จากปีที่คาดหวังว่าจะดีที่สุด กลายเป็นปีที่มืดมนที่สุดในชีวิต เมื่อ “หนุ่มรายหนึ่ง” ต้องเผชิญทั้งวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ และการสูญเสีย "ม่วน" แมวคู่ชีวิตที่เปลี่ยนให้เขาเป็นคนอ่อนโยนลงอย่างไม่มีวันกลับมา เรื่องราวสุดบีบหัวใจของการฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวกลับบ้านหลังแข่งที่เซี่ยงไฮ้เพื่อช่วยลูกชายสี่ขา แม้จะเสี่ยงชีวิตแต่สุดท้ายก็ต้องทนเห็นม่วนจากไปอย่างทรมานหลังติดเชื้อจากน้ำสกปรก
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “พงไพร อักษรนิตย์” หนึ่งในประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ได้ออกมาโพสต์ข้อความถ่ายทอดความเจ็บปวดจากการสูญเสีย "ม่วน" แมวอันเป็นที่รัก ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่ ทำให้ปีที่เจ้าของคาดหวังว่าจะดีที่สุดกลับกลายเป็นปีที่แย่ที่สุดในชีวิต โดยผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า
"ปีที่กำลังจะดีที่สุด กลายเป็นปีที่แย่ที่สุดในชีวิต ทุกอย่างพังลงภายในเวลาไม่กี่วัน ทั้งแพลน ทั้งบ้าน ที่ทำงาน สภาพจิตใจ
และที่เจ็บที่สุดคือการเสีย ม่วน ไปอย่างไม่มีวันกลับมา
ตั้งแต่ม่วนเกิดมา เราแทบไม่เคยห่างกันเลย ผมชินกับการกลับบ้านแล้วเจอเขานอนหงายท้องรอ ชินกับการถูกปลุกทุกเช้า ม่วนจะเดินเข้ามาในห้องด้วยร่างกายขนาดมหึแมว นอนทับมือซ้ายเหมือนเป็นสัญญาณว่าผมต้องลุกแล้ว
แต่วันนี้ความเคยชินเหล่านั้นไม่มีจริงอีกแล้ว ยังเผลอเรียกชื่อเขาทุกครั้งที่เปิดประตูบ้าน ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่อยู่แล้ว
ม่วนเป็นมากกว่าแค่แมว เขาทำให้ผมเห็น ตัวตนอีกด้าน ที่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่
จากคนที่เข้มแข็ง มั่นใจ ทำอะไรก็ได้
แต่กับม่วนผมกลายเป็นคนที่อ่อนโยนลง เป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร การเจอม่วนทำให้ทุกอย่างเบาลง เป็นคนที่รักเป็นและพร้อมดูแลใครสักคนแบบหมดหัวใจ เขาทำให้ผมรู้ว่าผมมีด้านนี้อยู่จริงๆ
วันที่ 19 ผมออกจากบ้านไปแข่ง HYROX Shanghai ถ้าย้อนเวลากลับได้ ผมคงกลับทันทีตั้งแต่วันนั้น เพราะวันที่ 24 ตอนเย็น น้ำเริ่มเข้าบ้าน ผมกลับถึงหาดใหญ่เช้าวันที่ 25 โดยที่ไม่รู้สถานการณ์อะไร ติดต่อใครไม่ได้ ได้แต่ภาวนาให้ม่วนปลอดภัย ไม่ตกใจ ไม่กลัว
วันนั้นสนามบินเต็มไปด้วยคนที่ติดอยู่โกลาหลมาก ผมรอรถทหารนานมากและใช้เวลา 4 ชั่วโมงกว่าจะเดินทางจากสนามบินมาถึงค่าย ใช้เวลานานจนมืดค่ำ
แต่ผมตัดสินใจเดินลุยน้ำกลับบ้าน ทั้งที่มองอะไรไม่เห็น น้ำลึกและแรงมาก ใช้แค่ความคุ้นเคยว่าน่าจะเดินทางไหนได้
กู้ภัยห้ามไว้หลายรอบ (น่าจะเป็นทีมงานกันจอมพลัง) ผมต้องขอโทษจริงๆ กับสิ่งที่แสดงออกไป และหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจผมในตอนนั้น เพราะสำหรับผม ม่วนสำคัญกว่าชีวิตตัวเองจริงๆ
ไม่ว่าเสี่ยงแค่ไหน ผมก็ต้องกลับไปหาเขาอยู่ดี แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจสกิลในการเอาตัวรอดกับน้ำ เพราะตอนเด็กๆ ใช้ชีวิตกับน้ำบ่อย เจอน้ำป่าหลากมาหลายครั้งมาก
ตอนถึงบ้านคิดว่าม่วนไม่น่ารอดแล้ว เพราะเรียกไม่มีเสียงตอบรับกับระดับน้ำสูง
แต่เจอเขายืนอยู่บนเตียงนอนที่ลอยน้ำมองผมด้วยความกลัวและหนาวสั่น ตอนนั้นคือดีใจมาก คุ้มกับทุกอย่างที่แลกมา
ผมตั้งสติแล้วพยายามพาเขาออก แต่ทำไม่ได้ เนื่องจากน้ำยังแรงและสูง ผมไม่สามารถออกไปกับม่วนได้
รอพอระดับน้ำเริ่มลด น้องข้างบ้านช่วยจับฝาถังน้ำแข็งให้ม่วนลอยได้ เลยพาเขาออกมาและพาไปหาหมอ แต่ศูนย์พักพิงตอนนั้นไม่มีหมอแล้ว
ผมหวังแค่ว่าเขาแค่เครียดอ่อนแรง ตอนแรกเขายังเดินไหว กินน้ำ ฉี่ ขี้ได้
จนวันต่อมาผมเจอเขาอีกทีในตู้ให้ออกซิเจนที่โรงพยาบาล น้ำท่วมปอดและน่าจะติดเชื้อจากการสำลักน้ำสกปรก
ม่วนยังมองผมตลอดด้วยดวงตาสีส้มโตๆ
และผมอยู่กับเขาจนถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย ทรมานที่สุด มันยากมากที่จะยอมรับความจริง ทุกอย่างมันเกิดเร็วเกินไป เจ็บเกินไป โหดร้ายเกินไปกับการบอกลาแบบนี้
จากปีที่กำลังจะดีที่สุดกลายเป็นปีที่มืดที่สุดในชีวิตของผม ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการฟื้นฟูสภาพจิตใจและทุกอย่าง แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อยากให้ม่วนรู้ว่าผมรักเขามากๆ มากเกินกว่าจะอธิบายได้
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิตของม่วนนะ
ตอนนี้คิดถึงทั้งน้ำตา แต่สักวันหนึ่งจะคิดถึงม่วนด้วยรอยยิ้มให้ได้ รักนะม่วน รักมากๆ ขอโทษกับทุกอย่างเลย ม่วน ตรงนี้ยินดีต้อนรับเสมอนะ จนกว่าเราจะพบกันอีกครั้ง
goodbye my son❤️"


