xs
xsm
sm
md
lg

อดีตนายกฯ เดนมาร์กเผยเคยถูกอดีต ปธน. ฝรั่งเศส แอบคลำขาอ่อน เล่าไว้ในหนังสือใหม่ หวั่นกระแส #MeToo จางหาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เฮลเลอร์ ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์ อดีตนายกรัฐมนตรีเดนมาร์กคนสวย (2011-2015) เล่าว่าอดีตประธานาธิบดีวาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง แห่งฝรั่งเศส เคยคุกคามทางเพศต่อเธอด้วยการแอบลูบคลำขาอ่อนของเธอ เมื่อปี 2002  ที่ผ่านมาแด็สแต็งถูกสตรีจำนวนมากกล่าวหาด้วยเรื่องนี้ โดยในปี 2020 แด็สแต็งถูกทางการฝรั่งเศสสอบสวนกรณีคุกคามทางเพศต่อนักข่าวสาวเยอรมันวัย 37 ปี นาม แอนน์-แคทริน สทรักเค่ ด้วยการจับแก้มก้นเธอถึง 3 หน
อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสแด็สแต็งเคยแอบลูบคลำขาอ่อนของเธอ ตอนนั่งเก้าอี้ข้างกันที่โต๊ะจัดเลี้ยงอาหารค่ำในสถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศเดนมาร์ก เมื่อปี 2002 อดีตนายกรัฐมนตรีเดนมาร์กคนสวย (2011-2015) นามว่า เฮลเลอร์ ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์ เล่าถึงเรื่องนี้ในระหว่างให้สัมภาษณ์แก่รายการ 21 Søndag ซึ่งออกอากาศทางช่อง DRTV ของเดนมาร์ก เมื่อ 3 ตุลาคม 2021 เอเอฟพีรายงานโดยใช้คำว่า คลำ/แต๊ะอั๋ง และเว็บไซต์ข่าว CPH Post ของเดนมาร์กรายงานด้วยคำว่าลูบไล้

ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์ ณ วัย 54 ปี เล่าไว้ในเชิงแชร์ประสบการณ์การถูกลวนลามที่โดนมากับตนเองในช่วงที่เธอมีบทบาททางการเมืองแต่ยังมิได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งกระแส Me-Too ยังไม่เกิดขึ้น โดยในปัจจุบันนี้ที่เธอนำประเด็นสิทธิสตรี กับกระแส #MeToo มาเขียนเป็นหนังสือชื่อ Blondinens Betragtninger หรือ ข้อพิจารณาจากสาวผมบลอนด์ ซึ่งเริ่มวางแผงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (4 ตุลาคม) เธอได้นำเกร็ดชีวิตที่เกิดขึ้นจากอดีตประธานาธิบดีวาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง แห่งฝรั่งเศส มาใส่ไว้ในตอนหนึ่งของหนังสือเล่มดังกล่าว
ในปีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นนี้ อดีตประธานาธิบดีแด็สแต็งอยู่ในวัยใกล้จะ 80 ปี แต่ยังมีบทบาทแข็งขันทางการเมือง ด้วยตำแหน่งประธาน European Convention on Human Rights หรือ อนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นนายกฯ หญิงคนแรกของเดนมาร์ก เล่าไว้ในหนังสือ Blondinens Betragtninger ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งหนึ่งในสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำกรุงโคเปนเฮเกน โดยทอร์นนิ่ง-ชมิดท์อยู่ที่นั่นเพราะเธอมีภาระหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานอนุสัญญายุโรปฯ เธอนั่งอยู่ก่อนแล้วที่โต๊ะอาหาร และอดีตประธานาธิบดีแด็สแต็งตามไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับเธอ และลูบคลำขาอ่อนของเธอโดยปราศจากผู้ใดรู้เห็นเพราะมีโต๊ะบังอยู่

“มันบ้าบออย่างที่สุดค่ะ ดิฉันถามตนเองว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วดิฉันก็ลุกขึ้นย้ายที่นั่ง เรื่องจบลงเพียงเท่านั้น” ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์เขียนเล่าไว้อย่างนั้นในหนังสือเล่มใหม่ของเธอ

หนังสือใหม่ของเฮลเลอร์ ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์ อดีตนายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก ซึ่งเขียนถึงประเด็นสิทธิสตรี การคุกคามทางเพศ และขบวนการ #MeToo  ภาพของชมิดท์ในด้านซ้ายเป็นช่วงที่เธอกล่าวปราศรัยต่อประชาชนทั้งประเทศในวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 2015 ซึ่งรัฐบาลของเธอถูกสาธารณชนกดดันหนักในปมขัดแย้งนโยบายเศรษฐกิจที่เธอผลักดันด้วยความมั่นใจ ต่อมาในการเลือกตั้งทั่วไปเดือนมิถุนายน 2015 แม้พรรค Social Democrats ที่เธอเป็นหัวหน้าพรรค ได้จำนวนสมาชิกสภาเพิ่ม 3 ที่นั่ง แต่พรรคร่วมรัฐบาลซึ่งมีถึง 12 พรรค เสียที่นั่งในสภากันเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้รัฐบาลของเธอไม่สามารถเป็นเสียงส่วนใหญ่ เธอถือว่าประชาชนไม่สนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจของเธอ ดังนั้น เธอลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ที่ครองอยู่กว่า 5 ปี และลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคที่ครองอยู่กว่า 11 ปี จากเมื่อ 2005 - 2015 พร้อมกับประกาศวางมือทางการเมือง
“สำหรับปัจจุบัน เรื่องอย่างนี้ถูกมองเป็นการคุกคามทางเพศ ซึ่งมันไม่ถึงขนาดนั้นสำหรับเมื่อยุคสมัยนั้น ยุคสมัยมันต่างกันน่ะค่ะ แต่ดิฉันมองว่ามันไม่เหมาะสม และรู้สึกโกรธมาก” เธอกล่าวในตอนที่ให้สัมภาษณ์แก่สำนักข่าวแดนิช ริตเซา

ปัจจุบันนี้ อดีตประธานาธิบดีแด็สแต็งถึงแก่อสัญกรรมแล้วในเดือนธันวาคม 2020 ณ วัย 94 ปี

แต่ในช่วงก่อนหน้านั้น สตรีจำนวนมากมายเคยกล่าวหาเขาว่ากระทำพฤติกรรมอันไม่เหมาะสม ซึ่งก็ถูกปฏิเสธอย่างดุเดือดจากนักกฎหมาย

“ดิฉันเอ่ยนามของอดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสวาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง เพราะดิฉันคิดว่าเขารับเรื่องนี้ได้” อดีตนายกฯ เดนมาร์ก กล่าวไว้ตอนหนึ่งในคลิปสัมภาษณ์รายการ 21 Søndag ที่ออกอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกล่าวด้วยว่า

“ดิฉันแน่ใจมากค่ะว่านี่เป็นอะไรที่เขาเคยทำมาก่อน และเขาจากไปแล้ว ดังนั้น เขาไม่ได้อยู่กับพวกเราแล้ว”

วาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง ประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศสระหว่างปี 1974-1981 โดยเป็นผู้นำที่สร้างความทันสมัยอย่างสำคัญแก่ประเทศ และแม้จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลแล้ว แด็สแต็งยังมีบทบาททางการเมืองอย่างต่อเนื่อง และในปี 2009 เขาเปิดตัวหนังสือนวนิยายแนวรักโรแมนติกที่เขาประพันธ์ขึ้นมาเป็นเล่มที่สอง ชื่อเรื่องว่า เจ้าหญิงกับประธานาธิบดี งานเขียนเล่มนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะผู้คนเชื่อว่าเขาเขียนขึ้นจากจินตนาการระหว่างตัวเขากับเจ้าหญิงไดอานา ซึ่งทั้งสองมีโอกาสพบกันในปี 1994  ในภาพนี้ แด็สแต็งและประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ณ พระราชวังบักกิงแฮม กรุงลอนดอน เมื่อพฤษภาคม 1977
เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน

ในโอกาสที่ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์ อดีตนายกฯ คนที่ 26 ของเดนมาร์ก เร่งประชาสัมพันธ์หนังสือเล่มใหม่ Blondinens Betragtninger นี้ เธอมาให้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ช่อง DRTV แบบหนึ่งวันก่อนหน้าวันเปิดตัวหนังสือ โดยบอกว่าที่ผ่านมาซึ่งแด็สแต็งยังมีชีวิตอยู่นั้น เธอไม่อยากนำเรื่องนี้มาเล่าออกอากาศ เพราะไม่ต้องการให้เกิดภาพเสมือนกับเหยื่อที่เล่าเรื่องราวความอ่อนแอบอบช้ำ

กระนั้นก็ตาม ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์รู้สึกว่าขบวนการ #MeToo แผ่วลงไปมาก และจึงหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะนำความจริงไปยังบรรดาผู้หญิงว่า ทุกคนล้วนอยู่ในข่ายที่ต้องพบพานกับการกระทำอันไม่เหมาะสม ไม่ว่าพวกเธอจะมีความเปราะบางเพียงใด หรืออยู่ในฐานะตำแหน่งใดๆ

“ไม่มีผู้หญิง ‘แบบใดเป็นพิเศษ’ ที่ต้องประสบกับเรื่องอย่างนี้ – เราทุกคนล้วนแต่จะต้องเจอ” เธอกล่าวอย่างนั้น

“ตอนนี้ล่ะค่ะเป็นเวลาอันเหมาะสมที่จะพูดออกมาให้ชัดเจน และดิฉันต้องการจะเน้นย้ำไปยังผู้หญิงจำนวนมหาศาลในสารพันแวดวง ผู้ซึ่งเคยมีประสบการณ์เลวร้ายมากแล้ว”

ผู้หญิงราศีธนู นาม เฮลเลอร์ ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์ เป็นสตรีไวกิ้งรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาสะสวย ผมสีทอง ดวงตาสีฟ้าสดใส ชอบแต่งกายไฉไล และแม้จะเป็นคนสูงสง่าอยู่แล้ว เธอชมชอบที่จะสวมรองเท้าส้นสูงๆ  เธอมีจิตใจที่แข็งแกร่ง เปี่ยมด้วยพลังผู้นำ และมีความเป็นตัวของตัวเองในระดับสูง  ในครั้งหนึ่งที่เธอผ่านไปพบ ซาราห์ เจสสิกา ปาร์กเกอร์ ดาราฮอลิวูดคนดังจากซีรีส์ชุด Sex and the City ยืนแจกลายเซ็นแก่ประชาชนในโคเปนเฮเกน เธอแวะเข้าไปทักทายสนทนากับดาราคนโปรดของเธออย่างน่ารักแบบหญิงสาวเห่อดาราทั่วไป ภาพนี้เป็นภาพของมักนัส โฟรเดอร์เบิร์ก ที่เผยแพร่บนคอมมอนวิกิพีเดีย
โกรธมาก แต่ก้าวข้ามโดยไว ไม่เป็นอะไรที่จะต้องไปเสียพลังงานด้วยมากมาย

ผู้หญิงแกร่งที่ได้บริหารประเทศกว่า 5 ปีบอกว่า เธอไม่มีบาดแผลฝังใจหรือความทุกข์ตรมใดๆ จากเหตุการณ์ที่ถูกลวนลามหยามเกียรติครั้งนั้น

“ดิฉันก้าวข้ามมันไปเลยค่ะ ... ในวันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้นเลยค่ะ ... ดังนั้น มันไม่ได้เป็นอะไรที่ดิฉันจะไปเสียพลังงานด้วยมากมาย” ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์ สตรีนักบริหารผู้แจ่มใส กล่าวอย่างนั้น

เธอเสริมอย่างหนักแน่นด้วยว่า เธอไม่เคยพบผู้หญิงคนไหนแม้เพียงรายเดียว ที่ไม่เคยประสบกับการกระทำอันไม่เหมาะสม

“ดิฉันหวังว่าเราจะถกแถลงกันในเรื่องนี้ ไม่ให้มันถูกลืม ดิฉันออกจะกังวลอยู่บ้างว่ามันจะจางหายไป” กล่าวโดยสตรีแกร่ง ผู้ซึ่งก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมตรีของดินแดนไวกิ้งด้วยอายุเพียง 45 กะรัต

อดีตนายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์ ประสบวิกฤตถูกพรรคฝ่ายค้านนำไปติเตียนอื้ออึง ว่าวางตัวไม่เหมาะสม เสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ทั้งนี้ เธอไปร่วมพิธีมิซซาในนครโยฮันเนสเบิร์ก เมื่อ 10 ธันวาคม 2013 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อไว้อาลัยอดีตประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดลา นักต่อสู้เพื่อเสรีภาพแห่งแอฟริกาใต้  และเธอได้นั่งติดกันกับอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐอเมริกา และอดีตประธานาธิบดีเดวิด คาเมรอนแห่งอังกฤษ  ในขณะที่แขกผู้มีเกียรติส่วนใหญ่นั่งสงบอยู่ในพิธี สาวราศีธนูผู้แจ่มใสชวนโอบามาและคาเมรอนถ่ายภาพเซลฟี และหัวเราะเล่นกันสนุกสนาน  ในภาพนี้ เป็นช็อตที่เธอหัวเราะกับมุขของโอบามา โดยมีมิเชล โอบามา สุภาพสตรีหมายเลข 1 แห่งสหรัฐฯ เขม้นมองอยู่ใกล้ๆ  ด้านผู้สันทัดกรณีมากมายชี้ว่าบรรยากาศขี้เล่นของทั้งสามผู้นำประเทศ คือบรรยากาศที่สะท้อนถึงจิตใจพื้นฐานของแมนเดลา คือ ความร่าเริงสนุกสนาน
แด็สแต็ง ณ วัย 94 ถูกสอบสวนกรณี ‘เฒ่าหัวงู’ ลูบแก้มบั้นท้ายนักข่าวสาวเยอรมัน 3 หน

ในเดือนพฤษภาคม 2020 แด็สแต็งตกเป็นข่าวอื้อฉาว ถูกทางการฝรั่งเศสสอบสวนกรณีข้อกล่าวหาว่า ได้คุกคามทางเพศต่อนักข่าวสาวเยอรมันวัย 37 ปี นาม แอนน์-แคทริน สทรักเค่ ด้วยการจับแก้มบั้นท้ายเธอถึง 3 ครั้ง

สทรักเค่ได้บอกเอเอฟพีว่า ในเดือนธันวาคม ปี 2018 สถานีโทรทัศน์ WDR ของเยอรมนีส่งเธอและทีมข่าวไปสัมภาษณ์อดีตประธานาธิบดีแด็สแต็งที่กรุงปารีส และเรื่องราวที่เธอเรียกว่าเป็นความต่ำตมของมนุษย์ เกิดขึ้นหลังจากที่การพูดคุยทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้วและเป็นช่วงการถ่ายภาพที่ระลึก

แด็สแต็งจับเอวซ้ายของเธอ แล้วเลื่อนมือไปตามบั้นท้าย และจับก้นเธอ เธอพยายามดันมือเขาออก แต่ไม่สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม การคุกคามทางเพศครั้งที่ 1 หยุดลงโดยแด็สแต็งชวนให้คณะนักข่าวไปชมภาพบนผนังห้องทำงาน

แล้วอดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็จับแก้มก้นของสทรักเค่อีกครั้ง เธอขยับตัวหลบ เขาตามไปจับเป็นคำรบสาม เธอพบว่ามือชายชราอายุเก้าสิบกว่าปีนั้น แข็งแรงเกินกว่าที่เธอจะดันออกจากก้นกอยของเธอได้

“ฉันพยายามจะดันมือเขาออกไป แต่ไม่สำเร็จค่ะ และยังนึกประหลาดใจว่าอะไรจะแข็งแรงขนาดนั้น” สทรักเค่บอกเอเอฟพีอย่างนั้น

สทรักเค่พ้นจากวิกฤตนั้นได้ เพราะช่างภาพออกโรงมาช่วยขัดจังหวะ โดยแกล้งชนโป๊ะไฟล้ม เหตุการณ์คุกคามทางเพศครั้งที่สามจึงยุติลง

แอนน์-แคทริน สทรักเค่ นักข่าวสาวเยอรมันวัย 37 ปี ในสังกัดของสถานีโทรทัศน์ WDR ของเยอรมนี ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อทางการฝรั่งเศสว่า อดีตประธานาธิบดีวาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง แห่งฝรั่งเศสคุกคามทางเพศต่อเธอ โดยจับก้นเธอถึง 3 ครั้ง หลังเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์และถ่ายภาพที่ระลึก เธอคิดทบทวนอยู่นานก่อนตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปร้องเรียนต่อทางการฝรั่งเศส
เมื่อกลับเข้าสำนักงาน สทรักเค่คิดทบทวนสองสามวันจึงรายงานเรื่องให้ผู้อำนวยการฝ่ายรับทราบ สถานีโทรทัศน์ต้นสังกัดจึงจ้างบริษัทกฎหมายมาสัมภาษณ์เธอและช่างภาพ เวลาผ่านไปสามเดือนกว่า และได้ข้อสรุปในช่วงเมษายน 2019 ว่าข้อมูลจากทั้งสองนั้นเชื่อถือได้ สถานีโทรทัศน์จึงมีนโยบายที่จะให้การสนับสนุน หากสทรักเค่ตัดสินใจเดินเรื่องร้องเรียน

สทรักเค่ขบคิดอยู่ระยะหนึ่ง และด้วยคำนึงถึงสถานการณ์ภาพรวมของขบวนการ #MeToo ที่สตรีมากมายออกมาปกป้องผู้หญิงทั้งมวลจากความกลัวหรือความอับอายที่จะเปิดความจริง สทรักเค่จึงตัดสินใจยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังทางการฝรั่งเศสในเดือนมีนาคม 2020

เธอบอกเอเอฟพีว่าขบวนการ #MeToo ทำให้เข้าใจถึงความสำคัญที่จะต้องพูดเปิดเผยออกมาให้ผู้คนทราบถึงเรื่องราวการล่วงละเมิดทางเพศ เพื่อให้กระแสนี้ช่วยยับยั้งปัญหา

แน่นอนว่าอดีตประธานาธิบดีแด็สแต็งจะปฏิเสธข้อกล่าวหา

และแล้วในวันที่ 2 ธันวาคม 2020 แด็สแต็งถึงแก่อสัญกรรมด้วยปัญหาปอดติดเชื้อ อันเป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโควิด และโลกได้พร้อมใจกันไม่เอ่ยถึงเรื่องคุกคามทางเพศอันอื้อฉาวที่แด็สแต็งถูกกล่าวหาว่ากระทำต่อสตรีจำนวนมาก

หลังจากที่เฮลเลอร์ ทอร์นนิ่ง-ชมิดท์ กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และวางมือทางการเมือง เธอรับงานเป็นซีอีโอขององค์การ Save the Children จนถึงปี 2019  ปัจจุบันเธอรับเป็นกรรมการบริษัทเอกชนหลายแห่ง รวมทั้งนั่งในบอร์ดของเฟสบุ๊กด้วย
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา: เอเอฟพี CPH Post วิกิพีเดีย คอมมอนวิกิพีเดีย christianpost.com เว็บไซต์ www1.wdr.de)



กำลังโหลดความคิดเห็น