“พิชาย” ชี้สภาตีตกร่าง รธน.ไอลอว์ เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ทำม็อบไร้เวทีพูดคุย สถานการณ์ยิ่งบานปลาย ไม่เชื่อม็อบหวังล้มเจ้า ซัดพวกสร้างวาทกรรมใส่ร้าย มีวิสัยทัศน์แคบ เตือนรัฐประหารไม่ใช่ทางออกของประเทศอีกต่อไปแล้ว มีโอกาสไม่สำเร็จสูง เพราะคนต้านมีมากขึ้น
วันที่ 25 พ.ย. 2563 รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์ประจำหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “จับกระแสรัฐประหาร กฎอัยการศึก”
โดย ดร.พิชาย กล่าวว่า วันที่ 17-18 พ.ย. ที่ผ่านมา เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงมากของรัฐบาล ทำให้ปัญหาลุกลามต่อเนื่องมาจนวันนี้ ข้อเรียกร้องของม็อบต้องการให้สภารับร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาน ซึ่งไม่มีข้อจำกัดในการยกร่างใหม่ มันเป็นประเพณีในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทุกครั้ง ไม่มีการกำหนดห้ามแตะหมวด 1-2 มีแต่ครั้งนี้แหละที่เขียน พอไปรับร่างฝ่ายค้าน กับฝ่ายรัฐบาล ที่ไม่พิจารณาหมวด 1-2 ก็ไม่เกิดเวทีในการพูดคุย เรื่องราวก็ปะทุมากขึ้นนอกสภา
รับไปก่อนวาระ 1 วาระ 2 ค่อยมาคุยกันถึงขอบเขต แต่พอปิดมันก็ไม่มีช่องทางในระบบ ทำให้ความขัดแย้งบานปลาย ส.ส.ร่วมรัฐบาล และ ส.ว. ต้องรับผิดชอบ ทั้งที่โหวตคัดค้าน และที่งดออกเสียง หวังลอยตัวเหนือความขัดแย้ง แต่มันทำให้ร่างตก
ถ้าสภารับหลักการ สิ่งที่ตามมา ม็อบอาจพักชุมนุมไปช่วงหนึ่ง เพื่อรอติดตามในสภา หรืออาจส่งคนไปร่วมในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญก็ได้
ดร.พิชาย กล่าวอีกว่า กรรมการสมานฉันท์ที่ตั้งขึ้นมานั้น ดันตั้งหลังจากที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนตกไปแล้ว มันเหมือนตบหน้าผู้ชุมนุม แล้วจะให้เขาร่วมมือได้อย่างไร แล้วกรรมการชุดนี้ยอมรับหรือเปล่าว่าปมขัดแย้งจริงๆ คืออะไร ถ้าไม่ยอมรับมันก็แก้ปัญหาความขัดแย้งไม่ได้ ถ้ายอมรับก็มานั่งเจรจากัน โอกาสประนีประนอมมันก็เกิดขึ้นได้
นักการเมืองวิสัยทัศน์แคบ พยายามสร้างวาทกรรมกล่าวหาว่าม็อบล้มเจ้า ตนติดตามมาไม่มีลักษณะล้มเจ้าเลย คนที่ใช้วาทกรรมนั้น อาจไม่ได้คิดมาก แค่พูดตามๆ กันไป หรืออาจมีผลประโยชน์บางอย่าง การใช้วาทกรรมแบบนั้นไม่มีประโยชน์อะไร ไม่เกิดการสร้างสรรค์ เพราะสรรพสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลง
ดร.พิชาย กล่าวถึงโอกาสในการรัฐประหาร ว่า ถ้าเกิดขึ้นจะเป็นการผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงอีกครั้ง นำไปสู่วิกฤตร้ายแรงยิ่งขึ้น หากจะทำ ทำได้อยู่แล้ว แต่จะสำเร็จหรือไม่ ในอดีตโอกาสสำเร็จ 70-80 เปอร์เซ็นต์ แต่ปัจจุบันคนไม่ยอมรับรัฐประหารมีมากขึ้น โอกาสไม่สำเร็จมีสูง ถ้าไม่สำเร็จคนทำก็เป็นกบฏ หากทำสำเร็จก็จะถูกประณามจากนานาชาติ พาประเทศแย่ลงไปอีก การรัฐประหารไม่ใช่ทางออกอีกแล้ว
ส่วนทางออก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องยอมรับตัวเองก่อน ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ก็ต้องเห็นว่าตัวนายกฯ สร้างปัญหา ควรถอนตัวจากรัฐบาล ควรปลดเงื่อนไขเอา พล.อ.ประยุทธ์ ออกไป เพื่อหานายกฯคนใหม่ โดยอาศัยกลไกรัฐสภา
ดร.พิชาย กล่าวว่า การประกาศกฎอัยการศึก ตอนปี 57 ยังใช้ได้ผล เพราะคะแนนความนิยม คสช. ยังสูง แต่ปัจจุบันไม่คิดว่าเด็กจะกลัว จะจับกุมคนเป็นหมื่นเป็นแสนได้หรือ กฎอัยการศึกจะถูกท้าทาย ไม่มีประโยชน์ ประกาศใช้มาก็เสียของเปล่าๆ ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าการใช้ความรุนแรงมันไม่ได้ผลแล้วในปัจจุบัน