ชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบรท์ ราษฎร แกนนำม็อบสามนิ้ว ยุติเคลื่อนไหว หลังถูกกล่าวหาคุกคามทางเพศนักเคลื่อนไหวหญิงรายหนึ่งระหว่างเดินทางจากนครสวรรค์ค้างคืนที่ชัยภูมิเพื่อไปปราศรัยที่หนองคาย ด้านฝ่ายหญิงสุดทนเล่าเป็นฉากๆ ฝ่ายชายขอนอนด้วย อ้างไม่สนิทกับคนขับรถ ก่อนใช้มือลูบไล้ที่ต้นขายันของสงวนจนรู้สึกได้ ลั่นจากที่จะเงียบเตรียมดำเนินคดี
วันนี้ (23 ต.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบรท์ ราษฎร แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มราษฎรนนทบุรี ได้ออกมาโพสต์ข้อความชี้แจง กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าคุกคามทางเพศนักเคลื่อนไหวหญิงรายหนึ่ง (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ระบุว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ในช่วงเที่ยง ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตนได้นัดกับพี่คนหนึ่งไว้เพื่อไปปราศรัยในกิจกรรรม "คนหนองคายขับรถไล่ไอ้ตู่" ที่ลานพญานาค หน้าวัดลำดวน เขตเทศบาลเมืองหนองคาย จ.หนองคาย และอีกหลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปรากฏว่าพี่คนนั้นไม่ไป ระหว่างนั้นได้ยินนักข่าวคนหนึ่งกล่าวว่า "พี่มีรถ ถ้าน้องมีค่าน้ำมัน พี่พร้อมที่จะขับไปให้" ด้วยความอยากเดินทางไป จึงตัดสินใจไปกับนักข่าวคนนั้น
ปรากฏว่านักเคลื่อนไหวหญิงคนดังกล่าวซึ่งสนิทกันได้ขอไปด้วย โดยให้ไปรับที่ จ.นครสวรรค์ นายชินวัตรจึงให้นักเคลื่อนไหวหญิงคนดังกล่าวเตรียมเสื้อผ้าให้พร้อม ก่อนเดินทางจาก อ.ปากช่อง เพื่อไปรับที่ จ.นครสวรรค์ เมื่อวิดีโอคอลหานักเคลื่อนไหวรายหนึ่งที่ชอบไปสังเกตการณ์แถวแยกดินแดง ได้แซวมาว่า "ไอ้ไบร์ท มึงไปกับตำรวจแล้วนะ" เมื่อถามว่าจริงหรือไม่กลับไม่ได้รับคำตอบ หลังจากนั้นเมื่อถึง จ.ชัยภูมิ เวลาเที่ยงคืน ได้พักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง มีห้องอยู่ 2 ห้อง ยอมรับว่าพลาดที่ไม่เลือกนอนกับคนขับรถเพราะเกรงว่าจะเป็นตำรวจจริงๆ จึงได้เลือกนอนกับนักเคลื่อนไหวหญิงรายนั้น
"ความผิดพลาดของผมในระหว่างที่นอนผมก็ได้หลับด้วยความเพลียเพราะเดินทางมาทั้งวัน เราก็ไม่รู้ว่าร่างกายของเราในขณะนอนที่ไม่รู้สึกตัวได้ตวัดไปโดนเขาบ้างหรือไม่ จู่ๆ ในเวลาประมาณเกือบ 03.00 น. น้องเขาก็ได้ลุกขึ้นมา ผมก็สะดุ้งตื่นเพราะโทรศัพท์ของผมที่ชาร์จอยู่ตรงน้องเขานั้นก็ได้หล่นลง ผมก็ได้ถามน้องว่าเป็นอะไร น้องแจ้งผมว่าเขาต้องทำรายงานประชุมเรื่องงานกับเพื่อนๆ ที่อยู่นครสวรรค์ ผมก็เห็นน้องหายไปสักพักหนึ่ง ผมจึงส่งข้อความไปถามว่า น้องเป็นอะไรไหม ถ้าไม่สบายใจอะไรบอกพี่ได้ แต่น้องก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็นอะไร จากนั้นก็เข้ามานอนด้วยกัน" นายชินวัตรกล่าว
นายชินวัตรกล่าวต่อว่า ตอนเช้าตื่นมาก็ได้เดินทางต่อไป ได้รับประทานอาหารด้วยกันปกติทุกอย่าง พอไปถึงจุดที่ปราศรัย นักเคลื่อนไหวหญิงก็ปราศรัยปกติ หลังจากการปราศรัยก็แจ้งว่า "พี่ไบรท์น้องจะเดินทางกลับก่อนนะ เพราะแม่มุกเรียกให้ไปเตรียมงานที่กรุงเทพฯ" ตนก็ถามว่าจะไปยังไง มีค่ารถไหม ถ้าไม่มีจะออกให้ นักเคลื่อนไหวหญิงก็บอกว่า "หนูมี" จึงให้นักเคลื่อนไหวหญิงกลับไป ระหว่างนั้นยังเป็นห่วงตลอดว่าถึงไหนแล้ว หลังจากกลับมาก็ไม่มีการโทร.มาสอบถามอะไรทั้งสิ้น จนกลับมาถึงบ้านได้ประมาณ 2 วันก็มีโพสต์ดังกล่าวเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่นักเคลื่อนไหวหญิงควรสอบถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่
"หลังจากมีการโพสต์ของน้อง ทำให้ผมต้องถูกคุกคามหลายอย่าง ไม่ว่าการพยายามเข้ามาแท็กแล้วด่าทอผม มีการขู่คุกคามจะทำร้ายผม และมีการคุกคามถึงครอบครัวของผม สิ่งนี้ผมมองว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับผมเลย และในระหว่างที่มีการโพสต์ผมก็ไม่ได้อยู่นิ่ง ได้มีการพูดคุยใครก็แล้วแต่ที่เข้ามาสอบถามผม ผมก็พูดตามความเป็นจริง อะไรที่ผมผิดผมยอมรับผิด อะไรที่ผมไม่ผิดจะให้ผมยอมรับผิดมันคงเป็นไปไม่ได้ และผู้ใหญ่ก็มาพูดคุยกับผม เป็นอาจารย์ท่านหนึ่ง และพี่คนหนึ่งที่อยู่นนทบุรี ได้อาสาเพื่อจะเจรจาพูดคุยทำความเข้าใจ และได้นัดน้องในวันที่ 23 ต.ค. เพื่อที่จะคุยกัน ทำความเข้าใจกัน และต้องการที่จะสอบถามว่าน้องต้องการสิ่งใดที่อยากจะให้ผมทำ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมพูดตามความเป็นจริง และในเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบนี้ ผมมีส่วนผิดพลาดเต็มๆ เพื่อเป็นการที่ไม่ให้รูปขบวนส่วนใหญ่เสียหาย ผมขอรับผิดชอบความผิดพลาดนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมขอยุติการเคลื่อนไหวทุกกิจกรรม ส่วนเวลาที่เหลือ ผมขอให้เป็นการชดใช้และเดินหน้าต่อสู้คดีที่ผมมีเป็นจำนวนมากต่อไป" นายชินวัตรกล่าว
ต่อมานายชินวัตรได้ลบโพสต์ดังกล่าวออก แล้วโพสต์ข้อความระบุว่า "ผมขอชี้แจงดังตามนี้ ตอนนี้ตอบโต้กันไปมามันไม่ใช่ผลดีของทั้งสองฝ่าย ผมขอยุติการโพสต์ใดๆ ที่เป็นการชี้แจงหรือโต้แย้ง ผมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว วันนี้ผมขอให้การพูดคุยกันเป็นเรื่องที่ดีครับ ขอบคุณทุกคน ขอโทษน้องจากใจจริง ไม่มีเจตนาใดแอบแฝงครับ" ก่อนที่จะแชร์คลิปเพลง "ผิดพลาดไป" ของวง TeeCNX และกล่าวว่า "ผมขอกราบขอโทษทุกคนที่ผมทำอะไรก็แล้วแต่ผิดพลาดไป ผมขออภัยจริงๆ ครับ"
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 ต.ค. นักเคลื่อนไหวหญิงรายหนึ่งโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ตนได้เดินทางไปปราศรัยในจังหวัดหนึ่ง โดยมีการถูกชักชวนจากนักกิจกรรมซ้ายชาย แต่ในขณะที่เดินทางไป ได้มีการนอนร่วมห้องกับนักกิจกรรมซ้ายชายที่ร่วมเดินทางด้วย อ้างว่า "ไม่สนิทกับพี่อีกคน" แล้วก็บอกจะนอนสองเตียง แต่พอเข้าพักจริงมีแค่เตียงเดียว แต่ตนไม่ได้ไว้ใจ มีการคาสายกับคนในทีมไว้ก่อนจะหลับ ประมาณ 03.00 น. รู้สึกเหมือนมีคนมาลูบช่วงขาอ่อนช่วงบน เลยลืมตาขึ้นมาดูแล้วก็ตกใจ เพราะนักกิจกรรมซ้ายชายที่นอนด้วยกำลังกึ่งนอนกึ่งนั่งลูบตัวอยู่
ตนไม่รู้จะทำยังไงเนื่องจากอาการตกใจในตอนนั้น จึงรีบ โทร.หาเพื่อน เครียดมาก ร้องไห้ เพราะไม่รู้จะทำยังไง แล้วเป็นผู้หญิงคนเดียว คิดว่าพูดไปอาจจะได้รับอันตรายกว่าเดิม เพื่อนให้คำปรึกษาว่าให้ดูเลขห้อง ให้คาสายไว้ พยายามมีสติ ติดต่อผู้ใหญ่ที่วางใจ เนื่องจากช่วงเช้าจะต้องมีการเดินทางร่วมกัน หลังจากทำกิจกรรมเสร็จ ทางผู้ใหญ่ที่ดูแลก็ประสานงานให้ตนเดินทางกลับแล้วไม่ไปร่วมกิจกรรมในอีกวันหนึ่ง เพราะสภาพจิตใจตอนนั้นไม่โอเคแล้ว หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ตนทบทวนและขอความคิดเห็นจากผู้ใหญ่หลายคน ว่าจะพูดเรื่องดังกล่าวดีไหม เพราะคิดว่าถ้าตนพูด เสียงของตนอาจไม่มีน้ำหนักพอ แล้วค่อนข้างกลัว แต่คิดว่าที่ออกมาเรียกร้องเรื่องนี้ ในวันที่ตนตกเป็นเหยื่อการโดนคุกคามทางเพศ ถ้าแม้แต่ตัวเองยังปกป้องตัวเองไม่ได้ จะไม่สามารถออกมาเรืยกร้องเรื่องนี้เพื่อใครได้อย่างเต็มปากเลย
วันนี้ถ้าตนไม่พูด ก็กลัวว่าจะต้องมีคนที่ตกเป็นเหยื่อการโดนคุกคามแบบนี้อีก ตนไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใคร และอยากตักเตือนนักกิจกรรมซ้ายชายว่า การกระทำของเขาไม่ใช่เรื่องที่ดี อาจสร้างบาดแผลความกลัวของคนที่เขาคุกคามในระยะยาวได้เลย และการที่เขาก็เป็นส่วนหนึ่ง เป็นต้นแบบในการออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย เขาควรจะเคารพสิทธิของผู้อื่น อย่ามาคุกคามคนอื่นแบบนี้ เรื่องนี้สะเทือนใจตนพอสมควร ทำให้รู้ว่าควรระวังตัวมากขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไร ตนไม่สมควรเป็นเหยื่อของการโดนคุกคามทางเพศ ไม่ควรมีใครโดนกระทำแบบนี้ ขอเตือนนักกิจกรรมซ้ายชายด้วยว่า อย่าทำกับใครอีก ไม่อย่างนั้นตนจะระบุชื่อให้ทุกคนรู้ไปเลย
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นายชินวัตรชี้แจงเรื่องดังกล่าว นักเคลื่อนไหวหญิงคนดังกล่าวได้ชี้แจงว่า ทราบว่าฝ่ายชายได้ออกมาขอโทษ โดยบอกว่ายอมรับคำตัดสินของตน ซึ่งตนทบทวนคำพูดที่อีกฝ่ายโพสต์ คือการจะบอกว่าฝ่ายชายไม่ได้ทำ แต่เป็นเพราะตนตัดสินไปเองแบบนั้นใช่ไหม ขณะเดียวกัน ตนไม่ได้เป็นคนที่จะให้ฝ่ายชายมารับ แต่ฝ่ายชายเป็นคนโทร.มาชวน แต่ตนก็รู้สึกอยากไปหนองคายเพราะกิจกรรมดี แต่ด้วยความลำบากของระยะทาง และไม่มีบัตรประชาชนที่ตัว ซึ่งตนแจ้งว่าที่จังหวัดนครสวรรค์ไม่มีสนามบิน ตนไม่สะดวก แต่เป็นฝ่ายชายที่จะขับรถมารับที่นครสวรรค์เพื่อไปหนองคาย ตนไปเพราะต้องการไปร่วมกิจกรรม แล้วเหตุผลที่อ้างว่าด้วยงบจำกัดเรื่องเช่าห้อง แต่กลับมีงบที่จะให้ขึ้นเครื่องบินไปอุดรธานีในทีแรก แต่ฝ่ายชายไม่มีงบเปิดห้อง อันนี้ตนไม่เข้าใจมากๆ
ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า ฝ่ายชายบอกว่าตนกลัว เลยขอไปนอนที่ห้องของตนนั้นไม่ใช่ แต่ฝ่ายชายเป็นคนมาขอนอนกับตน โดยอ้างว่าไม่สนิทใจที่จะนอนกับอีกฝ่ายที่มาด้วย ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ตนไม่ได้วางแผนหรือมีเจตนาไม่ดีกับฝ่ายชายตามที่ฝ่ายชายไปบอกกับคนอื่น ตนไม่รู้ว่าการที่ออกมาพูดความจริงเป็นการส่อเจตนาร้ายกับฝ่ายชายอย่างไร ตนไม่ได้พูดชื่อใคร แต่เป็นฝ่ายชายที่แสดงตัวทักคนอื่นเพื่อไปแก้ตัว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การนอนดิ้นมาโดนขาแน่นอน เพราะตนลืมตาดูแล้วตกใจ ซึ่งตอนนั้นฝ่ายชายน่าจะรู้สึกตัวดี เพราะหันมาตกใจที่ตนตื่น แล้วฝ่ายชายไม่ได้ลูบแค่ขาด้านบน แต่ลูบโดนอวัยวะเพศหญิงจนรู้สึกได้ ทั้งที่มีผ้าห่มกั้นอยู่ แต่ทีแรกตนเลือกที่จะไม่ลงรายละเอียดเพราะรู้สึกอายตัวเอง แต่ตอนนี้ตนอยากพูด
"คุณบอกว่าขบวนจะเสีย ถ้าคนออกมาพูดหรือเราไม่จบ เราเห็นต่าง เพราะการออกมาพูดเรื่องที่ซุกใต้พรมไม่มาจบกันแค่สองคน นั่นแปลว่าขบวนเรายิ่งแข็งแกร่ง เพราะเราและคนในขบวนไม่ช่วยกันปิดในสิ่งที่เป็นข้อผิดพลาดของคนในขบวน ถ้าคุณมองว่าการปิดเรื่องนี้ทำให้ขบวนแข็งแกร่ง เรามองว่าความคิดคุณไม่โอเค ... ในส่วนของคนที่เข้ามาว่าเรา หลังจากที่อีกฝ่ายโพสต์เชิงขอโทษ ว่าเราเป็นสลิ่มที่มาทำลายขบวนใช่ไหม ความคิดของคุณแย่มาก เราไม่ทราบว่าคุณมีความคิดเห็นอย่างไร จะเชื่อเรา หรืออีกฝ่าย เพราะมันคือความคิดคุณ แต่คุณอย่ามาตัดสินเรา จากการที่เราเอาเรื่องที่เราคิดว่าเราพูดตามความจริงที่เราเจอออกมาพูด ขอบคุณที่การกระทำของคุณทำให้เราอยากออกมาชี้แจง จากที่้เราอยากที่จะเงียบ แล้วรอให้ทางผู้ใหญ่จัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้กำลังพิจารณาเรื่องของคุณเพื่อดำเนินคดี ขอบคุณค่ะ" นักเคลื่อนไหวหญิง ระบุ
ขณะที่นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท แนวร่วมกลุ่มราษฎร กล่าวว่า "ความรุนแรงและการคุกคามทางเพศ ผมยอมรับไม่ได้จริงๆ และไม่สามารถจะนิ่งเฉยได้ จึงต้องขอพูดถึงเหตุการณ์ที่มีน้องนักกิจกรรม ของพวกเราถูกคุกคามทางเพศจากคนใกล้ตัวที่เขาไว้ใจ ผมยอมรับไม่ได้ที่ใครก็ตามจะแม้แต่ตั้งคำถามว่า ทำไมน้องถึงยอมนอนร่วมห้องเดียวกับผู้ชายที่ได้กระทำการคุกคามน้อง หรือตั้งคำถามว่าที่ผู้คุกคาม แก้ตัวอยู่นั้นเป็นความจริงหรือไม่ เมื่อไหร่เราถึงจะเข้าใจว่า นี่เป็นเรื่องที่ยอมรับให้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องรอให้เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวคุณเองก่อนหรือยังไงถึงจะเข้าใจ คุณไม่สามารถเข้าใจสภาพจิตใจของเหยื่อที่ถูกคุกคามได้หรอก แต่ผมจะขอให้พยายาม
สุดท้ายนี้ ขอเป็นกำลังใจให้น้อง ขอให้รู้ว่าเราอยู่เคียงข้างเสมอ และขอบคุณที่ยังทุ่มเทกำลังให้กับงานกิจกรรม ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ไม่ได้ออกมาพูดเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรกที่เรื่องนี้เกิดขึ้น จนกระทั่งเห็นโพสต์ของพี่วาดดาว ซึ่งพูดเอาไว้ดีมากกว่าที่ผมจะสามารถพูดได้เอง และขอแสดงจุดยืนเดียวกันว่า จนกว่าผู้คุกคามนั้นจะได้ไถ่โทษและรับผิดอย่างจริงใจ กับเขา ผมจะไม่ขอร่วมกิจกรรมด้วยไม่ว่าเวทีเล็กหรือใหญ่ เป็นการตัดสินใจที่จำเป็น"