xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 25 ก.พ.-2 มี.ค.2567

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



1.อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง "สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง-เนตร นาคสุข"กับพวกรวม 8 คน คดีเปลี่ยนความเร็วรถ "บอส" ซิ่งรถหรูชนตำรวจดับ!

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้นำทีมเเถลงข่าวว่า อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กับพวก รวม 8 คน ตามมติสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คดีการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถเพื่อช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังขับรถซูเปอร์คาร์ชนตำรวจจราจร สน.ทองหล่อเสียชีวิต ให้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดี

นายประยุทธ กล่าวว่า อัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนคดีแล้ว มีคำสั่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คน ตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังนี้ 1.พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมาธิการ ในคณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1

2.พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดีพนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลง และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 86, 157, 200 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4, 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามกรทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 65 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

3.พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานสืบสวนสอบสวน (สบ 3) สน.ทองหล่อ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญากระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157, 200 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 13 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4, 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 65 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

4.นายเนตร นาคสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวน คดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบเพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลง และฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 13 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4, 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

5.นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม พนักงานอัยการ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 6.นายธนิต บัวเขียว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12 7.นายชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 8.รองศาสตราจารย์ ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมีให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลงและฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 157, 200 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 13 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4, 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2 พ.ศ.2554 มาตรา 65 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

ทั้งนี้ อัยการสูงสุดมอบหมายให้อัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีผู้ถูกกล่าวหาทั้งแปดคนแทนอัยการสูงสุด และให้แจ้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ เพื่อให้ส่งผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คนที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง โดยให้ส่งตัวไปยังสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เพื่อฟ้องคดีภายในอายุความตามกฎหมายต่อไป

สำหรับผู้ถูกกล่าวหาอื่น ๆ ได้แก่ พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และ พ.ต.อ.วิวัฒน์ สิทธิสรเดช ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติกันไว้เป็นพยาน

พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง หรือคทาธร พัชรนามเมือง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 14 และ พล.อ.ท.สุรเชษฐ ทองสลวย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตาม ป.วิ. อาญา และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 63

สำหรับ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ (ยศขณะนั้น) ผู้ถูกกล่าวที่ 11 คณะกรรมการ ป.ป.ช มีมติส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 64

นายธานี อ่อนละเอียด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พ.ต.ท.ทรงวุฒิ เจริญวิชยเดช ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นายวรพล โสคติยานุรักษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 16 นายอุสาห์ ชูสินธ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 17 และ น.ส.ณัฏณิชา ทองชื่น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 18 คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติไม่ชี้มูลความผิด

นายประยุทธ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวด้วยว่า ขั้นตอนต่อไป อัยการสูงสุดจะมีหนังสือแจ้งไปที่ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการให้ได้ตัวมาตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งรับดำเนินคดี ซึ่งคดีนี้เข้าเขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบฯ สำหรับคำสั่งของอัยการสูงสุดครั้งนี้ถือว่าเสร็จสิ้นการสั่งคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ต่อไปเป็นการพิจารณาคดีในชั้นศาล

อนึ่ง คดีนี้ ก่อนที่ อสส.จะรับดำเนินคดี มีรายงานว่า เดิมสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตได้เสนอความเห็นต่ออัยการสูงสุด (อสส.) เกี่ยวกับข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนการสอบสวนคดีนี้ เเละขอให้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน 2 ฝ่าย เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ เเต่เมื่อสำนวนมาถึงนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด พิจารณาเเล้วมีคำสั่งรับดำเนินคดีโดยไม่ต้องตั้งขัอไม่สมบูรณ์

2.ฝรั่งอ้าง ไม่ได้ตั้งใจเตะหมอ แค่สะดุดล้ม ด้านคนภูเก็ตไม่ทน รวมพลขับไล่ "Get out David" ทวงคืนหาดสาธารณะ 3 มี.ค.!


เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.50 น. ได้เกิดเหตุการณ์ชายต่างชาติทำร้ายร่างกายแพทย์หญิงที่บริเวณหาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดย พ.ญ.ธารดาว เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "ก่อนเกิดเหตุตนเดินทางไปรับประทานอาหารบริเวณหาดยามู หลังรับประทานอาหารเสร็จได้เดินเล่นบริเวณชายหาด จากนั้นไปนั่งพักผ่อนดูพระจันทร์ที่บันไดคอนกรีตทางขึ้นไปสนามหญ้าหน้าบ้านของคู่กรณี ชื่อนายออสบีทเฟร์ หรือเดวิด อายุ 45 ปี สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์อยู่ติดกับชายหาดดังกล่าว จากนั้นคู่กรณีได้เดินเข้ามาด้านหลังและเตะเข้าบริเวณหลังของหมอธารดาว

"ตนกับเพื่อนเลยเดินไปหา รปภ.บนป้อมยามแล้วบอกว่า “พี่คะหนูถูกทำร้ายร่างกาย” รปภ.ก็ตกใจและพาไปยังหน้าวิลล่า 23 ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ ฝรั่งคนนั้นแสดงอาการโกรธ สบถคำด่าออกมาสารพัด จากนั้นภรรยาชาวไทยก็เดินออกมาด่ากราดแบบหยาบคายว่า มานั่งอยู่หน้าบ้านเขา ต่อให้ยิงพวกตนตาย เขาก็ไม่ผิดเพราะลูกเขาเป็นตำรวจและรู้จักนายตำรวจใหญ่ของภูเก็ต เอาพวกตนเข้าคุกให้ได้ จะโทรหาท่านรอง จากนั้นภรรยาชาวไทยก็โทรหาตำรวจยศใหญ่ของเขาให้ส่งตำรวจมา

"ผ่านไปประมาณ 15 นาที มีตำรวจ 2 นายเดินมา คนหนึ่งแต่งตัวนอกเครื่องแบบ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นตำรวจในเครื่องแบบ ตำรวจทั้งสองพยายามมาเจรจาเคลียร์เรื่อง หลังจากที่ตำรวจมาคุย ชายชาวต่างชาติก็มาพูดกับตนว่า “อ๋อเป็นชนพื้นเมือง เป็นคนไทยเหรอ รู้ไหมฉันไม่ได้จ่ายค่าเช่าวิลล่าเดือนละล้านบาทมาให้พวกคุณนั่งหน้าบ้านฉัน” ตนก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร หลังจากนั้นตำรวจก็เดินมาพูดกับตนว่าตอนนี้มันผิดกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายตนเป็นคนบุกรุกมีโทษหนักกว่าต้องติดคุก 4 ปี ฝ่ายเขาแค่ทำร้ายร่างกายจ่ายเงินก็จบ ตนเลยช็อกไป ตำรวจนายหนึ่งบอกว่าต้องเคลียร์ให้ยอมความกันให้ได้จะได้ไม่ต้องถึงโรงพัก ตนจึงเสนอให้ 3 ทางเลือกคือ 1.ต่างคนต่างขอโทษแล้วจบ 2.ต่างคนต่างไม่ขอโทษแล้วจบ 3.ไปคุยกันที่โรงพัก แต่ฝั่งนู้นบอกว่า ตนขอโทษฝรั่งได้ แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษตน และตนจะต้องติดคุก”


จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แนะนำให้ พ.ญ.ธารดาว ร้องทุกข์ดำเนินคดีคู่กรณี หมอธารดาวจึงได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยหมอธารดาวเผยว่า ต้องการขอความเป็นธรรม เนื่องจากภรรยาชาวต่างชาติที่เป็นคนไทย อ้างว่ามีลูกชายเป็นตำรวจและรู้จักกับนายตำรวจใหญ่ของ จ.ภูเก็ต ตนจึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

วันต่อมา (29 ก.พ.) พนักงานสอบสวน สภ.ถลางได้นัดสอบปากคำหมอธารดาวเพิ่มเติม หมอจึงเดินทางเข้าให้ปากคำตำรวจพร้อมด้วยแฟนชาวต่างชาติและบิดา หลังให้ปากคำแล้วเสร็จ หมอธารดาว ยืนยันว่า จะสู้เต็มที่ เพราะไม่ควรมีใครโดนเรื่องแบบนี้ ไม่ควรจะมีคนไทยคนไหนมาเจอเรื่องแบบนี้ ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ส่วนกรณีที่ทางคู่กรณีจะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมฯ หลังบิดาโพสต์มีชื่อคู่กรณีในใบแจ้งความนั้น เรื่องนี้มันเป็นความจริง ถ้าเขาจะฟ้อง ก็ดำเนินการตามกฎหมาย

“ส่วนคำพูดเหยียดนั้น ก็ไม่ควรจะมีใครที่ถูกโดนเหยียดเช่นนั้น เขาเป็นชาวต่างชาติที่มาอยู่ในไทย มาหากินกับคนไทย ทำงานอยู่ในประเทศไทย อยู่บนแผ่นดินไทย ก็ไม่ควรเหยียดใครว่าใครเป็น Local คุณควรจะนับถือเขามากกว่า เราควรอยู่กันอย่างนับถือ มากกว่าการเหยียดกัน ต่อให้จะรวยล้นฟ้า หรืออำนาจมากแค่ไหน ก็ไม่ควรเหยียดใคร”


หมอธารดาว บอกอีกว่า ตอนนี้ก็ยังคงเจ็บที่ด้านหลังอยู่ หลังจากที่โดนเตะ ก็ไปฉีดยาต่อที่โรงพยาบาล เพราะว่าปวด น้ำหนักคู่กรณี 100 กว่า กก. ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ ช่วยเหลือให้ตนได้รับความยุติธรรม และขอให้ความยุติธรรมนี้เกิดขึ้นจริงๆ ส่วนคู่กรณีถ้าเข้ามาขอโทษด้วยความจริงใจ ต้องการจะขอโทษจริงๆ ไม่ใช่กลัวว่าจะโดนคดี ตนเองก็ยินดีที่จะรับคำขอโทษของเขา

วันเดียวกัน มีรายงานว่า นายไพโรจน์ ศรีละมุล นายอำเภอถลางพร้อมด้วยเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต อำเภอถลางและนายปัณยา สำเภารัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลป่าคลอกได้นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณวิลล่าที่เกิดเหตุ พบว่า เจ้าของวิลล่าดังกล่าวเคยนำชี้ขอออกโฉนด ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็น นส.3 ก.โดยแนวที่นำชี้คือ ขั้นบันไดที่ 1 ดังนั้นขั้นบันไดลงมา 2 3 4 เป็นการรุกล้ำที่ดินสาธารณะแนวชายหาดทราย โดยได้มอบหมายให้นายกเทศมนตรีตำบลป่าคลอกเข้าแจ้งความดำเนินคดีบุกรุกตามกฎหมายและดำเนินการรื้อถอนตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

วันต่อมา (1 มี.ค.) ชายต่างชาติพร้อมภรรยาได้แถลงข่าวขอโทษหมอธารดาว โดยภรรยาชาวไทยเป็นผู้เล่าเหตุการณ์ว่า คิดว่าหมอธารดาวเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เคยเข้ามาเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน จึงรู้สึกกลัว ไม่ปลอดภัย พร้อมยอมรับว่า ได้ใช้คำพูดรุนแรงและหยาบคาย แต่ขณะนั้นขาดสติ และจำไม่ค่อยได้ว่าพูดอะไรออกไป เมื่อทราบภายหลังว่าคู่กรณีเป็นคุณหมอ ก็พร้อมที่จะขอโทษทุกอย่าง พร้อมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด และรู้สึกเสียใจมากกับสิ่งที่ตนเองได้กระทำลงไป ส่วนเรื่องที่ได้อ้างชื่อตำรวจระดับสูงนายหนึ่งนั้น ยอมรับว่าได้โทรไปและทางนั้นได้ส่งสายตรวจมาจริง และลูกชายตนมียศเป็นนายสิบเท่านั้น ไม่ใช่ยศใหญ่โตตามที่ถูกกล่าวอ้าง

ด้านชายต่างชาติ ผู้เป็นสามี ระบุว่า คืนเกิดเหตุ ตนเองเห็นคู่กรณีมานั่งที่ริมบันได คิดว่ามีผู้บุกรุกพื้นที่ จึงอัดคลิปวิดีโอเพื่อจะส่งไปยังเจ้าของโครงการว่าถูกบุกรุก แต่ขณะที่เดินเข้าไปเพื่อจะไล่คนออกไป กลับสะดุดล้มเอง ยืนยันว่าได้ไปพบแพทย์และมีใบรับรองแพทย์ว่าตนเองก็ได้รับบาดเจ็บจากการสะดุดล้ม มีแผลเล็บฉีกที่นิ้วชี้ เท้าซ้าย

ด้านทนายความที่ให้คำปรึกษา ชี้แจงว่า ต้องขอโทษต่อคุณหมอผู้เสียหาย คนไทยทุกคน ที่เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกเสียใจกันทั้งหมด โดยได้แจ้งข้อกฎหมายให้ทั้ง 2 คนรับทราบแล้ว เรื่องการจะดำเนินคดีข้อหาบุกรุกกับคุณหมอว่าไม่สามารถแจ้งความได้ เพราะไม่เข้าข้อกฎหมาย เนื่องจากทั้ง 2 คน "เช่า" พื้นที่เท่านั้น ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์พื้นที่ใดๆ

ทั้งนี้ วันเดียวกัน กระแสโซเชียลได้มีการแชร์คลิปที่ชายต่างชาติเตะหลังหมอธารดาว ที่เจ้าตัวอ้างว่า ไม่ได้เตะ แต่สะดุดล้ม โดยในคลิปดังกล่าว ชายต่างชาติได้เดินจากสนามหญ้าเข้าไปด้านหลังหมอธารดาวกับเพื่อนซึ่งนั่งที่บันไดชายหาด โดยชายต่างชาติอัดวิดีโอคลิปไปด้วย จากนั้นหมอธารดาวได้หันมาดู ก่อนที่ชายต่างชาติจะพูดด้วยถ้อยคำสุดหยาบคาย (get the f…ck off) ไล่หมอธารดาวและเพื่อนออกไป พร้อมกับที่ภาพในคลิปมีลักษณะส่ายไปมาไม่กี่วินาที ก่อนที่จะเห็นภาพ หมอธารดาว และเพื่อน รีบเดินออกจากจุดดังกล่าว โดยที่ชายต่างชาติยังคงไล่ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายอีกหลายครั้ง

ล่าสุด (2 มี.ค.) นายปัณยา สำเภารัตน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เผยความคืบหน้ากรณีมอบหมายให้นิติกรเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 29 ก.พ.เพื่อดำเนินคดีบริษัท ภูเก็ต เพ็นนินซูล่า เอสเตท จำกัด หลังเกิดเหตุชายต่างชาติเตะหลังหมอธารดาว โดยพบว่า บริษัทดังกล่าวมีการก่อสร้างอาคารรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ (ชายหาด) ประกอบด้วย 1.แนวบันไดไม้ขนาดกว้างประมาณ 1.23 เมตร ยาว 4.70 เมตร จำนวน 1 แห่ง 2.ลานนั่งเล่นไม้ ขนาดกว้างประมาณ 4.80 เมตร ยาว 4.70 เมจร จำนวน 1 แห่ง 3.แนวบันไดคอนกรีต ขนาดกว้างประมาณ 3.38 เมตร ยาว 1.60 เมตร จำนวน 1 แห่ง 4.แนวกำแพงกันดินหินกล่อง สูงประมาณ 1.00 เมตร ยาว 18.90 เมตร เพื่อให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งภายใน 30 วันนับจากวันที่มีการแจ้งความดำเนินคดี ผู้ถูกร้องสามารถอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ แต่ถ้าไม่อุทธรณ์คำสั่งภายใน 30 วัน และไม่มีการรื้อถอน ทางเทศบาลจะเข้าไปดำเนินการรื้อถอนเอง

เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุการณ์ชายต่างชาติทำร้ายหมอธารดาว เริ่มบานปลายทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่พอใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (3 มี.ค.) ประชาชนคนภูเก็ตและชาวบ้านยามู จะมีการรวมตัวแสดงจุดยืนถึงความไม่พอใจพฤติกรรมของชายต่างชาติ คู่กรณีของหมอธารดาวหรือหมอปาย ซึ่งเป็นผู้เช่ารีสอร์ทจุดเกิดเหตุ โดยต้องการให้ชายต่างชาติออกจากพื้นที่

ทั้งนี้ ได้มีการระบุถึงพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของชายต่างชาติดังกล่าวว่า เคยมีปากเสียงทะเลาะกับชาวบ้านในชุมชนบ้านยามู ถึงขั้นเปิดประตูลงมาจากรถ และโชว์ให้เห็นว่ามีอาวุธปืน ชาวบ้านเห็นแล้วรับไม่ได้กับพฤติกรรมการก้าวร้าว เมื่อเกิดเหตุการณ์ "ฝรั่งเตะหมอ" ชาวบ้านยามูยิ่งรับไม่ได้ โดยคาดว่าจะรวมตัวกันที่บริเวณสวนสาธารณะห่างจากวิลล่าประมาน 500 เมตร พร้อมกันนี้เพจข่าวและเฟจเฟซบุ๊กใน จ.ภูเก็ต ได้มีการโพสต์แจ้งนัดหมายในการไปแสดงความไม่พอใจกับกรณีที่เกิดขึ้นด้วย

โดยเพจ เพจคนพลัดถิ่น มีการระบุข้อความว่า “วันอาทิตย์ 9 โมงเช้า ไปนั่งกินข้าวกันฉันพี่น้อง หน้าหาดยามู บ้านเราใครมีข้าวปลาอาหารติดมือมาแบ่งกันกินให้ไอ้ฝรั่งมันดูว่าคนไทยรักกันสามัคคีกัน งานนี้ไม่มีการรับบริจาคเป็นเงินทุกกรณีครับ ขอบคุณ” และอีกข้อความระบุว่า "วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2567 ขอเชิญร่วมงานเปิดหาดสาธารณะแหลมยามู ขอคืนพื้นที่ โดยชาวบ้านและประชาชน สโลแกน get out David"

3. อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง "อนันต์ อัศวโภคิน" แล้ว คดีฟอกเงินซื้อที่ดินสหกรณ์คลองจั่น เตรียมนำตัวส่งฟ้องศาล 2 เม.ย.นี้!



เมื่อวันที่ 29 ก.พ. แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เผยว่า นายอำนาจ เจตเจริญรักษ์ อัยการสูงสุด (อสส.) ได้มีคำสั่งฟ้องนายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากการขายที่ดินต่อให้กับนายอนันต์ อัศวโภคิน ไปแล้ว เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา และได้ส่งเรื่องกลับมาที่สำนักงานคดีพิเศษเพื่อให้ดำเนินการนำตัวนายอนันต์ส่งฟ้องต่อศาลแล้ว

สำหรับขั้นตอนต่อไป อัยการสำนักคดีพิเศษ จะต้องทำหนังสือแจ้งนายอนันต์ เพื่อให้มารายงานตัวและนำตัวส่งฟ้องศาลตามขั้นตอนทางกฎหมาย

รายงานแจ้งว่า ช่วงที่ผ่านมา ระหว่างที่รอคำสั่งของอัยการสูงสุดว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่นั้น นายอนันต์ต้องมารายงานตัวกับอัยการทุก 3 เดือน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 2 เม.ย.นี้ ซึ่งอาจจะมีการนำตัวนายอนันต์ไปส่งฟ้องศาลในวันดังกล่าวด้วย

สำนักข่าวอิศรารายงานว่า คดีนี้ เมื่อช่วงปลายปี 2562 พนักงานอัยการ สำนักงานดคีพิเศษ ซึ่งมีนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ เป็นอธิบดีในขณะนั้น ได้ส่งสำนวนการไต่สวนคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากการขายที่ดินต่อให้กับนายอนันต์ กลับคืนมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมสรุปความเห็นว่า สมควรสั่งไม่ฟ้องคดีนี้

ก่อนที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ในขณะนั้น จะลงนามในหนังสือถึงนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ ที่ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น อสส. เพื่อทำความเห็นแย้งขอให้สั่งฟ้องนายอนันต์ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าหลักฐานเส้นทางการเงินมีความชัดเจนเพียงพอ จนกระทั่งนายอำนาจ เจตเจริญรักษ์ อัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้อง

ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า ตามที่อธิบดีดีเอสไอได้ส่งสำนวนคดีอาญา คดีระหว่างสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือ ปปง. ผู้กล่าวหา นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ต้องหา ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุได้มีการสมคบกัน (คดีสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่น) พร้อมความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาเพื่อให้อัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาดตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 34

คดีนี้ อัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องนายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ต้องหาฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุได้มีการสมคบกัน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9, 60 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ตามความเห็นแย้งของอธิบดีดีเอสไอ

นายประยุทธ เผยด้วยว่า ขณะนี้สำนวนคดีอยู่ในความรับผิดชอบดำเนินคดีของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 โดยพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดีได้นัดหมายนายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ต้องหา มาพบพนักงานอัยการที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อส่งฟ้องต่อศาลในวันที่ 2 เม.ย.นี้ เวลา 09.30 น.

4. ศาลไม่ให้ประกัน "ตะวัน-แฟรงค์" เหตุอยู่ในความดูแลของแพทย์แล้ว ชี้ อดข้าวอดน้ำไม่ใช่การป่วย แต่เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง ด้านพ่อตะวันถาม ถ้าลูกตาย ใครรับผิดชอบ!



เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ศาลอาญาได้นัดฟังคำสั่งคำร้องขอประกันตัว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร ผู้ต้องหาคดีอาญา ม.116 ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่ หลังบีบแตรรถยนต์ลากยาวระหว่างขบวนเสด็จ ตามคำร้องของครอบครัวผู้ถูกคุมขังทั้ง 2 คน ประกอบความเห็นของแพทย์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งตรวจรักษา น.ส.ทานตะวัน ผู้ต้องหาที่ 1 พบว่าเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ด้วยภาวะทุพโภชนาการ และระดับเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ ผู้ป่วยปฏิเสธการให้สารน้ำและยาทางหลอดเลือดดำ เห็นสมควรเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำและเกลือแร่อย่างเพียงพอ พร้อมตรวจติดตามสังเกตอาการและตรวจติดตามผลเลือดเป็นระยะ

ส่วนแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้ตรวจร่างกายของนายณัฐนนท์ ผู้ต้องหาที่ 2 มีความเห็นว่า ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา เข้ารับการรักษาตัวด้วยอาการปวดท้อง อ่อนเพลีย 3 วัน เนื่องจากอดอาหารจากความประสงค์ของผู้ป่วยเอง แพทย์เห็นว่า ปัจจุบันยังนอนพักภายในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อสังเกตอาการใกล้ชิด ผู้ป่วยปฏิเสธการรับยา ปฏิเสธรับสารน้ำทางหลอดเลือด ปฏิเสธการรักษาทางการฉีดยาน้ำเกลือ

ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งยกคำร้องการขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่า ทั้งคู่อยู่ในความดูแลของแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ โดยผู้ป่วยปฎิเสธการรักษา และพิเคราะห์ว่า การอดอาหารดังกล่าวเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่ใช่การป่วย ประกอบกับพนักงานสอบสวนยังมีความเห็นต้องดำเนินการสอบพยานอีก 5 ปาก และต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรรมเพิ่มเติม จึงมีข้อวินิจฉัยให้ยกคำร้อง และไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม และได้รับฝากขังในผัดที่ 2 ต่ออีก 12 วันถึงวันที่ 8 มี.ค.นี้

หลังศาลยกคำร้องขอประกันตัว นายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือสายน้ำ เพื่อนของ น.ส.ทานตะวัน และนายณัฐนนท์ เป็นตัวแทนของครอบครัวออกมาเผยว่า ทั้ง 2 คนควรได้รับการประกันตัว เพราะยังไม่สามารถไปคุกคามใครได้ อีกทั้งการขัดขวางขบวนเสด็จที่เกิดขึ้น ทั้ง 2 ได้ออกมาขอโทษแล้วที่ สน.ปทุมวัน ก่อนถูกคุมตัวดำเนินคดี และยังอ้างว่า น.ส.ทานตะวัน และนายณัฐนนท์ ไม่ได้รับการรักษาตามที่โรงพยาบาลกล่าวอ้าง

วันต่อมา (26 ก.พ.) นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน กลุ่มทะลุวัง ได้เดินทางมาศาลอาญา พร้อมกับนายสมหมาย ตัวตุลานนท์ พ่อของ น.ส.ทานตะวัน เพื่อยื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวจำนวน 3 ครั้ง ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกัน

นายสมหมายจึงเดินทางมายื่นหนังสือที่เขียนด้วยลายมือตัวเอง ระบุว่า “ตามที่ศาลมีคำสั่งไม่ปล่อยตัวชั่วคราวนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร ข้าพเจ้าไม่มีคำโต้แย้งใดๆ แต่อยากขอให้ศาลอาญาดูแลรับผิดชอบในชีวิตของผู้ต้องหาทั้ง 2 ที่ท่านมีคำสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการสอบสวนต่อไปด้วย เขาทั้งสองเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา อัยการยังไม่มีคำสั่งฟ้องคดีเเต่อย่างใด ดังนั้น ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ตามกฎหมาย

“หากทั้ง 2 คนถึงแก่ความตายระหว่างที่อยู่การสอบสวน โดยคำสั่งของศาลอาญา ขอให้ท่านโปรดพิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่ดวงวิญญาณทั้ง 2 ดวงว่า ใครต้องรับผิดชอบการตาย จากการที่ท่านมีคำสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว และขอได้โปรดให้ท่านพิจารณาและหาทางออก”


นายกฤษฎางค์ ทนายความ กล่าวว่า ตนเองคุย กับ ผอ.โรงพยาบาลราชทัณฑ์ อาการของทานตะวันเกินศักยภาพการดูแลของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จึงส่งตัวไปโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ส่วนอาการของแฟรงค์ พยายามขอส่งตัวไปยังโรงพยาบาล แต่ยังไม่สามารถส่งตัวไปได้ โดยอาการของแฟรงค์มีอาการเจ็บป่วยค่อนข้างหนักเหมือนกับตะวัน เนื่องจากทั้งคู่ปฏิเสธการทานน้ำและอาหารมาเป็นเวลาหลายวัน

5. ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด "กิจ หลีกภัย" พร้อมพวก จัดซื้อที่ดินสร้างท่าเรือบ้านนาเกลือแพงเกินจริง ส่ง อสส.ดำเนินคดีอาญา แจ้งผู้บังคับบัญชาเรียกค่าเสียหาย!



เมื่อวันที่ 27 ก.พ. นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง พร้อมด้วยนายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง ได้ร่วมกันแถลงข่าวมติกรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งชี้มูลความผิดนายกิจ หลีกภัย อดีตนายก อบจ.ตรัง พี่ชายนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย และอดีตประธานรัฐสภา เมื่อครั้งนายกิจดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ตรัง และพวก ในคดีจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ ต.นาเกลือ อ.กันตัง จ.ตรัง มีราคาสูงเกินจริง โดยมีว่าที่ร้อยตรีชาญยุทธ เกื้ออรุณ อดีตประธานสภา อบจ.ตรัง และอดีตเลขานุการนายก อบจ.ตรัง (นายกิจ) เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย

นายบัณฑิต แถลงว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรังได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหานายกิจ หลีกภัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ตรัง กับพวก รวม 13 ราย จัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ (ท่าเรือตรัง) ต.นาเกลือ อ.กันตัง จ.ตรัง แพงเกินจริง โดยกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดรวม 6 ราย จากทั้งหมด 13 ราย จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ในการจัดซื้อที่ดินดังกล่าวมี 2 ครั้ง โดยในการจัดซื้อที่ดินครั้งที่ 1 นายกิจได้ขออนุมัติต่อสภา อบจ.ตรัง เพื่อจ่ายขาดเงินสะสม 25 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ จากการไต่สวนเบื้องต้น ในการจัดซื้อครั้งที่ 1 ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่า เจ้าหน้าหน้าที่ของรัฐได้กระทำความผิดทางอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่ชี้มูลทางวินัยในฐานะละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมดูแลตาม พ.ร.บ.อบจ.มาตรา 79

“ในการจัดซื้อครั้งที่ 2 พิจารณาจากราคาประเมินของสำนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขากันตัง ระบุราคาแปลงที่ 1 เนื้อที่ 6-0-06 ไร่ ราคาประเมิน 248,100 บาท แปลงที่ 2 เนื้อที่ 7-2-35 ไร่ ราคาประเมิน 324,750 บาท รวมเนื้อที่ 13 ไร่ 2 งาน 41 ตารางวา รวมราคาประเมิน 572,850 บาท ราคาตามท้องตลาดประมาณ 4 ล้านบาท แต่นายกิจได้พิจารณาและอนุมัติให้จัดซื้อที่ดินดังกล่าวเป็นเงินทั้งสิ้น 10,000,000 บาท โดยไม่ได้สืบหาราคาซื้อขายของที่ดิน และหรือสิ่งก่อสร้างใกล้เคียงบริเวณที่จะซื้อครั้งหลังสุดว่าเป็นราคาที่ซื้อขายในท้องตลาดที่แท้จริงหรือไม่ เป็นเหตุให้ อบจ.ตรัง ต้องซื้อที่ดินดังกล่าวสูงถึง 10,000,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงเกินกว่าความเป็นจริงมาก”

นายบัณฑิต กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติว่า การกระทำของนายกิจ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดฐานละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตาม พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 มาตรา 79

“พร้อมส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายกิจ นางปริปัญญา เอียดแก้ว หรือนางสดใส แซ่อั้ง นายมณี แป้นน้อย นายวสันต์ เครือเพชร นายโรม ไชยมล และนายปรีชา เศรษฐวรพันธุ์”

นอกจากนี้ ให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนางปริปัญญา เอียดแก้ว หรือนางสดใส แซ่อั้ง นายมณี แป้นน้อย นายวสันต์ เครือเพชร นายโรม ไชยมล นายเสงี่ยม จันทร์สุวรรณ และนายธีรนันท์ สุทธินันท์ และได้ส่งสำนวนการไต่สวน และเอกสารหลักฐานพร้อมความเห็นไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจกับนายกิจตามฐานความผิดดังกล่าว รวมทั้งแจ้งผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วย

ทั้งนี้ การไต่สวนคดีอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น