รองแม่ทัพภาคที่ 2 แจงปมสิ่งของบริจาค ย้ำกองทัพมีงบประจำปี แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นรวดเร็ว ไม่ได้ตั้งงบล่วงหน้า บางรายการจำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือเร่งด่วน ประชาชนสอบถามถึงสิ่งจำเป็นที่ทหารต้องใช้ จึงเกิดการบริจาคจำนวนมาก ย้ำว่าทหารไม่ได้ปกป้องชาติอยู่ลำพัง ทุกสิ่งที่ได้รับคือน้ำใจจากคนไทยทั้งประเทศ
วันนี้(2 พ.ย.) พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้โพสต์ข้อความในบนเฟซบุ๊ก Mammoth S Nutt ชี้แจงกรณีสิ่งของบริจาคให้ทหารหน้าแนวตามข้อเท็จจริงจากพื้นที่ปฏิบัติการช่วงเหตุการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า กองทัพมีงบประจำปีอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นรวดเร็ว ไม่ได้ตั้งงบล่วงหน้า โดยเฉพาะยุทโธปกรณ์และการตั้งฐานใหม่ ทำให้การสนับสนุนบางรายการจำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
รองแม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ประชาชนจากหลายพื้นที่สอบถามถึงสิ่งจำเป็นที่ทหารต้องใช้ เช่น ถุงเท้า เสื้อยืด ยากันยุง อาหารแห้ง เนื่องจากบางฐานตั้งอยู่บนพื้นที่เข้าถึงยาก ถนนเข้าไม่ถึง ต้องเดินลงเขามารับเสบียง จึงเกิดการบริจาคช่วยเหลือจำนวนมาก โดยกองทัพหลีกเลี่ยงการรับเป็นเงิน และเลือกให้รับเป็นสิ่งของ เช่น น้ำมัน วัสดุทำถนน โดรนพลเรือน หรืออุปกรณ์จำเป็นอื่นแทน
พล.ต.ณัฏฐ์ยอมรับว่า การจัดทำทะเบียนรับ-จ่ายสิ่งของ อาจไม่สมบูรณ์ 100% เพราะต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้า แต่หลังจบเหตุการณ์ก็ได้ตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส พร้อมขอบคุณประชาชนที่ร่วมช่วยเหลือ และย้ำว่า ทหารไม่ได้ปกป้องชาติอยู่ลำพัง ทุกสิ่งที่ได้รับคือ “น้ำใจจากคนไทยทั้งประเทศ”
รายละเอียดข้อคงามในเฟซบุ๊ก Mammoth S Nutt
ว่าด้วยสิ่งของบริจาค….ความจริงจากทหารหน้าแนว
ห้วงเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คนไทยแสดงออกถึงความรักความสามัคคี พร้อมเสียสละเพื่อประเทศชาติในหลายๆด้าน เรื่องหนึ่งที่เห็นเด่นชัดคือ การร่วมบริจาคสิ่งของสนับสนุนทหารที่ปฏิบัติงานหน้าแนว แต่หลังจบเหตุการณ์ไม่นานได้เกิดประเด็นในเรื่องนี้ ผมในฐานะผู้บังคับบัญชาที่ได้รับมอบความรับผิดชอบงานด้านส่งกำลังบำรุงแก่ทหารหน้าแนว อยากบอกกล่าวสังคมดังนี้
1. กองทัพได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปีเหมือนเช่นหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งการเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณต้องทำแผนงาน/โครงการเสนอล่วงหน้า 2 ปี งบที่ได้รับการพิจารณาสนับสนุนจะถูกระบุชัดไว้แล้วว่าจะนำไปใช้ทำอะไรตามแผนงาน/โครงการที่ได้รับอนุมัติ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงบด้านกำลังพล งบพัฒนา/จัดหายุทโธปกรณ์มีเป็นส่วนน้อย
2. เหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สถานการณ์พัฒนาเร็วมาก เราไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดการรบปะทะ ดังนั้นยุทโธปกรณ์หรือการพัฒนาบางอย่างที่จำเป็นเราจึงไม่ได้ตั้งงบประมาณไว้ เมื่อเกิดเหตุจึงจำเป็นต้องระดมทรัพยากรช่วยกันอย่างเร่งด่วน งบกลางของรัฐบาลมีให้ส่วนหนึ่งแต่กระบวนการก็ต้องใช้เวลา 3-6 เดือน ด้วยจิตใจรักชาติของพี่น้องคนไทยได้เสนอให้การสนับสนุนทั้งที่กองทัพไม่ได้ร้องขอจำนวนมาก
3. ผมอยู่หน้างานได้รับการประสานจากพี่น้องทุกสารทิศ คำถามแรกคือ ทหารขาดอะไรบ้าง อยากช่วย ซึ่งหน้าแนวส่วนใหญ่ต้องการของใช้ส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ เช่น ถุงเท้า กางเกงใน เสื้อยืดรองใน ยากันยุง บุหรี่ สบู่/ยาสีฟัน น้ำขวด อาหารแห้ง เนื่องจากเราเคลื่อนกำลังเข้าควบคุมพื้นที่ตามแผนที่ 1:50,000 ที่เรายึดถือ หลายพื้นที่เข้าตั้งฐานใหม่ ถนนเข้าไม่ถึง น้ำ/อาหารส่งยากลำบาก ไม่มีน้ำอาบ เสื้อผ้าไม่ได้ซัก ส่งอาหารยาก บางฐานต้องเดินลงจากเขามารับอาหาร 2-3 ชม. วันละครั้ง อาหารแห้งจึงมีความจำเป็น ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการปฏิบัติการทางทหาร
4. เมื่อตั้งฐานใหม่ ถนนเข้าไม่ถึง จำเป็นต้องตัดถนนเร่งด่วนเพื่อส่งกำลัง เคลื่อนย้ายกำลัง งบราชการเพื่อสร้างถนนไม่ได้ตั้งไว้ งบกลางต้องใช้เวลา คนไทยรู้ก็อยากบริจาคเงินสนับสนุนให้ทหารช่างตัดถนนให้ทหารหน้าแนว กองทัพเราไม่อยากรับเป็นเงินเกรงจะเกิดปัญหา ก็ขอรับเป็นน้ำมันหรือวัสดุ หรือเส้นไหนที่เห็นว่าปลอดภัยเอกชนสามารถเข้าทำให้ได้ก็ขอให้เข้ามาทำให้เลย จึงปรากฏมีชาวบ้าน มูลนิธิ พระสงฆ์ เข้ามาช่วยทำถนนให้ทหารในหลายพื้นที่
5. การรบสมัยใหม่ต้องใช้เทคโนโลยี ใช้โดรน ใช้กล้องตรวจการณ์ งบประจำปีไม่ได้ตั้งไว้ หรือตั้งไว้แต่ไม่เพียงพอ มีภาคเอกชนประสงค์บริจาคให้เราก็รับแต่ขอรับเป็นของ อาจเป็นโดรนพลเรือนมาดัดแปลงขาดความปลอดภัยบ้าง แต่เราก็มาคิดมาตรการรักษาความปลอดภัยเสริมเอา ดีกว่าไม่มีใช้ตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามเลยซึ่งจะเสียเปรียบในทางการรบมากกว่า
6. รถ ยานพาหนะ บังเกอร์ ยางรถยนต์(ทำบังเกอร์เร่งด่วน) คนไทยอยากบริจาคเราก็รับเป็นสิ่งของไม่รับเป็นเงิน พื้นที่ไหนปลอดภัยท่านเข้าไปช่วยทำได้เราก็อำนวยความสะดวกให้
7. ทุกอย่างเกิดเร็ว หน้างานต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ให้กำลังพลสะดวก ปลอดภัย เป้าหมายคือ บรรลุภารกิจให้ได้ก่อน การควบคุมจัดทำทะเบียนรับบริจาค/ทะเบียนแจกจ่ายเราก็พยายามจัดทำ แต่ก็ไม่ถึงกับสมบูรณ์นัก เพราะบางทีก็ประสานจัดส่งที่หน้าแนวเลยเพื่อให้หน่วยมีของใช้เร็วที่สุด บางทีผู้บริจาคอยู่ในพื้นที่ก็ประสานตรงกับทหารหน้าแนวที่รู้จักกันนำของไปส่งให้กันโดยตรงโดยที่หน่วยหน่วยเหนือไม่รู้ แต่เมื่อจบศึกเราก็พยายามสอบทานจัดทำบัญชีคุมเพื่อควบคุมสิ่งของที่ได้รับมาให้เกิดความโปร่งใส
8. ของที่ท่านนำมาบริจาคมาจากไหนเราไม่รู้ แต่นั่นคือน้ำใจจากคนในชาติ ผมไปเยี่ยมน้องๆ ทหารที่หน้าแนวก็บอกเขาอยู่เสมอว่า เราไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทยอย่างเดียวดาย พี่น้องคนไทยเป็นพลังหนุนแก่เราทั้งชาติ แม้เขาจะมาช่วยเรารบไม่ได้แต่เขาก็ส่งสิ่งของต่างๆมาช่วยเราแทน ดังนั้นเราต้องทำหน้าที่ให้สุดกำลังในฐานะตัวแทนของคนทั้งชาติ
ความจริงมีเพียงเท่านี้ รักและสามัคคีไม่คลางแคลงใจกัน เพื่อชาติไทยเราครับ


