“วิษณุ” ระบุยกเลิกเคอร์ฟิวฟังกฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องฟังหมอด้วย ยกในบรรดากฎหมายพิเศษพ.ร.ก.ฉุกเฉินเหมาะสุดกับป้องกันโควิด-19
วันนี้ (10 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.) เสนอที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า ตนไม่ทราบ เขาคุยกันวันนี้และคงนำเรียนนายกรัฐมนตรีในวันที่ 11 มิ.ย. จากนั้นคงมาเล่าให้ตนฟัง ตอนนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด ส่วนจะได้หรือไม่นั้น ด้านที่พิจารณาอยู่ขณะนี้คือทางกฎหมาย แต่ต้องฟังทางด้านสาธารณสุขและแพทย์ด้วย นักกฎหมายก็ดี ใครก็ดีไปตัดสินไม่ได้ ต้องฟังคณะแพทย์ ส่วนข้อเสนอที่จะให้เปิดสนามมวยนั้นอาจจะเป็นรูปแบบการจัดชกแล้วให้มีการถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ซึ่งไม่เป็นไร หากคิดว่าเหมาะสมสามารถเสนอได้
นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนคำถามที่สื่อถามอยู่ทุกวันคือ การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ และเหมือนที่ตนเคยบอกมาตลอดว่าเรามี พ.ร.บ.โรคติดต่อเป็นหลักอยู่ และยังมี พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ร.บ.ระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งเป็นกฎหมายปกติที่เราใช้ก่อนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็กลับมาใช้กฎหมายปกติ หากมีช่องโหว่และช่องว่างก็ต้องเรียนรู้และแก้ปัญหา ส่วนการใช้มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ปิดช่องโหว่ได้แค่บางส่วน เช่น การบูรณาการระหว่างจังหวัดที่ติดกัน แต่จะไปถึงขนาดกำหนดเคอร์ฟิวไม่ได้ ที่สุดแล้วเรื่องนี้คงออกได้ 3 แนวทาง คือ คง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้, ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ผ่อนคลายมาตรการหลายอย่างออกไป อย่างไรก็ตาม หากเราเลิก พ.ร.ก.ไป แล้วสถานการณ์รุนแรงก็ประกาศใหม่ ไม่ได้ยากอะไร
เมื่อถามว่า ไม่มีกฎหมายพิเศษอื่นที่สามารถรองรับสถานการณ์เช่นนี้ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า มี แต่หนักกว่า คือ กฎอัยการศึก ซึ่งประกาศไม่ได้ และ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แต่เหตุที่จะประกาศไม่ใช่โรคระบาด ต้องเป็นเรื่องสู้รบปรบมือ ส่วนกฎหมายพิเศษที่เบากว่านี้ไม่มี จะก็มีแต่กฎหมายปกติคือ พ.ร.บ.โรคติดต่อ