xs
xsm
sm
md
lg

1 ปีสงครามยูเครน มะกันถูกแฉผู้ก่อการร้ายตัวจริง แทงข้างหลังเยอรมนีสะเทือนถึงนาโต้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ครบ 1 ปี สงครามรัสเซีย-ยูเครน ตะวันตกผลาญเงินช่วยเซเลนสกีไปแล้วกว่า 4.4 ล้านล้าน “ไบเดน” เยือนเคียฟแบบกล้าๆ กลัวๆ แต่ยังประกาศอยู่เคียงข้างตราบนานเท่านาน ขณะสหรัฐฯ โดนแฉวางแผนระเบิดท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม เปิดหน้ากากผู้ก่อการร้ายตัวจริง ส่งผลสะเทือนหนัก เยอรมนีเหมือนถูกแทงข้างหลัง นักวิเคราะห์ชี้อาจถึงขั้นถอนตัวจากนาโตและสหภาพยุโรป นำไปสู่การล่มสลายของอียู

ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงวันครบรอบ 1 ปี ของการบุกเข้าไปทำสงครามใหญ่ของรัสเซียในประเทศยูเครน ซึ่งเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ในยุโรปมีการประชุมด้านความมั่นคงที่สำคัญ คือการประชุมความมั่นคงมิวนิก ครั้งที่ 59 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ท่ามกลางความกังวล ปัญหาความเสี่ยงต่อสงคราใหญ่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่รัสเซีย และยูเครน จะเริ่มปฏิบัติการเตรียมรบหลังจากครบรอบ 1 ปี ที่รัสเซียบุกยูเครน


หลังจากการประชุมเสร็จเพียงวันเดียว วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้แอบเดินทางไปเยือนโปแลนด์ และยูเครน แบบเซอร์ไพรส์ชาวสหรัฐฯ โดยไบเดน เดินทางไปยังกรุงเคียฟ เป็นครั้งแรกตั้งแต่สงครามปะทุขึ้น เข้าถึงกรุงเคียฟโดยรถไฟ แต่เดินทางไปแบบกล้าๆ กลัวๆ เนื่องจากก่อนเดินทางไปยูเครนนั้น นายไบเดน ให้เจ้าหน้าที่ต่อสายด่วนแจ้งทางรัสเซียก่อนว่าอย่าเพิ่งยิงโจมตี ไม่เช่นนั้น รถไฟรถยนต์คณะผู้นำสหรัฐฯ จากโปแลนด์ เข้าพรมแดนยูเครน ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง อาจจะตกเป็นเป้าหรือลูกหลงได้ ปรากฏว่า นายดมิทรี เมดเวเดฟ ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย ยืนยันความปลอดภัยให้ไบเดน โดยเขาบอกว่า ชายแก่ที่มาจากฝั่งตรงข้ามมหาสมุทรนำคณะไปขายอาวุธในยูเครนที่สามารถทำกำไรให้กับอุตสาหกรรมทางทหารในบรรดาประเทศชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต (NATO) อย่างมหาศาล จนเรียกได้ว่าผลิตกันไม่ทัน


ส่วนข่าว CBS ในอเมริกา ของอเมริกาเอง ก็ระบุว่า ทำเนียบขาวได้แจ้งกับทางรัสเซียก่อนการเดินทาง การไปยูเครนครั้งนี้ของนายโจ ไบเดน เพื่อจุดประสงค์ในการลดความขัดแย้ง

เมื่อผู้นำสหรัฐฯ ไปถึงกรุงเคียฟ มีไซเรนเตือนภัยโจมตีทางอากาศดังไปทั่ว ปรากฏว่า ผู้นำสหรัฐฯ ตรงกันข้ามกับสิ่งที่สำนักข่าว CBS รายงานว่า จุดประสงค์ที่ไปในครั้งนี้เพื่อลดความขัดแย้ง ผู้นำสหรัฐฯ ไปถึงแล้วกลับยืนยันว่าสหรัฐฯ จะยืนเคียงข้างชาวยูเครนเสมอ ไม่ต้องเกรงกลัวอะไรอีก

นายไบเดน ยืนยันว่า อเมริกายืนเคียงข้างยูเครนนานตราบเท่าที่จำเป็น และเตรียมมอบเงินสนับสนุนทางทหารให้อีก 500 ล้านดอลลาร์ หรือ 17,200 ล้านบาท ปัจจุบันนี้ อเมริกา เป็นประเทศผู้นำสนับสนุนด้านอาวุธรายใหญ่ที่สุดของยูเครน


ไบเดน บอกว่า เขาจะประกาศการส่งมอบอุปกรณ์สำคัญเพิ่ม เช่น กระสุนปืนใหญ่ ระบบต่อต้านรถถัง เรดาร์สอดแนมทางอากาศ เพื่อช่วยปกป้องประชาชนชาวยูเครนจากการทิ้งระเบิดทางอากาศ

ผลาญเงิน 4.4 ล้านล้านช่วยยูเครน

เมื่อดูตัวเลขรายงานจากสถาบันคิวเพื่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นองค์กรอิสระในยุโรป ระบุว่า ชาติตะวันตกให้การสนับสนุนยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซียไปแล้วกว่า 120,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 4.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2 ใน 3 ของจีดีพียูเครนที่มีประมาณ 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 6.92 ล้านล้านบาทต่อปี ในจำนวนเงินสนับสนุนเหล่านี้ 3 ใน 4 เป็นการสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งทำให้ยูเครนต้องเป็นหนี้ชาติตะวันตก มีการเซ็นสัญญาให้เป็นหนี้แล้วค่อยส่งอาวุธให้

สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ให้การสนับสนุนยูเครนด้านอาวุธมากที่สุด ให้ไปประมาณ 55,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.9 ล้านล้านบาท รองลงมาคือสหภาพยุโรป ให้อาวุธสนับสนุนไปแล้ว 48,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.66 ล้านบาท


เมื่ออาทิตย์หรือสองอาทิตย์ที่แล้ว มีข่าววิกฤตกระสุนปืนใหญ่หมด ชาติตะวันตกผลิตไม่ทันตามที่ยูเครนใช้ สหรัฐฯ ให้ยูเครนใช้ปืนใหญ่วิถีโค้งที่เขาเรียกว่า Howitzer ลำกล้องประมาณ 155 มิลลิเมตร ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพสูงและมีความแม่นยำมากกว่าปืนใหญ่รัสเซีย แต่ยูเครนได้มาฟรี ยูเครนก็เลยใช้อย่างเต็มที่ ยิงกระสุนวันละ 4,000-7,000 นัด ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้กองกำลังยูเครนใช้อาวุธปืนใหญ่วันละประมาณ 7,000 นัด ขณะที่รัสเซียยิงวันละประมาณ 20,000-70,000 นัด ทำให้อเมริกาต้องขยายกำลังผลิตกระสุนปืนใหญ่ให้ได้ระดับ 70,000 นัดต่อเดือน จึงจะเพียงพอ แต่การขยายกำลังการผลิตกระสุนดังกล่าวต้องใช้เวลาอีก 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่ง ซึ่งจะไม่ทันการณ์สำหรับการรับมือการบุกครั้งใหม่ของรัสเซีย

ขณะที่ฝั่งทางยุโรปนั้น พลเอก เย็นส์ สต็อลเตินบาร์ก (Jens Stoltenberg) เลขาธิการนาโต ก็ออกมายืนยัน ยอมรับว่ายูเครนใช้กระสุนหมดเร็วกว่าที่ชาติพันธมิตรจะสามารถผลิตได้


สต็อลเตินบาร์ก เลขาธิการนาโต บอกว่า สงครามยูเครนมีการใช้กระสุนจำนวนมหาสาล อัตราใช้กระสุนของยูเครนสูงกว่ากำลังการผลิตในปัจจุบันหลายเท่า แล้วทำให้อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของเราตกอยู่ภายใต้ความตึงเครียด เราจำเป็นต้องเพิ่มการผลิต และเพิ่มการลงทุนในกำลังการผลิต แต่ก็ยังคุยโวโอ้อวดว่า นาโตจะยืนหยัดร่วมกับยูเครนจนสุดทาง

ในการประชุมความมั่นคงที่มิวนิก นายโอลัฟ ช็อลทซ์‎ (Olaf Scholz) ซึ่งเป็นแกนนำสำคัญ ก็โวโอ้อวดอีก เยอรมนียอมรับความรับผิดชอบของตนต่อการรักษาความปลอดภัยของยุโรปและเขตพันธมิตรของนาโตโดยไม่มีข้อแม้


แม้ว่าผู้นำเยอรมนีจะต่อว่าชาติยุโรปอื่นที่กดดันให้เยอรมนีต้องส่งรถถังให้ยูเครน และเรียกร้องชาติอื่นๆ จัดหารถถังเลโอพาร์ด (Leopard)ให้กับยูเครน โดยไม่ยอมพูดถึงการแทงข้างหลังของอเมริกาที่อยู่เบื้องหลังเหตุวินาศกรรมระเบิดท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 2 (Nord Stream 2) ที่นายซีมัวร์เฮิร์ช (Seymour Hersh) นักข่าวสืบสวนสอบสวนเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ไพรซ์ระดับตำนานกล้าเปิดโปงและชี้ว่าอเมริกาโง่เง่างี่เง่าที่สุดที่ระเบิดท่อก๊าซซึ่งเป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัสเซียและเยอรมนี

ซีมัวร์ เฮิร์ช พูดว่าการก่อวินาศกรรมลักษณะนี้ดูเหมือนสื่อจะไม่ให้ความสนใจที่จะค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น และสภาคองเกรสก็ไม่มีใครหยิบยกประเด็นสำคัญนี้มาพูด โลกนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่แปลกประหลาดใจ ซีมัวร์ เฮิร์ช กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการสัมภาษณ์สื่อทางเลือกอย่าง Democracy Now เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

เปิดไทม์ไลน์แผนวินาศกรรมท่อก๊าซนอร์ดสตรีม

ซีมัวร์ เฮิร์ช ได้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าเส้นเวลา (ไทม์ไลน์) ได้ชัดเจนว่าแผนการระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีมที่นำโดยสหรัฐฯและพันธมิตรนั้นปรากฏอย่างเด่นชัดยิ่งขึ้นดังต่อไปนี้

ซีมัวร์ เฮิร์ช
ข้อที่หนึ่ง ธันวาคม 2564 ก่อนสงครามยูเครนจะเกิดขึ้น ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ราวๆ สองเดือนก่อนสงครามจะเกิดขึ้น รัฐบาลโจ ไบเดน วางแผนการระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีมก่อนล่วงหน้าแล้ว ได้มีการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษขึ้นมาดูแลภารกิจนี้ ซึ่งคนที่เรียกประชุมลับสุดยอดนี้คือ นายเจก ซัลลิแวน (Jake Sullivan) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติอเมริกา

ข้อที่สอง เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2565 มีการสรุปแผนการปฏิบัติการวินาศกรรมท่อก๊าซนอร์ดสตรีม 1 และ 2

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ก่อนสงครามยูเครนจะเริ่มราวๆ 2 สัปดาห์ นายโจ ไบเดน ออกมาโม้เลย โดยลืมตัวไปว่าตัวเองกำลังเปิดเผยความลับให้คนทราบ โจ ไบเดน บอกว่า ถ้ารัสเซียบุกโจมตียูเครน ก็จะไม่มีนอร์ดสตรีม 2 อีกต่อไป แต่เมื่อผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ถามว่าจะทำอย่างไร ไบเดน ก็ยิ้มแล้วบอกว่า อเมริกาทำได้ก็แล้วกัน


ถ้อยแถลงแบบคำต่อคำของนายไบเดน ระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายโอลัฟ ช็อลทซ์‎ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ระบุว่า "ถ้ารัสเซียบุกยูเครนโดยรถถังหรือกองกำลังทหารรุกล้ำเข้าสู่พรมแดนยูเครนอีกครั้ง ก็จะไม่มีนอร์ดสตรีม 2 อีกต่อไป เราจะยุติการใช้งานท่อส่งก๊าซดังกล่าว" ภาษาอังกฤษเขาบอกว่า We will bring an end to it. ให้มันจบสิ้น

สำนักข่าวรอยเตอร์มีผู้สื่อข่าวผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ Andrea Shalal พูดว่า ผู้นำสหรัฐฯ จะยุติโครงการนอร์ดสตรีมได้อย่างไร ในเมื่อโครงการนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเยอรมนี ไบเดน ตอบว่า We will. I promise you we will be able to do it. แปลเป็นไทย คือ เราจัดการมันได้ ผมให้คำมั่นสัญญาว่าเราสามารถจะทำได้

ต่อมา มีนาคม ถัดไปอีกเดือนหนึ่ง หลังสงครามยูเครนเกิดขึ้น อเมริกาได้มีการแจ้งแผนการและจุดที่วางระเบิดท่อก๊าซให้กับทางการนอร์เวย์ทราบ และมีการฝึกซ้อมทีมปฏิบัติการลับ ที่ศูนย์การฝึก The Naval Dibing and Salvage Training Center ที่เมืองปานามาบีช มลรัฐฟลอริดา พร้อมคัดเลือกเจ้าหน้าที่จะร่วมปฏิบัติการ


ข้อที่ห้า ต่อมา เดือนมิถุนายน 2565 ราวสี่เดือนหลังสงครามยูเครนได้ปะทุขึ้น หน่วยนักรบประดาน้ำกองทัพเรืออเมริกาได้นำระเบิด C4 หลายลูกไปติดตั้งบนท่อก๊าซใต้ทะเล ระหว่างการซ้อมรบ "บัลท็อปส์ 22" (BALTOPS22) ขององค์การนาโต ในทะเลบอลติก ก็คือว่ามีการจัดการซ้อมรบเพื่อเป็นฉากกำลังในการไปวางระเบิด ซึ่งจัดการซ้อมรบในวันที่ 17 มิถุนายน 2565

อีกสามเดือนต่อมา วันที่ 26 กันยายน 2565 ระเบิดได้ถูกจุดชนวนแบบไร้สายผ่านตัวส่งสัญญาณที่ติดอยู่กับทุ่นโซนาร์ที่หย่อนลงไปในทะเลโดยเครื่องบินลาดตระเวน รุ่น P8 ของกองทัพเรือนอร์เวย์


ข้อที่เจ็ด มี 4 ประเทศที่มีรับทราบและมีส่วนร่วมกับปฏิบัติการก่อการร้ายแบบนี้ ประกอบด้วย อเมริกา นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก ที่น่าสนใจคือ พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสมาชิกนาโตทั้งนั้น

เยอรมนีถูกแทงข้างหลัง

การก่อวินาศกรรมท่อก๊าซนอร์ดสตรีมนี้ เป็นเรื่องที่ใหญ่ระดับโลก เพราะนี่คือการก่อการร้าย ที่สำคัญที่สุด เป็นการก่อการร้ายที่พิสูจน์ได้ว่าเกิดจากอเมริกา และที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับชาวยุโรปและเยอรมนี ซึ่งคงรู้สึกแต่ไม่กล้าพูดอะไรที่โดนแทงข้างหลัง เพราะกลายเป็นว่าประเทศในนาโตร่วมกับอเมริกาเป็นคนระเบิดท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 1 และ 2 ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมระหว่างเยอรมนี และรัสเซีย

สังเกตได้กว่า เหตุการณ์หลายเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างเช่นบอลลูนของจีน ที่อเมริกาปั่นให้ผู้คนและสื่อทั่วไปเป็นเวลาหลายสัปดาห์นั้น เขาปั่นเพื่ออะไร รวมทั้งวัตถุที่ไม่ปรากฏสัญชาติที่บินเข้าไปในอเมริกา และแคนาดา ปั่นกันจนกระทั่งคนอเมริกาตื่นตระหนกตกใจกันไปหมด ทั้งหมดนี้ทำเพื่อกลบกระแสรายงานข่าวเจาะเรื่องระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีมชิ้นนี้ของ ซีมัวร์ เฮิร์ช

ผลที่ตามมาของการวินาศกรรมท่อก๊าซนอร์ดสตรีมของอเมริกา ด้วยความร่วมมือกับประเทศยุโรปอีก 3 ชาติ และพันธมิตรนาโต คืออะไร ? ซีมัวร์ เฮิร์ช เขาบอกว่า ผลที่ตามมาทางการเมืองสำหรับเรานั้นมหาศาลมาก และเขาบอกว่า สำหรับยุโรปนั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง และโหมกระพือความคิดที่ว่าพวกเขาสามารถพึ่งพิงอเมริกาได้สิ้นเชิงหรือไม่ แม้แต่ในยามวิกฤต ก็ยังให้อเมริกามาแทงข้างหลังเขา

ซีมัวร์ เฮิร์ช ชี้ว่า พวกเจ้าหน้าที่อเมริกามองมาช้านานแล้วว่า ทางเลือกพลังงานราคาถูกสำหรับยุโรปนั้น เป็นภัยคุกคาม และวอชิงตันต้องการโดดเดี่ยวรัสเซียมาตลอด เพื่อขัดขวางไม่ให้มอสโกขายน้ำมันและก๊าซให้แก่อียู เพราะว่าโจ ไบเดน และรัฐบาลอเมริกา หวั่นเกรงว่ายุโรปจะตีตัวออกห่างจากความขัดแย้งทางยูเครน พวกเขาจึงจำเป็นต้องหาทางกดดันให้พันธมิตรไม่ให้หันเหไปรวมตัวกัน เพื่อจัดการรัสเซีย และนายวลาดิมีร์ ปูติน

ยูเครนไม่มีวันชนะ

สกอตต์ ริตเตอร์
สกอตต์ ริตเตอร์ อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง และเป็นอดีตนาวิกโยธินอเมริกา เคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้ตรวจสอบอาวุธของสหประชาชาติในอิรัก และเป็นหนึ่งในผู้ตรวจสอบการใช้อาวุธเคมีทำร้ายชาวซีเรียของรัฐบาลซีเรีย ซึ่งอเมริกาจัดฉาก ได้วิเคราะห์กับสื่อโดยระบุชัดเจนว่า สงครามยูเครนที่อเมริกาหนุนหลังนั้น ยูเครนไม่มีวันที่จะชนะได้ เพราะยูเครนไม่มีศักยภาพในการต่อสู้ต่อไปอีกยาวๆ กับรัสเซียด้วยกองทัพภาคพื้นดิน แม้ว่ายูเครนจะได้รับการเสริมกำลังเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์และปืนใหญ่จากตะวันตกจำนวนมาก แต่ก็ยังถูกรัสเซียถล่มเสียเละ

สกอตต์ ริตเตอร์ บอกว่า สงครามในยูเครนกำลังกินเวลาและกระสุนจำนวนมหาศาล ทำให้คลังอาวุธของพันธมิตรหมดลง อัตราปัจจุบันของค่าใช้จ่ายด้านกระสุนของยูเครนสูงกว่าอัตราการผลิตปัจจุบันหลายเท่า ทำให้อุตสาหกรรมการป้องกันความมั่นคงของอเมริกาตกอยู่ภายใต้ความตึงเครียด

นยอกจากนี้ นายสกอตต์ ริตเตอร์ ยังออกมาแสดงความสมเพชต่อ พลเอก มาร์ค มิลลีย์ (Mark Milley) ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐฯ นายสกอตต์ ริตเตอร์ บอกว่า พลเอก มาร์ค มิลลีย์ พูดโกหกหน้าด้านๆ ด้วยการโกหกว่าไม่ต้องกังวลเพราะกองทัพยูเครนชนะแล้ว ส่วนรัสเซียนั้นแพ้แล้ว

พลเอก มาร์ค มิลลีย์
สกอตต์ ริตเตอร์ ย้อนอดีตว่า นายพล มาร์ค มิลลีย์ พูดเหมือนกับเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ที่เคยกล่าวโกหกอย่างหน้าด้านๆ ต่อสภาคองเกรสว่า อเมริกาได้รับชัยชนะในอัฟกานิสถานแล้ว แต่ในที่สุดแล้ว อเมริกากลับต้องถอนกำลังหนีหัวซุกหัวซุนเหมือนหมาที่ไร้เจ้าของ เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา

เยอรมีถอนตัวจากนาโต?

ในส่วนของผลกระทบของการระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีม 2 ซึ่งเปรียบได้กับการกระชากหน้ากากอเมริกา ในฐานะอาชญากรสงคราม และผู้ก่อการร้าย นายสกอตต์ ริตเตอร์ ได้วิเคราะห์ผลกระทบจากเหตุจงใจก่อวินาศกรรมระเบิดท่อก๊าซนี้ ว่า เมื่อมองดูอเมริกาแล้ว ต้องถามว่าเรากล้าแทงข้างหลังพันธมิตรได้อย่างไร และผลที่อาจจะตามมา คือ ในที่สุดแล้วจะต้องมีสักวันหนึ่ง เยอรมนีอาจจะไม่ยอมเป็นสมาชิกนาโตอีกต่อไป ในที่สุดคนเยอรมันอาจจะคิดออกว่า คุณจะอยู่ไปทำไมในกลุ่มสมาชิกที่แทงคุณข้างหลัง รวมทั้งสวีเดน และนอร์เวยด้วย ที่แทงข้างหลังเยอรมนี

ฐานทัพอเมริกาในเยอรมนีอาจจะถูกปิดลงเป็นจำนวนมาก การเคลื่อนไหวมากมายจะเกิดขึ้นภายใต้นักการเมืองเยอรมัน ซึ่งก็เริ่มมีแล้ว อาทิตย์ที่แล้วมีคนเยอรมันเกือบ 5-6 แสนคน เดินขบวนขับไล่เยอมนีไม่ให้อยู่ในนาโต แล้วบอกให้หยุดช่วยเหลือยูเครนต่อไป ซึ่งถ้าประชาชนเยอรมันซึ่งเริ่มโกรธแค้นขึ้นมามากแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป


คนในเยอรมนีรู้กันหมด มีแต่นักการเมืองเท่านั้นที่น้ำท่วมปาก พูดไม่ได้ เพราะว่าตัวเองทำตัวเป็นพรมเช็ดเท้าให้กับเท้าของนายโจ ไบเดน และอเมริกา

ข่าวจากวอชิงตันโพสต์ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 รายงานว่า มีกลุ่มผู้ประท้วงสงครามเป็นหมื่นๆ ราย เรียกร้องให้เยอรมนีกลับมาฟื้นสัมพันธ์กับรัสเซีย และดำเนินการซ่อมแซมท่อก๊าซนอร์ดสตรีมด้วย จริงๆ แล้วจำนวนคนเดินขบวนประมาณ 5 แสนคน แต่ว่าสื่ออเมริกาบอกว่าเป็นหมื่นๆ คน วอชิงตันโพสต์


จุดสิ้นสุดสหภาพยุโรป

นอกจากนี้แล้ว นายสกอตต์ ริตเตอร์ ยังมองไปข้างหน้าถึงการสิ้นสุดของสหภาพยุโรป (อียู) จากเหตุวินาศกรรมท่อก๊าซนี้ว่า เยอรมนีไม่เพียงแต่ถูกแทงโดยอเมริกา แต่โดนนอร์เวย์ เดนมาร์ก สวีเดน และโปแลนด์ ร่วมกันแทงข้างหลังด้วย ทุกคนรู้ดีในเรื่องนี้ แต่ในฐานะที่เยอรมนีมีเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดในยุโรป พวกเขาอาจจะกลับไปที่เงินดอยช์มาร์ค (Deutschmark) และนั่นคือจุดจบของยุโรป พูดง่ายๆ ว่า ในที่สุดแล้วเยอรมนีอาจจะตื่นขึ้นมา แล้วรู้สึกว่าตัวเองนั้นโง่มานานแล้ว ถอนตัวจากอียู ไม่ใช้เงินยูโร และใช้เงินดอยช์มาร์คต่อไป เพราะว่าเยอรมนีคือจักรกลที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนอียู ถ้าเยอรมนีถอนตัวออกไป ซึ่งไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้ประชาชนชาวเยอรมันเริ่มมีปฏิกิริยาที่ไม่พอใจการบริหารงานของนายโอลัฟ ช็อลทซ์ ที่ทำตัวเป็นพรมเช็ดเท้าให้กับนาโต และอเมริกา และมิหนำซ้ำ ยังโดนสมาชิกกลุ่มนาโต เช่น สวีเดน เดนมาร์ก ซึ่งกำลังจะขอเข้า และนอร์เวย์ แทงข้างหลังอีกต่างหาก


การก่อวินาศกรรมนี้ ในที่สุดแล้วอาจจะทำให้นายโจ ไบเดน และที่ปรึกษาของเขา เช่น เจก ซัลลิแวน นางวิคตอเรีย นูแลนด์ (Victoria Nuland) ซึ่งเป็นสายเหยี่ยว ในการที่จะล้มรัสเซียให้ได้ และนางวิคตอเรีย นูแลนด์ ในอดีตเป็นคนที่พูดออกสัมภาษณ์สื่อเลยว่า อเมริกาอยู่เบื้องหลังในการปฏิวัติในยูเครน แล้วตั้งคนของอเมริกาขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทนคนเก่าซึ่งโปรรัสเซีย นางนูแลนด์ ยอมรับเลย พูดเลยว่าใช่ การเปลี่ยนแปลงในยูเครนนั้นเพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลัง ให้การสนับสนุนทั้งอาวุธ ให้การสนับสนุนทั้งเงินทอง เพราะฉะนั้นแล้ว นายโจ ไบเดน นายเจก เซอลิแวน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาสภาความมั่นคง นางวิคตอเรีย นูแลนด์ นายวิลเลียม เบิร์นส (William Burns) กับ แอนโทนี บลิงเคน (Antony Blinken) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา อาจจะต้องตกเป็นอาชญากรสงครามที่แท้จริง

 นางวิคตอเรีย นูแลนด์
นอกจากนี้ ปฏิบัติการนี้ยังถือว่าละเมิดรัฐธรรมนูญของอเมริกาด้วย เพราะเจตนาไม่รายงานเรื่องนี้ให้รัฐสภาเลย นี่คือปฏิบัติการลับที่สภาคองเกรสไม่ได้รับแจ้ง

สกอตต์ ริตเตอร์ พูดต่อว่า นี่คือความชั่วร้าย เป็นการบริหารที่ชั่วร้าย เพราะนั่นคือสิ่งที่ชั่วร้าย เมื่อคุณฝ่าฝืน ละเมิดกฎหมาย สร้างความเสียหายให้แก่ผู้อื่น โดยไม่มีใครที่จะรับผิดชอบ โดยปราศจากความชอบธรรม ความถูกต้องทางกฎหมาย และเป้าหมายที่นี้คือการรนำภัยอันตรายมาสู่คนอเมริกา

ที่น่าสนใจก็ตามมาตรา 5 ของนาโต สนธิสัญญานาโตระบุชัดเจน เมื่อสมาชิกนาโตชาติใดชาติหนึ่งถูกโจมตี ก็เหมือนว่าสมาชิกนาโตทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมี 26 ประเทศ ถูกโจมตีด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้ว การระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีม จากความร่วมมือของ 4 ชาติที่นำโดยอเมริกานี้ เยอรมนีไม่เคยคิด ตีให้ตายก็ไม่คิด ตื่นมาก็ไม่เคยคิด หลับฝันก็ไม่เคยคิด แต่ความจริงก็คือว่า เป็นการโจมตีภายในหมู่สมาชิกนาโตเอง แต่นายโอลัฟ ช็อลทซ์ ก็ไม่มีจุดยืน สู้นางอังเกลา แมร์เคิล ไม่ได้เลย

อเมริกาคือภัยคุกคาม และวาระสุดท้ายของนาโต?

สกอตต์ ริตเตอร์ บอกว่า ภัยคุกคามอันดับหนึ่งต่อนาโต คือ อเมริกา เพราะอเมริกาต้องการโจมตีรัสเซีย ต้องการโจมตีเยอรมนีที่ต้องการก๊าซรัสเซียราคาถูก อเมริกาก็เลยแทงเยอรมนีด้านหลัง และนาโตจะไม่ช่วยเรื่องนี้ นี่คือความจริงที่เปิดเผยว่า นาโตนั้น ในที่สุด ข้อเท็จจริงก็คือ เป็นเครื่องมือของอเมริกา สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่านาโตไม่มีเหตุผลที่แท้จริงที่จะดำรงอยู่ต่อไปอีกแล้ว มันไม่มีเหตุผลที่จะมีอยู่ ตั้งแต่สงครามเย็นสิ้นสุดลง นั่นคือคำพูดของ สกอตต์ ริตเตอร์


ประเด็นเรื่องอนาคตนาโตนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในประเด็นร้อนของการประชุมด้านความมั่นคงมิวนิก ครั้งที่ 59 ทั้งประเด็นความสามารถของนาโตที่ธำรงความสาม้คคี หรือสร้างความแตกแยกระหว่างตะวันออก กับตะวันตก รวมทั้งการขยายตัวของนาโตที่จะให้สวีเดน และฟินแลนด์ เข้าร่วมเป็นชาติสมาชิก แต่ไม่มีเรื่องพิจารณาการขอสมัครเข้าร่วมนาโตของยูเครน ซึ่งขอความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมรอบใหม่จากชาติพันธมิตรและอเมริกาอีก

หนังสือพิมพ์เยอรมนี DW วิเคราะห์ว่า ในบรรดาผู้นำโลกอาจไม่เห็นด้วยในหลายประเด็น แต่แน่นอน ส่วนใหญ่จะตกลงกันว่าโลกกำลังก้าวย่างไปสู่ทศวรรษที่สำคัญในการปรับปรุงและเปลี่ยนระเบียบโลกใหม่แล้ว

ณวันนี้ความสัมพันธ์นาโตมีความสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งว่าจะกลายเป็นแก้วร้าวที่กำลังจะแตกละเอียดเพราะสุดท้ายกลายเป็นว่าสหรัฐอเมริกากลับเป็นผู้ที่ประพฤติตัวเป็นภัยคุกคามความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติที่ขัดแย้งไม่ลงตัวนั่นเองโดยประเด็นที่สำคัญคือความกลัวของอเมริกาที่ว่าชาติยุโรปจะละทิ้งสถานะของการเป็นหุ่นเชิดไม่ยอมเป็นเบี้ยให้อเมริกาอีกต่อไปแล้วก็จะเป็นเป้าหมายของอเมริกาที่จะทำให้ยุโรปวุ่นวายและให้ยุโรปแตกสลายเป็นเสี่ยงๆจากการขาดความสามัคคีและทำให้อเมริกาสามารถจะครอบงำยุโรปเรียกว่าสั่งให้หันซ้ายก็หันซ้ายสั่งให้หันขวาก็หันขวา

“ท่านผู้ชมก่อนผมจะจบเรื่องนี้ผมจะมีข้อคิดนิดหนึ่งท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่าในยุคที่พวกม็อบสามนิ้วละเมิดมาตรา 112แล้วถูกดำเนินคดีไม่ว่าจะเป็นคุณธนาธรก็ตามหรือคุณปิยบุตรก็ตามท่านผู้ชมจำได้ไหมมีฝรั่งตาน้ำข้าวหัวสีทองที่อ้างตัวเองว่าเป็นทูตมาจากสถานทูตของอียูเดินทางไปที่โรงพักแต่ละโรงพักแล้วไปกดดันตำรวจ

“ยุคนั้นทั้งพรรคก้าวไกลทั้งธนาธรทั้งพิธาลิ้มเจริญรัตน์ทั้งช่อพรรณิการ์วานิชโน่นนี่นั่นพากันเชียร์นาโตพวกที่เชียร์นาโตพวกคุณรู้หรือยังว่าทูตอียูสวีเดนเดนมาร์กนอร์เวย์มันคือผู้ก่อการร้ายระเบิดท่อส่งก๊าซซึ่งเป็นสมบัติของรัสเซียและของเยอรมนีคุณเห็นหรือเปล่าว่าพวกนี้ดูเหมือนเป็นผู้ดีรักความยุติธรรมรักประชาธิปไตยแต่เนื้อแท้ก็คือผู้ก่อการร้ายนั่นเอง

“วันนี้พิสูจน์กันชัดเจนแล้วคุณจะรักจะชอบรัสเซียจะรักหรือจะชอบยูเครนไม่สำคัญที่สำคัญคือว่าการระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีม 1และ 2เป็นการกระทำของผู้ก่อการร้ายซึ่งพิสูจน์ออกมาแล้วโดยซีมัวร์เฮิร์ชว่าเป็นการกระทำของอเมริกาเดนมาร์กสวีเดนและนอร์เวย์ให้รู้ไว้ด้วยคนที่เทิดทูนยุโรปหรือคนที่อยู่ในยุโรปมีสามีเป็นคนนอร์เวย์บ้างสวีเดนบ้างเดนมาร์กบ้างให้รู้ไว้ด้วยว่าประเทศพวกนี้ล่ะก็คือผู้ก่อการร้ายที่แท้จริงโดยหัวหน้าผู้ก่อการร้ายก็คือสหรัฐอเมริกา”นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น