เมืองไทย 360 องศา
ภาพการยกมือไหว้และรับไหว้ของ “พี่น้องสอง ป.” คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก่อนเริ่มการประชุมคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีการแสดงท่าทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ โอบกอดกับ พล.อ.ประวิตร อย่างสนิทสนม และการพูดคุยอย่างใกล้ชิด เป็นการส่วนตัวนาน 2-3 นาที และหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้เดินประคอง พล.อ.ประวิตร มาส่งที่รถอีกด้วย โดยทั้งคู่มีอารมณ์ผ่อนคลาย
แน่นอนว่า ภาพที่เกิดขึ้นเหมือนกับเป็นความ “ตั้งใจ” ของทั้งคู่ เพื่อสยบข่าว “รอยร้าว” ทีมีการโหมกระพือในช่วงสามสี่วันที่ผ่านมา หลังการ “ปลด” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน โดย ร.อ.ธรรมนัส เป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ส่วนคนหลังเป็นเหรัญญิกพรรค
รายงานข่าวก่อนหน้านี้อ้างว่า การ “ปลด” ดังกล่าวเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้รับรู้ก่อน โดยเกิดขึ้นหลังมีความพยายามเคลื่อนไหวเพื่อ “โค่นล้ม” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านการลงมติในญัตติ “ซักฟอก” ที่ผ่านมา แม้ว่าจะเกิดความล้มเหลว และ นายกรัฐมนตรี ก็สามารถผ่านโหวตในสภามาได้ แต่ก็ทำให้เกิดอาการหวั่นไหวออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจนก่อนหน้านั้น โดยเฉพาะในช่วงก่อนโหวตเพียงหนึ่งวัน
จากกรณีที่เกิดขึ้นทำให้คอการเมืองมองว่าทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง “สาม ป.” อันประกอบด้วย “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พี่รอง” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ “น้องเล็ก” คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่าง “พี่ใหญ่กับน้องเล็ก” และอาจนำไปสู่การปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง และข่าวลือว่า พล.อ.ประวิตร อาจจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคตามมา
แต่ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ก็ยืนยันแล้วว่าจะไม่ลาออก รวมไปถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ยังดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคต่อไป นั่นคือ ตำแหน่งทุกอย่างในพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยในวันที่ 15 กันยายน จะมีการประชุม ส.ส.ของพรรคที่รัฐสภา และมีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร จะไปเป็นประธานการประชุมด้วย
นั่นเป็นภาพรวมๆ ที่เกิดขึ้นล่าสุด และเป็นความเคลื่อนไหวในวันที่ 13 กันยายน ที่สามารถจับอาการให้เห็นชัดเจน ก็คือ ภาพ “สยบรอยร้าว” ระหว่างสองพี่น้อง “สอง ป.” และทุกอย่างในพรรคพลังประชารัฐ ยังอยู่ในสภาพเดิม นั่นคือ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งใดๆ ในพรรค ทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค
อย่างไรก็ดี ยังมีความเคลื่อนไหวที่เห็นภาพเป็นรูปธรรมมากขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีย้ำว่า จากนี้ไปจะ “ลดระยะห่าง” กับ ส.ส.มากขึ้น โดยเขาได้ย้ำระหว่างเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันรุ่งขึ้นคือวันที่ 13 กันยายน เขาได้มอบหมายให้ นายอนุชา บุรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เข้าร่วมประชุมวิปรับบาลเป็นครั้งแรกด้วย โดย นายอนุชา ระบุว่า ได้รับมอบหมายให้มารับฟังข้อเสนอแนะ และประสานข้อมูลเพื่อส่งถึงมือนายกรัฐมนตรี เพื่อรับทราบปัญหาและข้อเสนอแนะระหว่างฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติได้โดยตรง
นอกเหนือจากนี้ หากสังเกตให้ดีจะได้ยินคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ย้ำออกมาให้ได้ยินว่า “ต่อไปจะเข้าหา ส.ส.โดยอาจจะมีการนัดทานข้าวเพื่อจะได้พูดคุยกันมากขึ้น” ซึ่งทำให้มีการจับตากัน ว่านี่คือ การ “ปรับท่าทีใหม่” ของเขาเพื่อ “ปิดจุดอ่อน” และลดความเสี่ยง ในการเข้าหาและสร้างความใกล้ชิดกับ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ มากขึ้น หลังจากเกิดการ “ท้าทายอำนาจ” อย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก และทำให้รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในสภาวะ “ขาลอย”
จากความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกันดังกล่าว ทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จากนี้ไปจะได้เห็น “ท่าทีใหม่” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะเข้ามามีบทบาทโดยตรงในพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น แทนที่จะประสานงานผ่านทาง “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค ซึ่งจะว่าไปแล้วจุดประสงค์ของการก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่แรกก็มีวัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นฐานของ “สาม ป.” อยู่แล้ว
ดังนั้น เมื่อรูปการณ์เป็นแบบนี้ ในอนาคตอันใกล้นี้ก็น่าจะได้เห็นภาพที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินเข้าหา ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มได้เห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าวแล้ว ขณะเดียวกัน สำหรับน้ำหนักในพรรคนั้น เชื่อว่า จะออกมาในลักษณะของการ “ถ่วงดุล” กันมากขึ้น และยังมั่นใจว่า จะต้องเกิดการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง เพียงแต่ว่าต้องรอจังหวะ แต่ให้จับตาการประชุมพรรคในเดือนตุลาคมที่กำหนดไว้ที่ ชะอำ เพชรบุรี ให้ดีก็แล้วกัน !!