อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสแด็สแต็งเคยแอบลูบคลำขาอ่อนของเธอ ตอนนั่งเก้าอี้ข้างกันที่โต๊ะจัดเลี้ยงอาหารค่ำในสถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศเดนมาร์ก เมื่อปี 2002 อดีตนายกรัฐมนตรีเดนมาร์กคนสวย (2011-2015) นามว่า เฮลเลอร์ ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์ เล่าถึงเรื่องนี้ในระหว่างให้สัมภาษณ์แก่รายการ 21 Søndag ซึ่งออกอากาศทางช่อง DRTV ของเดนมาร์ก เมื่อ 3 ตุลาคม 2021 เอเอฟพีรายงานโดยใช้คำว่า คลำ/แต๊ะอั๋ง และเว็บไซต์ข่าว CPH Post ของเดนมาร์กรายงานด้วยคำว่าลูบไล้
ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์ ณ วัย 54 ปี เล่าไว้ในเชิงแชร์ประสบการณ์การถูกลวนลามที่โดนมากับตนเองในช่วงที่เธอมีบทบาททางการเมืองแต่ยังมิได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งกระแส Me-Too ยังไม่เกิดขึ้น โดยในปัจจุบันนี้ที่เธอนำประเด็นสิทธิสตรี กับกระแส #MeToo มาเขียนเป็นหนังสือชื่อ Blondinens Betragtninger หรือ ข้อพิจารณาจากสาวผมบลอนด์ ซึ่งเริ่มวางแผงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (4 ตุลาคม) เธอได้นำเกร็ดชีวิตที่เกิดขึ้นจากอดีตประธานาธิบดีวาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง แห่งฝรั่งเศส มาใส่ไว้ในตอนหนึ่งของหนังสือเล่มดังกล่าว
ในปีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นนี้ อดีตประธานาธิบดีแด็สแต็งอยู่ในวัยใกล้จะ 80 ปี แต่ยังมีบทบาทแข็งขันทางการเมือง ด้วยตำแหน่งประธาน European Convention on Human Rights หรือ อนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นนายกฯ หญิงคนแรกของเดนมาร์ก เล่าไว้ในหนังสือ Blondinens Betragtninger ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งหนึ่งในสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำกรุงโคเปนเฮเกน โดยทอร์นนิ่ง-ชมิดท์อยู่ที่นั่นเพราะเธอมีภาระหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานอนุสัญญายุโรปฯ เธอนั่งอยู่ก่อนแล้วที่โต๊ะอาหาร และอดีตประธานาธิบดีแด็สแต็งตามไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับเธอ และลูบคลำขาอ่อนของเธอโดยปราศจากผู้ใดรู้เห็นเพราะมีโต๊ะบังอยู่
“มันบ้าบออย่างที่สุดค่ะ ดิฉันถามตนเองว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วดิฉันก็ลุกขึ้นย้ายที่นั่ง เรื่องจบลงเพียงเท่านั้น” ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์เขียนเล่าไว้อย่างนั้นในหนังสือเล่มใหม่ของเธอ
“สำหรับปัจจุบัน เรื่องอย่างนี้ถูกมองเป็นการคุกคามทางเพศ ซึ่งมันไม่ถึงขนาดนั้นสำหรับเมื่อยุคสมัยนั้น ยุคสมัยมันต่างกันน่ะค่ะ แต่ดิฉันมองว่ามันไม่เหมาะสม และรู้สึกโกรธมาก” เธอกล่าวในตอนที่ให้สัมภาษณ์แก่สำนักข่าวแดนิช ริตเซา
ปัจจุบันนี้ อดีตประธานาธิบดีแด็สแต็งถึงแก่อสัญกรรมแล้วในเดือนธันวาคม 2020 ณ วัย 94 ปี
แต่ในช่วงก่อนหน้านั้น สตรีจำนวนมากมายเคยกล่าวหาเขาว่ากระทำพฤติกรรมอันไม่เหมาะสม ซึ่งก็ถูกปฏิเสธอย่างดุเดือดจากนักกฎหมาย
“ดิฉันเอ่ยนามของอดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสวาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง เพราะดิฉันคิดว่าเขารับเรื่องนี้ได้” อดีตนายกฯ เดนมาร์ก กล่าวไว้ตอนหนึ่งในคลิปสัมภาษณ์รายการ 21 Søndag ที่ออกอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกล่าวด้วยว่า
“ดิฉันแน่ใจมากค่ะว่านี่เป็นอะไรที่เขาเคยทำมาก่อน และเขาจากไปแล้ว ดังนั้น เขาไม่ได้อยู่กับพวกเราแล้ว”
เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน
ในโอกาสที่ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์ อดีตนายกฯ คนที่ 26 ของเดนมาร์ก เร่งประชาสัมพันธ์หนังสือเล่มใหม่ Blondinens Betragtninger นี้ เธอมาให้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ช่อง DRTV แบบหนึ่งวันก่อนหน้าวันเปิดตัวหนังสือ โดยบอกว่าที่ผ่านมาซึ่งแด็สแต็งยังมีชีวิตอยู่นั้น เธอไม่อยากนำเรื่องนี้มาเล่าออกอากาศ เพราะไม่ต้องการให้เกิดภาพเสมือนกับเหยื่อที่เล่าเรื่องราวความอ่อนแอบอบช้ำ
กระนั้นก็ตาม ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์รู้สึกว่าขบวนการ #MeToo แผ่วลงไปมาก และจึงหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะนำความจริงไปยังบรรดาผู้หญิงว่า ทุกคนล้วนอยู่ในข่ายที่ต้องพบพานกับการกระทำอันไม่เหมาะสม ไม่ว่าพวกเธอจะมีความเปราะบางเพียงใด หรืออยู่ในฐานะตำแหน่งใดๆ
“ไม่มีผู้หญิง ‘แบบใดเป็นพิเศษ’ ที่ต้องประสบกับเรื่องอย่างนี้ – เราทุกคนล้วนแต่จะต้องเจอ” เธอกล่าวอย่างนั้น
“ตอนนี้ล่ะค่ะเป็นเวลาอันเหมาะสมที่จะพูดออกมาให้ชัดเจน และดิฉันต้องการจะเน้นย้ำไปยังผู้หญิงจำนวนมหาศาลในสารพันแวดวง ผู้ซึ่งเคยมีประสบการณ์เลวร้ายมากแล้ว”
โกรธมาก แต่ก้าวข้ามโดยไว ไม่เป็นอะไรที่จะต้องไปเสียพลังงานด้วยมากมาย
ผู้หญิงแกร่งที่ได้บริหารประเทศกว่า 5 ปีบอกว่า เธอไม่มีบาดแผลฝังใจหรือความทุกข์ตรมใดๆ จากเหตุการณ์ที่ถูกลวนลามหยามเกียรติครั้งนั้น
“ดิฉันก้าวข้ามมันไปเลยค่ะ ... ในวันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้นเลยค่ะ ... ดังนั้น มันไม่ได้เป็นอะไรที่ดิฉันจะไปเสียพลังงานด้วยมากมาย” ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์ สตรีนักบริหารผู้แจ่มใส กล่าวอย่างนั้น
เธอเสริมอย่างหนักแน่นด้วยว่า เธอไม่เคยพบผู้หญิงคนไหนแม้เพียงรายเดียว ที่ไม่เคยประสบกับการกระทำอันไม่เหมาะสม
“ดิฉันหวังว่าเราจะถกแถลงกันในเรื่องนี้ ไม่ให้มันถูกลืม ดิฉันออกจะกังวลอยู่บ้างว่ามันจะจางหายไป” กล่าวโดยสตรีแกร่ง ผู้ซึ่งก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมตรีของดินแดนไวกิ้งด้วยอายุเพียง 45 กะรัต
แด็สแต็ง ณ วัย 94 ถูกสอบสวนกรณี ‘เฒ่าหัวงู’ ลูบแก้มบั้นท้ายนักข่าวสาวเยอรมัน 3 หน
ในเดือนพฤษภาคม 2020 แด็สแต็งตกเป็นข่าวอื้อฉาว ถูกทางการฝรั่งเศสสอบสวนกรณีข้อกล่าวหาว่า ได้คุกคามทางเพศต่อนักข่าวสาวเยอรมันวัย 37 ปี นาม แอนน์-แคทริน สทรักเค่ ด้วยการจับแก้มบั้นท้ายเธอถึง 3 ครั้ง
สทรักเค่ได้บอกเอเอฟพีว่า ในเดือนธันวาคม ปี 2018 สถานีโทรทัศน์ WDR ของเยอรมนีส่งเธอและทีมข่าวไปสัมภาษณ์อดีตประธานาธิบดีแด็สแต็งที่กรุงปารีส และเรื่องราวที่เธอเรียกว่าเป็นความต่ำตมของมนุษย์ เกิดขึ้นหลังจากที่การพูดคุยทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้วและเป็นช่วงการถ่ายภาพที่ระลึก
แด็สแต็งจับเอวซ้ายของเธอ แล้วเลื่อนมือไปตามบั้นท้าย และจับก้นเธอ เธอพยายามดันมือเขาออก แต่ไม่สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม การคุกคามทางเพศครั้งที่ 1 หยุดลงโดยแด็สแต็งชวนให้คณะนักข่าวไปชมภาพบนผนังห้องทำงาน
แล้วอดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็จับแก้มก้นของสทรักเค่อีกครั้ง เธอขยับตัวหลบ เขาตามไปจับเป็นคำรบสาม เธอพบว่ามือชายชราอายุเก้าสิบกว่าปีนั้น แข็งแรงเกินกว่าที่เธอจะดันออกจากก้นกอยของเธอได้
“ฉันพยายามจะดันมือเขาออกไป แต่ไม่สำเร็จค่ะ และยังนึกประหลาดใจว่าอะไรจะแข็งแรงขนาดนั้น” สทรักเค่บอกเอเอฟพีอย่างนั้น
สทรักเค่พ้นจากวิกฤตนั้นได้ เพราะช่างภาพออกโรงมาช่วยขัดจังหวะ โดยแกล้งชนโป๊ะไฟล้ม เหตุการณ์คุกคามทางเพศครั้งที่สามจึงยุติลง
เมื่อกลับเข้าสำนักงาน สทรักเค่คิดทบทวนสองสามวันจึงรายงานเรื่องให้ผู้อำนวยการฝ่ายรับทราบ สถานีโทรทัศน์ต้นสังกัดจึงจ้างบริษัทกฎหมายมาสัมภาษณ์เธอและช่างภาพ เวลาผ่านไปสามเดือนกว่า และได้ข้อสรุปในช่วงเมษายน 2019 ว่าข้อมูลจากทั้งสองนั้นเชื่อถือได้ สถานีโทรทัศน์จึงมีนโยบายที่จะให้การสนับสนุน หากสทรักเค่ตัดสินใจเดินเรื่องร้องเรียน
สทรักเค่ขบคิดอยู่ระยะหนึ่ง และด้วยคำนึงถึงสถานการณ์ภาพรวมของขบวนการ #MeToo ที่สตรีมากมายออกมาปกป้องผู้หญิงทั้งมวลจากความกลัวหรือความอับอายที่จะเปิดความจริง สทรักเค่จึงตัดสินใจยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังทางการฝรั่งเศสในเดือนมีนาคม 2020
เธอบอกเอเอฟพีว่าขบวนการ #MeToo ทำให้เข้าใจถึงความสำคัญที่จะต้องพูดเปิดเผยออกมาให้ผู้คนทราบถึงเรื่องราวการล่วงละเมิดทางเพศ เพื่อให้กระแสนี้ช่วยยับยั้งปัญหา
แน่นอนว่าอดีตประธานาธิบดีแด็สแต็งจะปฏิเสธข้อกล่าวหา
และแล้วในวันที่ 2 ธันวาคม 2020 แด็สแต็งถึงแก่อสัญกรรมด้วยปัญหาปอดติดเชื้อ อันเป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโควิด และโลกได้พร้อมใจกันไม่เอ่ยถึงเรื่องคุกคามทางเพศอันอื้อฉาวที่แด็สแต็งถูกกล่าวหาว่ากระทำต่อสตรีจำนวนมาก
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เอเอฟพี CPH Post วิกิพีเดีย คอมมอนวิกิพีเดีย christianpost.com เว็บไซต์ www1.wdr.de)