เยอรมนีและกลุ่มประเทศยุโรปน่าจะรู้ซึ้งถึงแก่ใจคราวนี้แหละว่าธาตุแท้ของเพื่อนอย่างสหรัฐอเมริกานั้นเป็นอย่างไร ถ้าไม่รู้เช่นเห็นชาติกันครั้งนี้จะต้องรอถึงเมื่อไหร่
อันที่จริงจากการคบหากันมาระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรปนั้น เริ่มมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุโรปคงจะรู้แล้วว่า สหรัฐฯ มีพฤติกรรมอย่างไรในความพยายามที่จะเป็นเจ้าโลกแต่ผู้เดียว เป็นหัวโจกฝ่ายประชาธิปไตย ต่อต้านคอมมิวนิสต์
การตั้งองค์การนาโตเพื่อให้กลุ่มประเทศยุโรปก็เพียงให้เป็นบริวารเท่านั้น เพื่อยันกับสหภาพโซเวียต ในยุคสงครามเย็น แข่งขันการสะสมอาวุธนิวเคลียร์
ความเป็นเพื่อนหรือพันธมิตรกับสหรัฐฯ นั้นไม่ใช่อยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาคเพราะสหรัฐฯ ต้องเป็นที่หนึ่งหรือที่เรียกว่า First Among Equals นั่นเอง
อเมริกาอ้างว่าเป็นเจ้าบุญนายคุณเป็นผู้มาปลดปล่อยเยอรมนีและยุโรปจากฮิตเลอร์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังนั้นผู้นำยุโรปจะต้องเดินตามคำสั่งของสหรัฐฯ
ในยุคของประธานาธิบดี ชาร์ล เดอ โกล ฝรั่งเศสได้พยายามไม่ยอมเป็นลูกไล่ของสหรัฐฯ แหกคอกในนโยบายต่างๆ แต่ก็สำเร็จได้ระดับหนึ่งแค่นั้น
การระเบิดท่อก๊าซใต้ทะเลบอลติกเชื่อมรัสเซียกับเยอรมนี ในเดือนกันยายนปีที่ผ่านมามีหลักฐานจากการเปิดโปงของสื่อมวลชนเจาะลึกชาวอเมริกัน นายซีมูร์ เฮิรช์ ผู้มีประสบการณ์หลายสิบปี ทำให้เป็นเรื่องที่คนทั้งโลกรู้ว่าสหรัฐฯ มีพฤติกรรมเยี่ยงใด
มีรายละเอียดจากแหล่งข่าวผู้รู้เรื่องการวางแผนทุกขั้นตอน ตัวประสานงานหลักที่รับคำสั่งจากโจ ไบเดน คือนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ผู้เข้าร่วมมีหลายหน่วยงานเช่น ซีไอเอ กระทรวงการต่างประเทศ กองทัพเรือ
ให้เป็นความลับสุดยอด ถ้าแผนรั่วหรือข่าวแตกหมายถึงสงคราม แต่ โจ ไบเดน สั่งเดินหน้า เป็นผู้กำหนดเวลาว่าจะปฏิบัติการเมื่อใดหลังจากแผนเสร็จสิ้นแล้ว
นี่พิสูจน์ว่าสหรัฐฯ เป็นเพื่อนที่เอาแต่ได้ ไม่คำนึงถึงความเสียหายของพันธมิตร อย่างที่นายเฮนรี คิสซินเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ว่าไว้ เป็นอมตะวจี
“การเป็นศัตรูสหรัฐฯ นั้น เป็นอันตราย แต่ถ้าเป็นมิตรกับสหรัฐฯ ถึงตาย”
ท่อก๊าซนอร์ด สตรีม 1 และ 2 เป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างรัสเซียกับเยอรมนี และนักลงทุนในยุโรป ทำให้ได้รับก๊าซราคาถูกจากรัสเซียเป็นเวลานาน สามารถสร้างฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งให้เยอรมนีและยุโรป ตั้งเป็นกลุ่มจี7 และประชาคมยุโรป
เยอรมนีได้พึ่งพาก๊าซจากรัสเซียมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และโครงก๊าซโครงการนอร์ด สตรีม 2 ใกล้จะเสร็จสิ้นแต่ถูกเยอรมนีระงับหลังจากที่รัสเซียบุกเข้ายูเครน
ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯ ประกาศพร้อมกับยุโรปเพื่อเล่นงานรัสเซียทำให้การส่งก๊าซลดลง ส่งผลให้ราคาพลังงานในยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นำไปสู่อัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพสูงขึ้นในยุโรปและสหรัฐฯ
ก่อนรัสเซียจะบุกยูเครน โครงการท่อก๊าซนอร์ด สตรีม 2 รบกวนสร้างความกังวลให้ผู้นำทำเนียบขาว โจ ไบเดน และทีมงานซึ่งมองว่าทำให้รัสเซียเป็นต่อและถือไพ่เหนือกว่ายุโรปที่จะต้องพึ่งพาก๊าซจากรัสเซียตลอดไป
เยอรมนีต้องหาแหล่งซื้อก๊าซใหม่ ทั้งจากสหรัฐฯ และตะวันออกกลางในราคาแพงกว่า 4 เท่าที่ซื้อจากรัสเซีย ท่อก๊าซมูลค่าหลายหมื่นล้านยูโรเสียหายถาวร
ก่อนสงครามยูเครน โจ ไบเดน แถลงข่าว ประกาศว่าจะต้องหยุดโครงการก๊าซที่ 2 ให้ได้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำอย่างไร โจ ไบเดน ตอบอย่างมั่นใจว่า “เรามีวิธีการที่จะทำให้โครงการนี้ไปต่อไม่ได้ก็แล้วกัน”
จากการเปิดโปงโดยสื่อว่าสหรัฐฯ ส่งทีมนักดำน้ำฝึกมาอย่างดีปฏิบัติการเอาระเบิดซีโฟร์ ไปวางใต้ท่อก๊าซช่วงที่กลุ่มนาโตและสหรัฐฯ ปฏิบัติการซ้อมรบในเดือนมิถุนายนในย่านทะเลบอลติกชื่อ BALTOP 2 ถือว่าเป็นจังหวะเหมาะ
แต่โจ ไบเดน ไม่ต้องการให้ระเบิดทันทีเพราะจะดูไม่สมเหตุสมผลจึงวางแผนร่วมกับพันธมิตรในนาโต เช่น นอร์เวย์และเดนมาร์กรวมทั้งสวีเดนในปฏิบัติการ
มีการตัดสินใจว่าจะใช้ระเบิดแบบรีโมตคอนโทรล โดยทิ้งทุ่นลอยพร้อมกับสัญญาณโซนาร์ไว้เหนือทุ่นก่อนส่งสัญญาณระเบิดในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงความลิงโลดอย่างออกหน้าออกตาแถลงข่าวว่านี่เป็นโอกาสทองของพันมิตรที่จะตัดรายได้ของรัสเซีย และจะเป็นโอกาสของสหรัฐฯ ที่จะขายก๊าซให้ยุโรป
รัสเซียกล่าวหาว่า สหรัฐฯ เป็นตัวการวางระเบิด เป็นการก่อการร้าย แต่สหรัฐฯ ปฏิเสธ แถมยังอ้างว่ารัสเซียนั่นแหละเป็นผู้ระเบิดเสียเอง มีคนเถียงแทนรัสเซียว่าไม่จำเป็นที่รัสเซียต้องระเบิด เพียงปิดท่อก๊าซก็ได้แล้ว ถ้าจะไม่ขายให้ยุโรป
ประเทศนอร์เวย์ สวีเดน และเยอรมนี ต่างสอบสวนการระเบิดแต่ไม่ยอมเปิดเผยผลให้รัสเซียได้รับรู้ คงเป็นเพราะรู้ว่าสหรัฐฯ เป็นตัวการนั่นเอง
เยอรมนีซึ่งขาดก๊าซต้องเผชิญกับการขาดแคลนอย่างหนักร่วมกับประเทศอื่น แต่จำเป็นต้องกล้ำกลืนฝืนทนจ่ายก๊าซราคาแพงจากแหล่งอื่นและตุนไว้สำหรับฤดูหนาว นอร์เวย์ที่เข้าร่วมก็ได้ประโยชน์ เพราะจะได้ขายก๊าซให้ยุโรปแทนรัสเซีย
เศรษฐกิจในยุโรปต้องถดถอย คนยุโรปลำบากกับค่าครองชีพที่แพงขึ้นเพราะค่าไฟฟ้าและค่าก๊าซสูงขึ้น กิจการต่างๆ ในยุโรปและอังกฤษต้องปิดตัวลง
นายซีมูร์ เฮิร์ช ได้สอบถามทั้งซีไอเอ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานอื่นๆ แต่ปฏิเสธอ้างว่าเป็นนิยาย เป็นเรื่องโคมลอย ไม่มีมูลความจริง
จะให้ยอมรับได้อย่างไร แม้มีหลักฐานชี้ชัด รัสเซียจึงขอให้สอบสวนเชิงสากล