเช่นเคย การสำรวจเสร็จสิ้นลงในวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๔๔๗ ฝรั่งเศสจึงยอมถอนทหารออกจากจันทบุรีในวันที่ ๑๒ มกราคมต่อมา

ความอยากได้ดินแดนสยามของฝรั่งเศสยังไม่จบ มีจิตรกรฝรั่งเศสคนหนึ่ง ชื่อ อองรี อูโมต์ ได้เขียนรูปนครวัดนครธมไปเผยแพร่ ฝรั่งเศสเห็นเป็นสิ่งมหัศจรรย์เลยอยากได้ไว้เป็นสมบัติของตัว รวมทั้งอยากได้ทะเลสาบเสียมราฐอันกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ จึงเสนอแลกตราดกับเสียมราฐ พระตะบอง และศรีโสภณซึ่งเป็นมณฑลบูรพาของสยาม สยามอยากได้ตราด ซึ่งมีคนไทยอยู่คืนมาจึงยอมอีก

ในสัญญาฉบับใหม่ที่ลงวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๔๔๙ ไทยต้องยกมณฑลบูรพา อันประกอบด้วย พระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อแลกกับ อำเภอด่านซ้ายของจังหวัดเลย รวมทั้งจังหวัดตราด ตั้งแต่แหลมสิงห์ไปจนถึงเกาะกูด แต่ไม่ยอมคืนจังหวัดประจันตคีรีเขตด้วย

เป็นอันว่า “จังหวัดประจันตคีรีเขตร” หรือ เกาะกง จึงต้องหลุดไปอยู่กับฝรั่งเศสตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนเป็นส่วนหนึ่งของเขมรในขณะนี้ ตอนนั้นมีคนไทยที่ไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศส ได้สละบ้านช่องย้ายมาอยู่เกาะกูดและจันทบุรีเป็นจำนวนมาก คนเขมรจากเมืองต่างๆ จึงย้ายเข้ามาแทนที่ ปัจจุบันในเกาะกง ปรากฏว่ามีชาวไทยเพียงร้อยละ ๒๕ เท่านั้น

ชาวไทยในเกาะกงจะมีสำเนียงแบบเดียวกับที่จังหวัดตราด แต่เดิมเกาะกงในปี ๒๕๐๖ ได้มีการออกกฎห้ามชาวเกาะกงพูดภาษาไทย โดยจะปรับเป็นคำละ ๒๕ เรียล ห้ามมีเงินไทย และห้ามมีหนังสือไทยอยู่ในบ้าน หากเจ้าหน้าที่พบจะถูกทำลายให้สิ้นซาก ต่อมาในปี ๒๕๐๗ ค่าปรับการพูดภาษาไทยเพิ่มขึ้นเป็น ๕๐ เรียล แม้ชาวไทยเกาะกงจะถูกจำกัดสิทธิทางภาษา วัฒนธรรม และประเพณี แต่ก็มีคนเฒ่าคนแก่ที่ยังรักษาประเพณี และเอกลักษณ์ การใช้ภาษาไทย

“ประจันตคีรีเขตร” เมืองคู่แฝดของ “ประจวบคีรีขันธ์” เหลืออยู่แต่เพียงชื่อไว้ในประวัติศาสตร์เท่านั้น

บรรณานุกรม
(๑) โรม บุนนาค. ร.๔ พระราชทานชื่อเมือง ประจวบคีรีขันธ์ กับ ปัจจันตคีรีเขตร ให้คู่กัน! แต่วันนี้อีกเมืองหายไปไหน!!. https://bit.ly/2AfQIsI. (๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔)
(๒) รุ่งมณี เมฆโสภณ. คนสองแผ่นดิน. กรุงเทพ:บ้านพระอาทิตย์, ๒๕๕๑. หน้า ๓๕
กำลังโหลดความคิดเห็น