xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องลึก บ่อนกาสิโนตราด ผลประโยชน์ของใคร?! ** เป็นเรื่อง! สว.ถามกลางสภา “หนู” คุยอะไรกับ “หมอสรณ”!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ กับ เตีย เซ็ยฮา - อนุทิน ชาญวีรกูล
ข่าวปนคน คนปนข่าว




++ เบื้องลึก บ่อนกาสิโนตราด ผลประโยชน์ของใคร?!

กำลังเป็นประเด็นร้อนในตอนนี้ก็คือ บ่อนกาสิโน ที่เขมรก่อสร้างล้ำเขตแดนไทย ที่บ้านท่าเส้น จ.ตราด

ก่อนหน้านี้ คนส่วนใหญ่ ที่อยู่นอกพื้นที่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่า ฝั่งกัมพูชาตรงข้ามบ้านท่าเส้น มีบ่อนกาสิโน บ่อนแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวจ.ตราด เพียง 37 กม. เท่านั้น

เรื่องมาแดงเอาเมื่อ “บิ๊กเล็ก ศิษย์ลุงตู่” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ไปประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC เมื่อวันพุธที่10 ก.ย.68 เสร็จแล้วก็ออกมาจับไม้จับมือกับ “เตีย เซ็ยฮา” รองนายกฯและรมว.กลาโหมของกัมพูชา

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ กับ เตีย เซ็ยฮา
บอกว่าจะผ่อนปรน เปิดด่าน ในพื้นที่ จ.จันทบุรี ตราด เพราะตรงจุดนี้ ไม่มีปัญหาเรื่องความมั่นคง ไม่มีปัญหาเขตแดน

พอ “บิ๊กเล็ก ”แถลงออกไปอย่างนั้น ทางกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ของกองทัพเรือ รีบออกมาคัดค้าน พร้อมโต้ว่า...ใครบอกว่า ชายแดน จันทบุรี ตราด ไม่มีปัญหา ตอนนี้ถูกเขมรรุกล้ำแผ่นดินไทยเข้ามาถึง 17 จุด แต่รัฐบาลที่ผ่านๆ มาไม่มีใครจัดการ

โดยเฉพาะจุดที่อยู่ตรงข้ามบ้านท่าเส้น ต.แหลมกลัด อ.เมืองฯ จ.ตราด ซึ่งในฝั่งกัมพูชาคือ บ้านทมอดา ต.เวียงเวล อ.เวียงเวล จ.โพธิสัต มีนายทุนกัมพูชา จับมือกับนายทุนจีน ด้วยความรู้เห็นของนายทุนและผู้มีอำนาจฝั่งไทย สร้างบ่อนกาสิโน สร้างเมืองใหญ่โต รุกล้ำเขตแดนไทย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
บ่อนกาสิโนแห่งนี้ เจ้าของก็คือ “ออกญาตรี เพียบ” มหาเศรษฐีเขมร ที่ได้สัมปทานในการทำป่าไม้ทั้งหมดในเขมร ทั้งฝั่งชายแดนเขมร-เวียดนาม และชายเขมร-ไทย โดยผ่านคอนเนกชัน สาย “บุน รานี” ศรีภรรยาของ “ฮุน เซน”

“ออกญา ตรี เพียบ” จับมือกับทุนจีนวาดฝันจะสร้าง “ชุมชนชาวจีนใหม่” มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการสร้างคอนโดฯ โรงแรมหรู บ่อนกาสิโน ภัตตาคาร สถานบันเทิง เนรมิตพื้นที่ชายแดนตรงนี้ ให้เป็นเมืองใหม่ ใช้ชื่อว่า“ทมอดาซิตี้”

มีการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 ยุคเดียวกับบ่อนกาสิโน “สายตะกู” จ.บุรีรัมย์ ซึ่งก็รุกล้ำเขตแดนไทยเหมือนกัน ซึ่งถ้าย้อนกลับไปไล่ดูก็จะรู้ว่า ฝั่งไทยนั้นเป็นช่วง “รัฐบาลลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “พี่น้อง3ป.” สายบูรพาพยัคฆ์ กำลังเรืองอำนาจ
ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา ย่านนี้อยู่ใต้อิทธิพลของ “ตระกูลเตีย” โดยมี “เตีย บัญ” อดีตรองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นคนเกาะกง พูดไทยได้ เป็นหนึ่งในผู้นำฝ่ายความมั่นคง ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศ มีความสนิทสนม กับผู้มีอำนาจในสายทหารของไทยโดยเฉพาะ “พี่น้อง 3 ป.” เป็นพิเศษ

เตีย บัญ
“เตีย เซ็ยฮา” ลูกชายของ“เตีย บัญ” ตอนนี้เป็น รองนายกฯและรมว.กลาโหม และยังเคยเป็นผู้ว่าฯ เสียมเรียบ

ส่วน “เตีย วิญ” น้องชายของ เตีย บัญ เป็นอดีตผู้นำกองทัพเรือ มีลูกชายเชื่อ“เตีย โซะคา” ผู้บัญชาการทหารเรือคนปัจจุบัน
การสร้างบ่อนกาสิโน รุกล้ำเขตแดนไทย น่าจะมาจากผลของ “เอ็มโอยู 43” ที่เขมร ยึดเอาแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน เป็นเกณฑ์ แต่ทางกองทัพไทย ใช้แผ่นที่ 1ต่อ 5 หมื่น จึงเกิดมีการรุกล้ำเขตแดน

แม้จะมีการรุกล้ำ แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน เพราะ “บิ๊กตู่” ยึดหลักว่า...ปัญหาชายแดน มันแก้ไม่ได้หรอก ก็ต้องอยู่กันไปแบบนี้

นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมในช่วง10 ปีที่ผ่านมา ถึงไม่มีปัญหา เพราะไม่คุยเรื่องปัญหา คุยแต่เรื่องผลประโยชน์กัน

ขนาด “ทักษิณ ชินวัตร” หรือแม้กระทั่ง อดีต“ซีอีโอ ปตท.” ยังพูดถึงแหล่งก๊าซทางทะเล ที่เกาะกูด ว่าจะแบ่งกับเขมร 50-50
สำหรับจุดผ่านแดน ที่บ้านท่าเส้น กับ บ้านทมอดา นี้มีแผนที่จะเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวร เพราะจากจุดนี้ มีถนนไปถึงพระตะบอง ระยะทาง 109 กม. และไปถึงเสียมเรียบ ก็ประมาณ 200 กม.เท่านั้น

คนไทยจะไปเที่ยวชมนครวัด นครธม ก็ง่ายขึ้น คนเขมร จะมาเที่ยวทะเลตราด หรือขนส่งสินค้าเข้าออกช่องทางนี้ก็สะดวก ที่สำคัญก็ยังมี กาสิโน และ ทมอดาซิตี้ ไว้โกยเงินอีก

เห็นภาพ “บิ๊กเล็ก” รมว.กลาโหมไทย จับมือกับ “เตีย เซ็ยฮา” รมว.กลาโหมกัมพูชา ตกลงจะเปิดด่านกันแล้ว น่าจะนึกออกนะว่า ฝั่งกัมพูชาใครได้ประโยชน์ ฝั่งไทยใครได้ประโยชน์

อนุทิน ชาญวีรกูล
++ เป็นเรื่อง! สว.ถามกลางสภา “หนู” คุยอะไรกับ “หมอสรณ”!?

ยังคาใจไม่หาย เมื่อ“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้โพสต์ภาพเบื้องหลังการทาบทาม “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” ให้มารับตำแหน่งรองนายกฯ ในภาพนั้นมีชายอีกคนหนึ่งที่นั่งหันหลังให้กล้อง แม้จะเห็นเพียงแค่ด้านหลัง
แต่สายตานักสืบโซเชียลฯ ก็มองออกทันทีว่า คนที่นั่งหันหลังคนนั้น คือ ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ หรือที่รู้จักกันในนาม 'หมอสรณ' ประธาน กสทช.คนปัจจุบัน

งานนี้ก็เลยกลายเป็นเรื่องในสภา เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา ในการประชุมวุฒิสภา วาระพิจารณารายงานผลการปฏิบัติงาน กสทช.ประจำปี 2567 และรายงานการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการกสทช. ประจำปี 2567 ช่วงหนึ่ง “เทวฤทธิ์ มณีฉาย” สว. ได้เห็นภาพนี้ ก็อภิปรายตั้งคำถามว่า ระหว่างอนุทิน-บวรศักดิ์ และหมอสรณ คุยเรื่องอะไรกัน ? เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และประชาชนตรวจสอบได้ นายกฯ ควรต้องตอบคำถามนี้ หรือไม่ ?

ประเด็นนี้สำคัญนัก เพราะไม่ใช่แค่ “เทวฤทธิ์” สว.เท่านั้นที่สงสัย คนทั้งบ้านทั้งเมือง ก็อยากจะรู้... ต้องไม่ลืมว่า “อนุทิน”โพสต์ภาพพร้อมข้อความแถมติดแฮชแท็ก ว่า ตัวเองนั้น โปร่งใส เปิดเผย ตรงไปตรงมา ถ้าเช่นนั้น ต้องบอกได้ว่า คุยอะไรกันกับ “หมอสรณ” ?

อนุทิน ชาญวีรกูล - บวรศักดิ์ อุวรรณโณ - นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์
ขาเผือกอยากรู้กันจริงๆ ผับผ่า ใช่มี “ดีลลับ” อะไรกันหรือไม่ โดยเฉพาะกับเรื่องราวของ “เก้าอี้ทองคำ” ที่ใครได้นั่งเป็นต้องตัวเหนียวหนึบ ไม่อยากลุกไปไหน ยิ่งเป็นเก้าอี้ที่มีมูลค่ามหาศาลอย่าง “ประธาน กสทช.” ด้วยแล้ว บอกเลยว่า มีเงินไหลเวียนเป็นแสนล้าน! ไม่แปลกที่หลายคนจะยอมทุกอย่างเพื่อรักษาตำแหน่งเอาไว้

ต้นเรื่องมันมาจากภาพเล็กๆ บนโซเชียลมีเดีย เหมือนจะไม่มีอะไร และ “อนุทิน” ไม่ได้ตั้งใจจะให้ภาพเป็นเครื่องหมายคำถามไปถึง กสทช. แต่จากคำถามสั้นๆ ของ “เทวฤทธิ์”เต็มไปด้วยความนัย เพราะเรื่องของ “หมอสรณ” กับตำแหน่งประธาน กสทช. นั้นมีข้อครหาเรื่อง “ ขาดคุณสมบัติ” มาตั้งแต่ต้น

หากจะย้อนรอยเรื่องนี้ คงต้องเริ่มที่ข้อครหาเรื่องขาดคุณสมบัติตั้งแต่ปี 2565 เพราะในขณะที่รับตำแหน่งนั้น “หมอสรณ” ยังมีสถานะเป็น “พนักงานมหาวิทยาลัยมหิดล” ซึ่งผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเสียงเม้าต์มอยว่า ระหว่างดำรงตำแหน่ง ก็ยังมีรายได้จากหลายทาง ทั้งจากมหาวิทยาลัย, เอกชน และโรงพยาบาล อีกต่างหาก

ข้อมูลจากกรมสรรพากร ยังยืนยันอีกว่า เจ้าตัวมีรายได้หลายกระเป๋าในช่วงปี 2564–2566 ทำให้เกิดคำถามเรื่อง “มาตรฐาน” และ “ความถูกต้อง” อย่างไม่หยุดหย่อน!

ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ “แผนการวิ่งเต้น” ที่ดูเหมือนจะถูกวางเอาไว้อย่างแยบยล เพื่อรักษาเก้าอี้ให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้น เดิมที “หมอสรณ” ก็เคยมีภาพเข้าพบ “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ในสมัยที่เธอเป็นนายกฯ โดยมี “หมอมิ้ง” พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงาน และยังมีสายสัมพันธ์กับ “พิชัย รัตนพันธุ์” ที่ลูกชายเป็นคนหน้าห้องอีกด้วย แต่เมื่อพ้นยุคของ “อุ๊งอิ๊งค์” อำนาจก็ย้ายข้างมาอยู่ที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน เรื่องราวก็เลยกลับมาซ้ำรอยเดิม

นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ “บวรศักดิ์” ซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประธาน กสทช. ได้รับการทาบทามจาก “เสี่ยหนู” ให้ไปนั่งเก้าอี้รองนายกฯ แล้วก็เกิด “โป๊ะเชะ” หมอสรณ โผล่มาในวันนั้นพอดี!

ภาพที่เสี่ยหนูโพสต์เองอย่างไม่ได้ตั้งใจ จึงกลายเป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนนี้ และกลายเป็นคำถามคาใจว่า นี่คือ “แผนเซฟเก้าอี้” ที่บรรจงบรรจุมา “ฝากเนื้อฝากตัว” หรือไม่ ?

เพราะฉะนั้น ถามว่าวันนั้น “อนุทิน-บวรศักดิ์และหมอสรณ” คุยเรื่องอะไรกัน ? ถ้าไม่มี "ดีลลับ" แล้ว“เสี่ยหนู” กล้า พอจะออกมาบอกสังคมให้หมดเปลือกไหมล่ะ !?


กำลังโหลดความคิดเห็น