“วาสนา” เผยเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อ 7 ธ.ค.ทหารแนวหน้าอึดอัด ได้รับคำสั่งแค่ให้ทำตามกฎการปะทะแล้วแยกจากกัน เข้าที่กำบัง รอเจรจา ไม่ได้ตอบโต้ต่อเนื่อง ทั้งที่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีที่โดนยิงใส่ก่อน แต่แรงกดดันทางสังคมทำให้ต้องตอบโต้ในวันต่อมา คาดสาเหตุหนึ่งที่ไม่ตอบโต้ทันทีเพราะต้องรออพยพประชาชนก่อน
วันที่ 8 ธันวาคม น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวอาวุโสสายทหาร กล่าวในรายการ เรื่องใหญ่ Live Talk ทางพีทีวี ถึงเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามีปัจจัยด้าน “ศักดิ์ศรีและความชอบธรรม” ที่นำสู่การขยายตัวของสถานการณ์จนมาถึงวันนี้
น.ส.วาสนา เปิดเผยว่า การที่ทหารไทยถูกยิงเข้าบริเวณหน้าอกแม้จะสวมเสื้อเกราะ ถือเป็นการกระทำที่ถูกมองว่า “เจตนาฆ่า” ซึ่งสร้างแรงสะเทือนใจแก่กำลังพลและถูกมองว่ารุนแรงกว่าเหตุเหยียบกับระเบิดในอดีต แม้เราไม่ตายก็ไม่ใช่ว่าเราต้องไม่เอาเรื่อง โดยทหารแนวหน้าและหน่วยที่เกี่ยวข้องต่างรู้สึกกดดัน และมีเสียงสะท้อนว่าควรมีการตอบโต้มากกว่าการรอเจรจา
น.ส.วาสนา กล่าวว่า กระแสโซเชียลมีเดียและความเห็นของประชาชนมีผลต่อการตัดสินใจของกองทัพ โดยสังคมตั้งคำถามว่าเหตุใดกองทัพจึงยังไม่ตอบโต้ พร้อมแซะว่าทหารไทยจะประท้วงด้วยกระดาษ เอ4 ทั้งที่มีการยิงมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเผยว่า ทหารจำนวนมากสื่อสารผ่านช่องทางตรงแสดงความอึดอัดเกี่ยวกับข้อจำกัดในการใช้กำลังและการรอคำสั่ง
“คือทหารหน้าแนว ทหารในพื้นที่ ทหารที่เกี่ยวข้องกับการรบอยู่เนี่ยทั้งโทรมา ไดเรกต์แมสเสจ ส่งอะไรมาบอก พี่ทำไมคือ เขาอึดอัดไงว่า เฮ้ยทำไมเนี่ย คือผ่านมาตั้งหลายชั่วโมงแล้วแทนที่จะให้ตอบโต้ต่อเนื่อง กลายเป็นว่าคือแค่ใช้กฎการปะทะก็คือแค่ปะทะตอนเกิดเหตุ แล้วก็แยกจากกัน เพราะว่าคือเหมือนกับว่ามีคำสั่งบอกว่าเมื่อปะทะแล้วให้หาที่กำบัง แล้วให้รอการเจรจาในระดับต่างๆ
“คือหมายถึงในพื้นที่ซึ่งทหารแนวหน้าถามว่ายิงแบบเนี่ย มันก็เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี แล้วถามว่ามันก็เป็นการยิงใส่อ่ะ คือมันถามว่าเรื่องเกียรติภูมิทหารอ่ะ มันก็มี เพราะฉะนั้นทุกคนรู้สึกเหมือนกันหมดว่าต้องเอา และต้องอาศัยสถานการณ์นี้ต้องเอาแล้ว
” น.ส.วาสนา กล่าว
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กองทัพชะลอการปะทะเต็มรูปแบบในช่วงบ่ายของวันที่ 7 ธันวาคม น.ส.วาสนา ระบุว่า เกี่ยวข้องกับการ อพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเป็นลำดับแรก เพื่อป้องกันความสูญเสีย ซึ่งเป็นแนวทางที่ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกให้ความสำคัญ แม้จะมีแรงกดดันให้ตอบโต้เพื่อรักษาศักดิ์ศรีก็ตาม หลังการอพยพแล้ว วาสนาชี้ว่า การประชุมภายในกองทัพในช่วงค่ำได้กำหนดทิศทาง “พร้อมตอบสนอง” หากถูกโจมตีอีก และตั้งข้อสังเกตว่าเวลาของกัมพูชาในการเปิดปฏิบัติการมักอยู่ในช่วงเช้าตรู่ ซึ่งสอดคล้องกับเหตุที่เกิดในวันที่ 8 ธันวาคม
น.ส.วาสนา ทิ้งท้ายว่า ทหารที่แนวหน้าต่าง “พร้อมเจ็บ พร้อมเสียสละ” แต่ต้องการให้สถานการณ์ยุติอย่างชัดเจน ไม่ใช่ยืดเยื้อเป็นระยะยาว ทั้งเพื่อมาตรการความมั่นคงและเพื่อให้ประชาชนตามแนวชายแดนสามารถกลับมามีชีวิตปกติได้ในที่สุด.


