xs
xsm
sm
md
lg

กรมอนามัย เผยผลโพล ประชาชนอยากให้ “สถานศึกษา-โรงเรียน” เปิดเทอมมากที่สุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย ผลสำรวจอนามัยโพล พบประชาชนอยากให้สถานศึกษา - โรงเรียนเปิดมากที่สุดรองลงมาคือร้านอาหาร พร้อมชวนประชาชนปรับพฤติกรรมส่วนบุคคลโดยยึดหลัก Universal Prevention เพื่อลดการติดและการแพร่ของเชื้อโควิด-19

วันนี้ (14 ก.ย.) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ภายหลังที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ยกระดับมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้น รวมถึงผ่อนคลายกิจการหรือกิจกรรมบางส่วน อาทิ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า เปิดให้บริการได้ โดยมีการควบคุมโรคแนวใหม่ที่สมดุลกับการดำเนินชีวิตให้ปลอดภัยจากโควิด-19 ด้วยการยกระดับมาตรการควบคุมโรคสำหรับการเปิดกิจการหรือกิจกรรมให้ปลอดภัยในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด นั้น กรมอนามัยได้มีการสำรวจ Anamai Event Poll ประเด็น คิดเห็นอย่างไรกับมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) ในหัวข้อสถานประกอบการหรือกิจกรรมที่ประชาชนอยากให้เปิดมากที่สุด ซึ่งผลสำรวจพบว่า อยากให้เปิดสถานศึกษา โรงเรียนมากที่สุด ร้อยละ 25.8 รองลงมา คือร้านอาหาร ร้อยละ 20.5 และห้างสรรพสินค้าร้อยละ 6.3 ตามลำดับ โดยเหตุผลที่ประชาชนอยากให้เปิดมากที่สุดคือเพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้นร้อยละ 36.3 และมาตรการที่ประชาชนอยากให้มีเพิ่มคือพนักงานและผู้ใช้บริการทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ร้อยละ 60.3 รองลงมาคือสถานประกอบกิจการและกิจกรรมต้องผ่านเกณฑ์ประเมินของกระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ 41.1 และพนักงานและผู้ใช้บริการทุกคนต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบ ร้อยละ 38.3 ตามลำดับ

“ทั้งนี้ เมื่อมีการเปิดให้บริการตามมาตรการผ่อนคลายกิจการหรือกิจกรรมบางส่วนแล้ว กรมอนามัยขอความร่วมมือจากประชาชนปรับพฤติกรรมตามหลักของ Universal Prevention โดยมีหลักปฏิบัติ 10 วิธี ดังนี้ 1) ออกจากบ้านเมื่อจําเป็นเท่านั้น 2) เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตรในทุกสถานที่ 3) สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ทั้งที่อยู่ในและนอกบ้านที่มีคนมากกว่า 2 คน 4) ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือแจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ก่อนกินอาหาร หลังใช้ส้วม ไอจาม หรือสัมผัสวัตถุ สิ่งของที่ใช้ร่วมกัน 5) หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าที่สวมใส่อยู่ รวมทั้งใบหน้า ตา จมูก ปาก โดยไม่จําเป็น 6) ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี และผู้มีโรคเรื้อรัง หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน เว้นแต่จําเป็น 7) ทําความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อย ๆไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้หรือสิ่งแวดล้อมด้านกายภาพ 8) แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้อื่น9) เลือกกินอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ ควรกินอาหารแยกสํารับ หากกินร่วมกันให้ใช้ช้อนกลางส่วนตัวและ 10) หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยง เช่น สัมผัสผู้ที่อาจติดเชื้อหรือมีอาการ ควรได้รับการตรวจด้วย ATK ในเบื้องต้น เพื่อยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น