“ไทยรู้สู้โควิด” ขอโทษปมภาพการ์ตูนล้อเลียน “ลิซ่า” เผย แค่ต้องการย้ำมาตรการป้องกันโควิด ไม่มีวัตถุประสงค์อื่น

เพจ “ไทยรู้สู้โควิด” ออกมาโพสต์ข้อความขอโทษ “ลิซ่า” ปม นำโหนกระแส “น้องลิซ่า” ลลิษา มโนบาล เพื่อรณรงค์มาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ยัน แค่ต้องการย้ำมาตรการ เรื่องป้องกันโควิด-19 ไม่มีวัตถุประสงค์อื่นใด

จากกรณี เพจ “ไทยรู้สู้โควิด” กะจะโหนกระแส “น้องลิซ่า” ลลิษา มโนบาล ที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกด้วยผลงานเดี่ยว “LALISA” เพื่อรณรงค์มาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แต่การณ์กลับ “ตรงกันข้าม” กลายเป็น “เรียกทัวร์” มาลงเพจ อย่างไรก็ตาม คาดว่า เป็นเจตนาของเพจต้องการดึงความสนใจของผู้คนให้หันมาใส่ใจปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention หรือการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด เพื่อให้ห่างไกลจากเชื้อโควิด-19 อยู่ตลอดเวลา เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง ซึ่งทั้ง ศบค. กระทรวงสาธารณสุข และหลายหน่วยงานช่วยกันรณรงค์มาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่ายังไม่ปังเท่าที่ควร

หลังจากโพสต์ขึ้นไปบนเพจได้ไม่นาน ทัวร์ก็แห่มาวิพากษ์วิจารณ์กันยับ ทั้งประเด็นเอาภาพของ “ลิซ่า” มาทำโฆษณา ได้ขออนุญาตต้นสังกัดหรือไม่ เป็นที่รู้กันว่าค่ายเพลงที่เกาหลีนั้น “เขี้ยว” ในเรื่องลิขสิทธิ์มากๆ เดี๋ยวก็เป็นปัญหาขึ้นมาอีก ส่วนอีกประเด็นก็คือ ภาพลุงท่าทางหื่นๆ ที่ยืนจ้องอยู่ข้างๆ พร้อมคำพูดสองแง่สองง่ามนั้น ก็ถูกตีความไปในทำนองว่า เป็นการสนับสนุน “การคุกคามทางเพศ” หรือทำให้มองว่าการคุกคามทางเพศเป็นเรื่องธรรมดาหรือไม่

ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ก.ย. เพจ “ไทยรู้สู้โควิด” ได้ออกมาโพสต์ข้อความขอโทษต่อเหตุการที่เกิดขึ้นแล้ว จากกรณีนำภาพคล้าย “ลิซ่า” มาใช้ โดยเผยว่าแค่ต้องการเน้นย้ำการป้องกันโควิด ไม่มีวัตถุประสงค์อื่น ทั้งนี้ ทางเพจได้ระบุข้อความว่า

“ตามที่ได้มีการโพสต์ข้อมูลไปก่อนหน้านี้

ให้คิดเสมอว่าเชื้อโรคสามารถอยู่ได้ทุกที่ใกล้ตัวเรา น้อง..ขอแนะนำ Universal Prevention เป็นการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด เพื่อให้พวกเรากลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ดู MV ของน้องที่บ้านก็อย่าลืมใส่แมสก์กันด้วยนะคะ

ทั้งนี้ มีภาพประกอบที่เป็นการ์ตูนล้อเลียนน้องลิซ่า ที่ทำให้หลายคนไม่สบายใจว่าเป็นการคุกคามทางเพศ และระรานหรือไม่ แอดมินขออภัยน้องลิซ่า ครอบครัว และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน วัตถุประสงค์ที่แท้จริงเพียงต้องการเน้นย้ำ เรื่องป้องกันการติดเชื้อและลดโอกาสการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 โดยวิธีการสวมหน้ากากเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์อื่นใดอีก แอดมินขออภัยมา ณ โอกาสนี้”