เกิดเรื่องวุ่นๆ ในการประกวด มิสยูนิเวิร์ส 2025 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ แต่น่าสงสัยว่า “แอน จักรพงษ์” ผู้เคยนำบริษัท เจเคเอ็น เข้าซื้อหุ้น “มิสยูนิเวิร์ส” จนเป็นข่าวใหญ่โตเมื่อ 3 ปีก่อน หายไปอยู่ไหน จากข้อมูลที่ได้มา แอน จักรพงษ์ หอบเงินกว่า 6 พันล้านบาทแปลงเป็นโทเคน หนีไปกบดานที่เม็กซิโกและได้สัญชาติเรียบร้อยแล้ว จากการอนุเคราะห์ของ “ราอูล” ที่เอ่ยปากขอคนในรัฐบาลให้
รายการ“คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” เมื่อวันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงการประกวดมิสยูนิเวิร์ส (Miss Universe) 2025 ครั้งที่ 74 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพว่า นับเป็นการประกวดที่มีดราม่าเกิดขึ้นหลายเรื่อง จนสร้างความสงสัยให้แก่คนทั่วไปว่าเกิดอะไรขึ้นกับ องค์กรมิสยูนิเวิร์ส Miss Universe Organization (MUO) ซึ่งเป็นผู้จัดการประกวด
ดราม่านี้มีจุดเริ่มต้นหลักจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ นางงามเม็กซิโก รวมไปถึงประเด็นการนำ คาสิโนออนไลน์ มาเป็น Official Partner มีการแจ้งตำรวจ-โต้เถียงกันอย่างดุเดือดผ่านสื่อโซเชียลระหว่าง นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานคณะเจ้าภาพจัดการประกวดอย่างเป็นทางการ และ นายราอูล โรชา คานตู นักธุรกิจชาวเม็กซิกันในฐานะประธาน Miss Universe และ ลุกลามไปสู่การขู่จำกัดบทบาททางธุรกิจและการฟ้องร้องกันอุตลุต
แม้ว่าเรื่องราวดราม่าจะจบลงด้วย “การขอโทษ” และ The show must go on จัดประกวดกันต่อไป แต่งานนี้ก็ทิ้งปริศนาให้ตามหาความจริงอยู่หลายประเด็น
ที่สำคัญมีคนถามว่า มิสยูนิเวิร์สเกิดศึก ดราม่า “แอน จักรพงษ์” จักราจุฑาธิบดิ์ เจ้าของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ เรียกสั้น ๆ ว่า JKN ซึ่งแอนเป็นคนที่เคยสร้างความฮือฮาว่าเป็นคนไทยไปเข้าซื้อกิจการของ Miss Universe Organization (MUO)มาเป็นข่าวใหญ่โตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนนี้หายไปไหน?
จุดเปลี่ยนมิสยูนิเวิร์ส
ย้อนไปเมื่อปี 2565 “แอน จักรพงษ์” หรือ แอน JKN สร้างความฮือฮาเป็นข่าวไปทั่วโลก เมื่อเข้าซื้อกิจการของ Miss Universe Organization (MUO) ซึ่งเป็นผู้จัดการประกวดนางงามจักรวาล หรือ Miss Universe มูลค่าการซื้อขายราว 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ เกือบ 800 ล้านบาท
ตอนนั้น องค์กรนางงามจักรวาล หรือ MUO ที่ดำเนินการนานกว่า 70 ปี เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกที่ติดตามการรับชมการจัดการประกวดนางงามจักรวาลมากกว่า 500 ล้านคนและมีประเทศต่าง ๆ ได้ซื้อลิขสิทธิ์การจัดการประกวดนางงามจักรวาลในแต่ละประเทศ เพื่อส่งนางงามเข้าประกวดมากกว่า 94 ประเทศ จึงได้มาอยู่ในการครอบครองของคนไทย
“แอน จักรพงษ์” คือผู้หญิงข้ามเพศ มีชื่อเล่นเดิมว่า พงษ์ เป็นลูกชายคนโตของครอบครัวเชื้อสายจีน มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน พื้นเพที่บ้านทำธุรกิจร้านเช่าวีดีโอ ภายใต้ชื่อ “ST วีดีโอ” ที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ
แอน จักรพงษ์ หลังเรียนจบปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยบอนด์ ออสเตรเลีย ก็มารับช่วงกิจการต่อจากพ่อ
ต่อมา ด้วยความที่ธุรกิจเช่าวิดีโอเริ่มซบเซา เธอจึงเริ่มหันไปหาโอกาสธุรกิจในแนวทางอื่น โดยนำเข้ารายการต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอินเดีย มาขายให้กับสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ตอนนั้นธุรกิจไปได้ดีจนมีคนเรียกเธอว่าเป็น “เจ้าแม่ภารตะพันล้าน” เนื่องจากซีรีส์อินเดียที่ขายได้เป็นหลักพันล้าน
จากนั้นแอน จักรพงษ์ก็ก่อตั้ง บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ก่อนจะเปลี่ยนเป็น บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ในเวลาต่อมาโดยเริ่มต้นเส้นทางธุรกิจจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายคอนเทนต์ลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะซีรีส์และภาพยนตร์จากอินเดียและฟิลิปปินส์ ซึ่งสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงให้กับบริษัท
ต่อมา แอน จักรพงษ์ นำ JKN เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 ด้วยราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 8.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายอาณาจักรธุรกิจอย่างก้าวกระโดด
หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ JKN โชว์ตัวเลขผลประกอบการโตอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ราคาหุ้นขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ระดับประมาณ 12.00 บาทต่อหุ้น ในช่วงปี 2561-2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของ JKN ในฐานะเจ้าตลาดคอนเทนต์อย่างสูง
อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้ต้องเผชิญกับความท้าทายของอุตสาหกรรมสื่อที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว และการตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่ที่กำลังจะตามมา ได้นำพาบริษัทเข้าสู่ภาวะที่เต็มไปด้วยความสุ่มเสี่ยง
นอกจากเป็นนักธุรกิจที่เป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจหมื่นล้าน ด้วย ภาพลักษณ์ส่วนตัวที่เป็นผู้หญิงข้ามเพศ มีสีสัน และ ตกเป็นข่าวดราม่าในสังคมโซเชียลบ่อยครั้ง ทำให้ แอน JKN มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของสังคมไทยเป็นอย่างดี
จุดเปลี่ยนสำคัญที่สั่นสะเทือนตลาดและวงการนางงามเกิดขึ้นในเดือน ตุลาคม 2565 หรือ 3 ปีที่แล้ว เมื่อ JKN ประกาศเข้าซื้อกิจการ Miss Universe Organization (MUO) ด้วยมูลค่า 800 ล้านบาท
แอน จักรพงษ์ มองว่า การลงทุนครั้งนี้มีเป้าหมายทะเยอทะยาน คือการเปลี่ยน JKN จากบริษัทสื่อธรรมดาไปสู่ บริษัท Commerce ที่มีสินทรัพย์ทางแบรนด์ระดับโลก และ ต่อยอดสู่การขายสินค้าและบริการ
แม้ว่า ปี 2565 ปีนั้นจะเป็นปีที่ JKN ทำรายได้สูงสุด ถึง 2,423 ล้านบาท กำไรสุทธิ 318.35 ล้านบาท แต่ ภาระหนี้สินจากการลงทุนขนาดใหญ่นี้ กลายเป็นสิ่งที่แอน จักรพงษ์ คงไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเป็น“วิกฤติฟองสบู่” ของตัวเอง และอาณาจักร JKN
ฟองสบู่แตก ขาดทุนบักโกรก ขาดสภาพคล่อง ผิดนัดชำระหนี้
การเป็นเจ้าของอาณาจักรมิสยูนิเวิร์สของแอนแลกมาด้วยวิกฤตสภาพคล่องที่รุนแรง JKN เริ่มประสบปัญหาการขาดทุนสุทธิสูงในปี 2566 โดยขาดทุนสุทธิสูงถึง 2,157 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากความล้มเหลวในการจัดการกระแสเงินสดและภาระหนี้สินที่สูงลิ่ว การตั้งสำรองด้อยค่าของสินทรัพย์และการบันทึกค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เพิ่มขึ้น กลายเป็นปัจจัยซ้ำเติมที่ยากจะควบคุม
ชนวนสำคัญที่จุดระเบิดวิกฤตทางการเงินอย่างเป็นทางการคือการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ชุด JKN239A ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 1 กันยายน 2566 มูลค่าประมาณ 609 ล้านบาท
การผิดนัดชำระหนี้ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นกู้เท่านั้น แต่ยังนำไปสู่เงื่อนไข Cross Default ทำให้หุ้นกู้ชุดอื่น ๆ ที่มีมูลค่ารวมกว่า 2,256 ล้านบาทถูกเรียกให้ชำระคืนพร้อมกัน
แรงสั่นสะเทือนจากวิกฤตหุ้นกู้ กดดันราคาหุ้น JKN ดิ่งลงอย่างรุนแรง หลังการผิดนัดชำระหนี้ ราคาหุ้นลดลงเหลือราคาปิดครั้งสุดท้ายที่ 0.80 บาทต่อหุ้น ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสั่งพักการซื้อขาย (SP) อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว
เพราะฉะนั้น ทางรอดของ แอน จักรพงษ์ตอนนั้นคือ การแก้ไขปัญหาทางการเงินโดยจำเป็นต้องดำเนินการผ่านกระบวนการทางกฎหมายอย่างเร่งด่วน โดย JKN ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ต่อศาลล้มละลายกลางในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ทั้งหมดของบริษัท
ปี 2567 ช่วงเดือนมีนาคม JKN ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งให้ JKN ดำเนินการฟื้นฟูกิจการตามกฎหมาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับโครงสร้างหนี้และบริหารธุรกิจต่อไปภายใต้แผนฟื้นฟู
เดือนเมษายน 2567 ศาลรับคำร้องศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ รับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ของ JKN ซึ่งเป็นการเริ่มต้นกระบวนการตามกฎหมายอย่างเป็นทางการ
จากนั้น กลุ่มผู้เสียหายที่ซื้อหุ้นกู้ของ JKN รวมมูลค่าหลายพันล้านบาท ได้รวมตัวกันเพื่อร้องเรียนและเรียกร้องความเป็นธรรม
โดยผู้ถือหุ้นกู้ได้ยื่นหนังสือต่อ ก.ล.ต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อขอให้ ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินเชิงลึกของ JKN และ ขอให้อายัดทรัพย์สินของบริษัทและกรรมการ เพื่อป้องกันการโยกย้ายทรัพย์สิน แต่เนื่องจากบริษัท JKN อยู่ในแผนฟื้นฟูฯ การจัดการจึงอยู่ภายใต้กรมบังคับคดี
ดีลลับกับมาเฟียเม็กซิกัน
แอน จักรพงษ์ แถลงต่อสื่อหลายครั้งว่า JKN พยายามจะแก้ปัญหาด้านการเงิน และ จะชำระหนี้หุ้นกู้ให้ได้ แต่ในตอนนั้นก็มีข่าวแพร่สะพัดว่า เธอได้ขายหุ้นมิสยูนิเวิร์ส ออกให้กับราอูล โรชา คานตูนักธุรกิจชาวเม็กซิกัน ที่เป็นประธาน MUO ในปัจจุบัน
การขายหุ้นครั้งนี้ถือเป็นดีลลับ ๆ ก็ว่าได้ มีการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น JKN Legacy ใน วันที่ 20 ตุลาคม 2566 กับบริษัทของนายราอูล ไว้ก่อนแล้วค่อยมาเปิดเผยข้อมูลภายหลังเมื่อ วันที่ 22 มกราคม 2567 ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
เมื่อความจริงถูกเปิดเผย สำนักงาน ก.ล.ต. จึงลงโทษทางแพ่งกับ JKN และ แอน จักรพงษ์ ฐานเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จหรืออาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญ เกี่ยวกับการขายธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาล (MUO)
JKN ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯตอนนั้น ว่า "ยังไม่ได้ข้อสรุป" ในดีลขาย MUO
ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริงที่ ก.ล.ต.พบ JKN ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น 50% ของ JKN Legacy บริษัทย่อยของ JKN ผู้ถือลิขสิทธิ์ Miss Universe ให้กับบริษัทของ นายราอูล โรชา คานตู ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ดังกล่าว
นอกจากโทษปรับแล้ว ก.ล.ต.ยังสั่งห้าม แอน จักรพงษ์ เป็นกรรมการหรือผู้บริหาร ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เป็นเวลานาน 56 เดือน
ระยะเวลาใกล้เคียงกัน ก.ล.ต. ยังได้ กล่าวโทษ JKN และแอน จักรพงษ์ ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการตกแต่งงบการเงินปี 2566 โดยการแสดงยอดหนี้สินและสินทรัพย์ที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายหลักทรัพย์
ความหมายคือ แอน จักรพงษ์ แอบขายหุ้น Miss Universe ออกให้กับนักธุรกิจเม็กซิโกเพื่อเสริมสภาพคล่องและหาพันธมิตรทางธุรกิจ
ผู้ซื้อคือ นายราอูล โรชา คานตู ประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Legacy Holding Group ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีชาวลาตินอเมริกา
ว่ากันว่า ราอูลควักเงินลงทุน 16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 581.92 ล้านบาท โดยข้อตกลงมีการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ที่ เม็กซิโก เพื่อดูแลธุรกิจในเขตอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้
ส่วนสำนักงานใหญ่ที่ประเทศไทยโดย JKN ยังคงดูแลกิจการ Miss Universe ในเขตเอเชียและประเทศอื่น ๆ ที่เหลือ
ทั้งนี้ ตามข้อมูล “ราอูล” คนนี้ไม่ธรรมดา เคยปรากฏเป็นข่าวไปทั่วโลก ในฐานะของเจ้าของโรงแรม และคาสิโน Casino Royale ในเมืองมอนเตร์เรย์ รัฐนูเอโวเลออน ประเทศเม็กซิโก ที่ถูกกลุ่มค้ายา Los Zetas ลอบวางเพลิง โดยมีเหยื่อจำนวนมากติดอยู่ก่อนที่กองกำลังเม็กซิกันจะมาถึง ซึ่งตามรายงานของสื่อระบุว่าผู้เสียชีวิตมีมากถึง 52 คน หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ราอูลได้ย้ายไปปักหลังอยู่ที่ไมอามี ประเทศสหรัฐอเมริกา
ต่อมา “ราอูล” ได้ตัดสินใจลงทุนในธุรกิจประกวดนางงามด้วยการซื้อสิทธิ์การเป็นเจ้าของการประกวด มิสยูนิเวิร์ส เม็กซิโก และดึงเอามิยูนิเวิร์สให้มาจัดในเม็กซิโกในปี 2024 ได้สำเร็จ ก่อนจะเข้าซื้อหุ้นจากบริษัทย่อยของ JKN ในเวลาต่อมา
นั่นคือจุดที่ทำให้ “แอน JKN” กับ “ราอูล” มีสายสัมพันธ์อันใกล้ชิดต่อกัน
ครั้งนั้น แอน จักรพงษ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลายสำนักว่า มิสเตอร์ ราอูล โรชา คานตู เป็นประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Legacy Holding Group เป็นมหาเศรษฐีชาวละตินอเมริกา และ ยังเป็นเจ้าของธุรกิจบ่อน้ำมัน ธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ และสนามบินเจ็ตส่วนตัว โดยจะนำประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจมายาวนานเข้ามาสนับสนุนธุรกิจ MUO
ในการให้สิทธิผลิตสินค้าหรือบริการหรือเครื่องหมายการค้า ภายใต้แบรนด์ Miss Universe แก่กลุ่มผู้ประกอบการในกลุ่มประเทศละตินอเมริกา ที่มีความสนใจเข้ามาร่วมกันพัฒนาธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ
ที่ผ่านมา ในแวดวงของนักธุรกิจชาวเม็กซิโก ต่างรับรู้เรื่องราวดีว่า นายราอูล โรชา คานตู เป็นผู้กว้างขวางในเม็กซิโก
เมื่อไม่นานมานี้ นางสาวมิเชล นางงามชาวเม็กซิโก ที่ได้ชื่อว่า เป็นตัวเต็งของการประกวดเวทีในประเทศ และน่าจะถูกคัดเลือกเข้ามา เป็นตัวแทนการประกวดนางงามจักรวาล ครั้งที่ 74 ในประเทศไทย แต่เกิดความขัดแย้งกับเจ้าของงานประกวด เพราะฉะนั้นจึงกลายเป็นโอกาสของ “ฟาติมา บอสช์” (Fátima Bosch) ลูกสาวนักการเมืองใหญ่ มากมายอิทธิพลฝ่ายรัฐบาล ที่เข้ามาเป็นตัวแทนสาวงามจากเม็กซิโก
โดย ฟาติมา บอสช์ ก็คือโต้โผมาก่อหวอดให้พวกนางงามฝั่งละตินอเมริกา แข็งข้อกับ ณวัฒน์ อิสรไกรศีลด้วยการดื้อรั้น ไม่ยอมทำกิจกรรมตามที่ประเทศเจ้าภาพร้องขอ จนเกิดวิวาทะผ่านสื่อโซเชียลข้ามทวีปไปมา
สิ่งที่ทำลายหัวใจคนไทย ภาพลักษณ์ที่ดีของไทย จนไม่สามารถยอมรับได้ คือนายราอูล และทีมงานจากเม็กซิโก พยายามนำเว็บพนันออนไลน์ เข้ามาประชาสัมพันธ์แฝงนำป้ายโฆษณาสัญลักษณ์เว็บการพนัน แอบนำชื่อเว็บพนันสกรีนใส่หมอน ให้เหล่านางงามหลายสัญชาติ ถือถ่ายภาพและถ่ายคลิปวีดีโอ เพื่อนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ โดยถ่ายทำกันภายในกองประกวด
เรื่องนี้เดือดร้อนไปถึงตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ที่ต้องนำกำลังเข้ามาห้ามปราม และเรียกคู่กรณีที่เป็นตัวแทนของผู้จัดการประกวดฝ่ายไทย กับผู้บริหารนางงาม ฝ่ายเม็กซิโก ไปตกลงกันที่โรงพัก
โดย เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล พร้อมทีมงาน ได้แจ้งกับพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ว่า ขณะจัดกิจกรรมการเก็บตัวนางงามในงานประกวดมิสยูนิเวิร์ส ที่โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซ์ ได้มีกลุ่มบุคคลต่างชาติ ซึ่งเป็นตัวแทนองค์กรมิสยูนิเวิร์สประจำประเทศแม็กซิโก และตัวแทนของ JKN Global Group มีการนำสื่อการพนันออนไลน์ให้ผู้เข้าประกวดโปรโมตเว็บไซต์ และมีการบันทึกภาพพร้อมวีดิโอ เพื่อใช้ในการโปรโมตเว็บไซต์ดังกล่าว
มีรายงานว่า พวกที่ถูกผลักดันออกจากพื้นที่ ทั้ง 4 คน ไม่ใช่ใครที่ไหน คนแรกชื่อนายโฮเซ่ เป็นน้องเขยของนายราอูล คนที่สอง ชื่อ นายโทนี่ เป็นบอดี้การ์ดของโฮเซ่
คนที่สามชื่อ นายจอร์จ เป็นลูกน้องคนสนิททำหน้าที่ผู้อำนวยการกองประกวดมิสยูนิเวิร์สที่เม็กซิโก ส่วนคนที่สี่ ชื่อ นายปวาล สัญชาติอินเดีย เป็นทีมงานเก่า ของ แอน จักรพงษ์
ย้อนกลับมาที่ “บอส ณวัฒน์” ทำไมถึงได้มาอยู่ในจักรวาลของมิสยูนิเวิร์ส กระทั่งมากระทบกระทั่งกับนายราอูลในครั้งนี้ ?
ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MGI) ผู้จัดการประกวดเวทีสาวงาม “มิสแกรนด์” ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เข้ามาเพราะต้องการช่วยเหลือ แอน จักรพงษ์ ในการแก้ไขปัญหาขาดสภาพคล่องของ JKN ทั้ง ๆ ที่ ระหว่าง แอน จักรพงษ์ กับ ณวัฒน์ นั้น ในอดีตไม่ถูกกันเลย
เมื่อแอน จักรพงษ์ จับมือกับณวัฒน์ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล จึงเป็นข่าวฮือฮา โดยความร่วมมือนี้ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2568 โดย MGI ได้ซื้อสิทธิ์การจัดการประกวด Miss Universe Thailand (MUT) เป็นเวลา 5 ปี (2568-2572) ด้วยมูลค่า 180 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินงานของ JKN ภายใต้แผนฟื้นฟู
การร่วมมือนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่การจัดการประกวดในประเทศเท่านั้น แต่ “บอส ณวัฒน์” ยังได้รับการแต่งตั้งเป็น Executive Director for MUO เมื่อ วันที่ 23 เมษายน 2568 หลังจากแอนถูกสำนักงาน ก.ล.ต.กล่าวโทษทางแพ่ง กรณีให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการขายหุ้น MUO สัดส่วน 50% ให้นายราอูล โรชา เพื่อใช้ความเชี่ยวชาญในการช่วยบริหารจัดการและสร้างรายได้ให้กับ MUO ในภาพรวมอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ดราม่าที่เกิดขึ้นกับองค์กรมิสยูนิเวิร์ส ระหว่าง ณวัฒน์ กับ ราอูล ก็นำมาซึ่ง การตัดสินใจ เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2568 ของ ณวัฒน์ โดย MGI ประกาศยกเลิกดีลซื้อหุ้นเพิ่มทุน JKN 50 ล้านบาท อย่างเป็นทางการทันที ด้วยเหตุผลว่า ขาดความเชื่อมั่น ในการบริหารจัดการภายในของ MUO/JKN และปัญหาด้านภาพลักษณ์ ทำให้ “บอส ณวัฒน์” ถอนตัวจากการเป็นผู้ถือหุ้นและผู้บริหารระดับสูงของ MUO
คราวนี้ ที่มีคนถามถึง “แอน จักรพงษ์” ว่า ในช่วงเวลาของความโกลาหลเช่นนี้ เธอหายหัวไปอยู่ที่ไหน ???
จากข้อมูลที่ได้มา ก็ต้องบอกให้ทราบว่า แอน จักรพงษ์ นั้น หอบเงินกว่า 6 พันล้านบาทไทย ไปแปลงเป็นโทเคน หรือคริปโตเคอเรนซี่ หนีไปอยู่ที่เม็กซิโก ซุกปีก นายราอูล แล้วเป็นที่เรียบร้อย
ปัจจุบันนี้ แอน จักรพงษ์ ได้สัญชาติเม็กซิโก ผ่านการอนุเคราะห์ ของ นายราอูล ที่เอ่ยปากขอคนในรัฐบาลให้ใช้ชีวิตอยู่ในเม็กซิโกได้อย่างไม่ต้องระแวงกับผลพวงจากวิกฤติการเงินที่ตัวเองก่อขึ้นกับผู้เสียหาย ซึ่งรวมไปถึงเป็นคนที่ถูกวิพาษ์วิจารณ์ว่า ทำให้จักรวาลมิสยูเวิร์ส กลายเป็น ‘สีเทา’ ไปหรือไม่ ?
นี่คือเรื่องราวที่พลิกผัน แอน จักรพงษ์ เมื่อปี 2563 ติดอันดับเศรษฐีหุ้นอันดับที่ 149 ของประเทศไทย และ ถือเป็นสตรีข้ามเพศที่มีอาณาจักรธุรกิจมูลค่าสินทรัพย์มากที่สุดในประเทศไทยและเอเชีย และเป็นอันดับ 3 ของโลก จนได้ฉายา “แอน เจ้าแม่ JKN”
“ตอนนี้ "แอน จักรพงษ์" สถานะไม่ต่างจากพวกจีนเทา ไทยเทา ที่ใช้เงินซื้อตำแหน่งออกญา หาที่ซุกหัว กินอยู่หลับนอนอย่างสบายในแผ่นดินกัมพูชาแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นแล้ว เม็กซิโกเองเมื่อดูกันลึกๆ แล้วก็ไม่ได้แตกต่างกว่ากัมพูชาเท่าไรนัก เพราะว่ามีพวกสีเทาเยอะเหลือเกิน
“นี่คือทั้งหมด ที่แน่ๆ "แอน จักรพงษ์" คงจะกลับมาเมืองไทยไม่ได้อีกนานแสนนาน เพราะว่าเธอคงต้องโดนหมายจับค้างเอาไว้ อายุความต้องมีไม่ต่ำกว่า 15 ปี” นายสนธิ กล่าว


