ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “ลุงตู่” ลงพื้นที่ = หลบ&กลบกระแสพิษรักร้าว “3 ป.”
ว่ากันว่า ยามใดที่นักการเมืองตกอยู่ในภาวะคับขัน เพลี่ยงพล้ำอับจนหนทางจะสู้หน้าธารกำนัล หรือ เลี่ยงตอบคำถามสื่อ กลยุทธ์ที่นิยมนำมาใช้และได้ผลเสมอคือ “หนี”
หนี เป็นสุดยอดกลยุทธ์ตามตำราพิชัยสงครามซุนวู ยุทธศาสตร์เก่าแก่ของการศึกที่มีมานานแล้ว แต่ครั้นจะมีนักการเมืองคนไหนใครบอกโต้งๆ ว่า “หนี” ก็ดูจะเป็นการถอยที่ไม่มีเชิง จึงมีคำว่า “ลงพื้นที่” มาแทนให้ดูดี แต่จริงๆ ก็ต้องการหลบหนีเพื่อกลบเกลื่อนกระแสนั่นแล
เวลานี้ติดตามความเคลื่อนไหวของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่มีโปรแกรม “ลงพื้นที่” ถี่ๆ ก็ไม่รู้ว่า เสธ.คนไหนคิดอ่านวางแผนให้
ซึ่งดูๆ เหมือนจะกางตำราพิชัยสงครามซุนวูที่ว่ามาเปี๊ยบ!
เพราะรู้กันว่า หลังจากศึกอภิปรายฯเป็นต้นมา “ลุงตู่” เผชิญหน้ากับปัญหาความขัดแย้งรุนแรง รู้สึกไม่มั่นคงในอนาคตทางการเมืองของตัวเอง จนตัองไลน์หาพี่ใหญ่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถามผมผิดอะไร ทำไม ส.ส.พลังประชารัฐ จึงไม่อยากสนับสนุน
“ผิดปกติวิสัย” ของคนรักกันของ “พี่น้อง 3 ป.” ซึ่งสุดท้ายนำไปสู่การใช้อำนาจ 171 ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปลด “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ “มาดามแหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เด็กในคาถาของพี่ใหญ่ เรียกว่า “แลกกันคนละหมัด”
ทว่า คนที่ “เมาหมัด” กลายเป็น “ลุงตู่” ที่แม้จะพยายามกอดแขนประคอง “ลุงป้อม” ออกสื่อ แต่วันนี้ก็ชัดเจน จากการประชุมพรรคพลังประชารัฐ สถานะของ “ผู้กองนัส” ยังยืนหยัดปกหลักมั่นอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรค ภายใต้การทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคของ พล.อ.ประวิตร เหมือนเดิม
ความเคลื่อนไหวของฝั่ง “ลุงป้อม” พรรคพลังประชารัฐ และ “หอกข้างแคร่” ผู้กองธรรมนัส นี้ย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานร่วมกันกับ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
มีคำถามมากมายตลอดจนปัญหาที่ “ลุงตู่” จะต้องตอบ และอาจจะเผชิญหน้ากับคนที่ไม่ต้องการเจอะเจอ อย่ากระนั่นเลย หลบไปจะดีกว่า บรรเทาพิษรักร้าว 3 ป.ไปพลางๆ
ดังนี้เอง “ลุงตู่” จึงมีภารกิจ “ลงพื้นที่” รัวๆ เมื่อวาน (15 ก.ย. 64) มีไปตรวจเยี่ยมน้ำท่วมที่ จ.ชัยนาท พื้นที่ของ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท
วันศุกร์นี้ (17 ก.ย.) มีภารกิจตรวจราชการ จ.ชลบุรี พื้นที่ของ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน โดยจะเดินทางไปที่บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ จำกัด (แหลมฉบัง) ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อตรวจติดตามการดำเนินโครงการ Factory Sandbox ของบริษัทฯ
แน่นอนว่า การเลือกลงพื้นที่ในระหว่างนี้ของนายกฯ ก็จำเป็นต้องเป็นพื้นที่ของ “คนกันเอง” ทั้ง “เสี่ยแฮงค์-เสี่ยเฮ้ง” ย่อมเตรียมต้อนรับขับสู้เต็มที่ บรรยากาศออกมาเป็นที่เข้าใจได้ มีคนล้อมหน้าล้อมหลังอบอุ่นยิ่งนัก พูดง่ายๆ ว่า เรียกเรตติ้งได้สบายๆ
ในมุมของ เสธ.การลงพื้นที่ของนายกฯ นี่เป็นยุทธวิธีที่ตอบโจทย์ ทั้งการสร้างภาพในฐานะนายกฯที่อยู่ในตำแหน่งมานานคนยังรัก ไปที่ไหนก็มีคนรักใคร่
แม้ผลโพลประชาชนจะเชื่อว่า เลือกตั้งครั้งหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น่าจะกลับมาเป็นนายกฯอีก ก็หวังจะใช้เวลาที่เหลืออยู่อีกปีเศษๆ เผื่อจะพลิกสถานการณ์ไดั สร้างตำนานไว้ก่อน
ส่วนการหลบเลี่ยงกระแสลงพื้นที่ก็พอจะอธิบายได้ว่า เพราะเป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ ต้องบริหารและดูแลคนทั้งประเทศ
จะเป็นแบบไหนก็เอาที่สบายใจก็แล้วกันลุง!
**ส่อนิสัย-ไร้รสนิยม! เพจ “ไทยรู้สู้โควิด” โพสต์การ์ตูนชายชราหื่นใส่สาวแต่งตัวคล้าย “ลิซ่า แบล็กพิงก์”
เป็นเรื่องอีกแล้ว เพจ “ไทยรู้สู้โควิด” กะจะโหนกระแส “น้องลิซ่า” ลลิษา มโนบาล ที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกด้วยผลงานเดี่ยว “LALISA” เพื่อรณรงค์มาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แต่การณ์กลับ “ตรงกันข้าม” กลายเป็น “เรียกทัวร์” มาลงเพจเสียนี่
เจตนาของแอดมินเพจ ก็คงต้องการดึงความสนใจของผู้คนให้หันมาใส่ใจปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention หรือการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด เพื่อให้ห่างไกลจากเชื้อโควิด-19 อยู่ตลอดเวลา เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง ซึ่งทั้ง ศบค. กระทรวงสาธารณสุข และหลายหน่วยงานช่วยกันรณรงค์มาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่ายังไม่ปังเท่าที่ควร
เมื่อเกิดกระแส “ลิซ่าฟีเวอร์” จึงเห็นเป็น “โอกาส” โดยเมื่อวาน (15 ก.ย.) เพจ “ไทยรู้สู้โควิด” ได้โพสต์ข้อความ พร้อมภาพโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ ดาวน์โหลดคู่มือ ครอบครัวรอบรู้อยู่กับโควิด-19 ตามหลัก Universal prevention
โดยมีข้อความว่า “ให้คิดเสมอว่าเชื้อโรคสามารถอยู่ได้ทุกที่ใกล้ตัวเรา น้อง..ขอแนะนำ Universal Prevention เป็นการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด เพื่อให้พวกเรากลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ดู MV ของน้องที่บ้านก็อย่าลืมใส่แมสก์กันด้วยนะคะ
ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และ ไทยรู้สู้โควิด”
พร้อมแฮชแท็ก #ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 #ศูนย์ข้อมูลCOVID19 #ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ #ไทยรู้สู้โควิด
ตอกย้ำว่านี่คือ “เพจทางการ” ของหน่วยงานรัฐ ไม่ใช่เพจที่ไอโอจิตอาสาที่ไหนทำขึ้นมาอย่างแน่นอน
แต่ปัญหามันก็มีตรงโปสเตอร์ประกอบที่เป็นการ์ตูนนี่แหละ ที่วาดด้วยลายเส้นแบบการ์ตูนเล่มละ 5 บาทสมัยก่อน เป็นภาพหญิงสาวสวมรัดเกล้ายอดและใส่ชุดไทยสีทอง ลักษณะหน้าตาเผ้าผมก็ดูออกว่า คนวาดตั้งใจให้เหมือน “ลิซ่า แบล็กพิงก์” ในเอ็มวีเพลง “LALISA” นั่นเอง
พร้อมมีข้อความว่า “หนูขอฝากมาตรการป้องกันโควิด ขั้นสูงสุดนะคะ” ใกล้ๆ กันก็มีภาพชายสูงอายุผมขาวศีรษะล้านแบบ “ดงช้างข้าม” จ้องมองหญิงสาวตาแทบถลน พร้อมข้อความในบอลลูนคำพูดว่า “น่ารักจังเลย ลุงชอบๆ” แถมมีเสียง “ฟิ้ว…” ทะลุหน้ากากอนามัยของชายชราออกมาด้วย
หลังจากโพสต์ขึ้นไปบนเพจได้ไม่นาน ทัวร์ก็แห่มาตรึม วิพากษ์วิจารณ์กันยับ ทั้งประเด็นเอาภาพของ “ลิซ่า” มาทำโฆษณา ได้ขออนุญาตต้นสังกัดหรือไม่ เป็นที่รู้กันว่าค่ายเพลงที่เกาหลีนั้น “เขี้ยว” ในเรื่องลิขสิทธิ์มากๆ เดี๋ยวก็เป็นปัญหาขึ้นมาอีก
ส่วนอีกประเด็นก็คือ ภาพลุงท่าทางหื่นๆ ที่ยืนจ้องอยู่ข้างๆ พร้อมคำพูดสองแง่สองง่ามนั้น ก็ถูกตีความไปในทำนองว่า เป็นการสนับสนุน “การคุกคามทางเพศ” หรือทำให้มองว่าการคุกคามทางเพศเป็นเรื่องธรรมดาหรือไม่
อารมณ์ของ “ลูกทัวร์” ที่มาลงดุเดือดแค่ไหน นี่คือตัวอย่างบางตอน
“เอารูปเขามาทําโฆษณา จ่ายค่าตัว ค่าลิขสิทธิ์ ให้เขาด้วยนะคะ”
“ปกการ์ตูนเล่มละ 5 บาท วาดลวกๆ แถมตัวลุงหัวล้านใส่มาทําไม วาดออกมาก็ดูส่อเจตนาแปลกๆ หมาหยอกไก่ ไม่มียังดีกว่า เอาเขามาอ้างทําปกยังไม่ให้เกียรติเขาอีก”
“ตัดประเด็นเรื่องโหน แม่งก็เหี้ยตรง “น่ารักจังเลย ลุงชอบๆ” อยู่ที่นี้คือแสดงทัศนคติ และ mindset ว่าทุเรศนะ ตอนแรกนึกว่าเพจมีมโง่ๆ พอดูจากเพจ ไทยรู้สู้โควิด เหม่อเลยกู ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเพจของรัฐ วุฒิภาวะการทํางานคือไรวะ งง นี้ยังไม่พูดถึง taste งานออกแบบที่ bad taste มากๆ”
“เป็นการ์ตูนที่สื่อสารได้ห่วยมาก”
“ส่อนิสัย ส่อสันดานของคนคิดวาดภาพนี้”
“โอ้ยทุเรศเกิ้นนน นอกจากจะโหนจะเคลม ยังใช้คําทุเรศบ่งบอกถึงความคิตทุเรศไปอีก สุดยอดเลยค่ะ”
“ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยสักอย่างในภาพ แล้วถ้าจะบอกว่ารูปนี้ไม่ได้พาดพิงใคร ก็คงจะดูหน้าด้านไปนะคะ หาทําไปได้ โดนฟ้องมามีตั้งจ่ายเค้าหรอ..คอนเทนต์กาก กี่สิบปีก็อยู่แค่นี้ เกาะกระแสคนอื่นเอาหน้า ไม่อายบ้างหรอ…”
เมื่อ “ทัวร์ลง” หนักขนาดนี้ โพสต์ที่เป็นปัญหาก็ถูกลบไปตามระเบียบ ก็เหลือแต่ว่า แอดมินเพจ หน่วยงานที่กำกับดูแลคนทำเพจนี้ จะเก็บบทเรียนอะไรไปปรับปรุงแก้ไขตัวเองได้บ้าง
