อดีตรองอธิการบดี มธ. เผย ข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ของกลุ่มม็อบก่อให้เกิดผลกระทบทางจิตใจและทางความคิดของคนไทยในวงกว้าง แนะ อาจารย์ 105 ท่าน เปิดใจฟังขอเรียกร้องของผู้ชุมนุม ผิดกฎหมายชัดเจน ย้ำ ไม่เชื่อ ไม่มีกลุ่มหนุนหลังม็อบปลดแอก หวั่น ซ้ำรอย 6 ตุลา
จากกรณีที่กลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดยสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) แนวร่วมกลุ่มเยาวชนปลดแอก จัดการชุมนุมที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ปรากฏว่า ในช่วงท้ายของการชุมนุมมีการเปิดคลิปของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง และมี น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง โฆษกสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ประกาศแถลงการณ์ “ประกาศกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 1” มีข้อเรียกร้องทั้งหมด 10 ข้อ ซึ่งแต่ละข้อล้วนพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ กระทั่ง นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต ต้องประกาศขออภัยที่เนื้อหาการชุมนุมเลยขอบเขตไป ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมา ได้มีกลุ่มอาจารย์จำนวน 105 คน ออกแถลงการณ์สนับสนุนการจัดเวทีชุมนุม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” รวมถึงการปราศรัย ณ ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ระบุว่า การปราศรัยดังกล่าวเป็นการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นอย่างสุจริต และเป็นไปตามขอบเขตของกฎหมาย ดังบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 34 สอดคล้องกับหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐไทยให้พันธกรณีอย่างกติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ก็รับรองเสรีภาพในการแสดงออกภายใต้ข้อ 19 จึงมีความเห็นว่าการแสดงออกครั้งนี้ เป็นการแสดงออกตามครรลองของกฎหมาย บนหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย
ล่าสุด วันนี้ (14 ส.ค.) รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr เกี่ยวกับข้อเรียกร้อง 10 ข้อของกลุ่มผู้ชุมนุม ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อให้เกิดผลกระทบทางจิตใจและทางความคิดของคนไทยในวงกว้างอย่างมหาศาล โดย รศ.หริรักษ์ ได้ระบุข้อความว่า
“ข้อเรียกร้อง 10 ข้อ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ จากการชุมนุม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” และข้อความที่แกนนำการชุมนุมปราศรัย และแสดงออกบนเวทีที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ก่อให้เกิดผลกระทบทางจิตใจและทางความคิดของคนไทยในวงกว้างอย่างมหาศาล
ในกลุ่มไลน์ต่างๆ ที่สังเกตเห็น แม้ในกลุ่มที่สมาชิกอยู่ในวัยใกล้กัน แต่ความคิดก็ยังแบ่งออกเป็น 2 ทาง ทางหนึ่งคือ เห็นว่าการแสดงความคิดเห็นของแกนนำม็อบ ไม่ถือเป็นการจาบจ้วง เพราะเป็นการแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา เป็นการแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพที่มีตามรัฐธรรมนูญ อีกฝ่ายเห็นว่าเป็นการจาบจ้วง ผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง
หากแสดงความคิดเห็นกันเฉยๆ ก็คงไม่เป็นไร แต่พอโต้ตอบกันไปมาก็เริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ จนไม่แน่ใจว่าหากได้พบกันจะมองหน้ากันได้หรือไม่
นี่คือความแตกแยกอีกแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
แถลงการณ์ที่ลงนามโดยบรรดาอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ 105 คน ภายหลังบอกมี 120 คน ให้การรับรองว่าการปราศรัยและการแสดงออก รวมทั้งข้อเรียกร้อง 10 ข้อต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการแสดงออกตามครรลองของกฎหมาย บนหลักพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย
ในขณะที่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เขียนไว้ดังนี้
“ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกระหว่าง 3 ปี ถึง 15 ปี”
และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ระบุว่า
“ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
อยากให้คนที่เถียงกันอยู่กันในขณะนี้ ไปดูคลิปการปราศรัยของแกนนำทุกคนในวันนั้น ฟังนาย อานนท์ นำภา ฟังนาย ภานุพงศ์ จาดนอก และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” ฟังให้จบรวมทั้งอ่านข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้ง 10 ข้อ โดยเฉพาะข้อ 7 ข้อ 8 และ 9 จากนั้นให้พิจารณาด้วยใจเป็นธรรม
หากจะบอกว่าไม่ควรไปดำเนินคดีกับผู้ปราศรัย หรือแกนนำ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หากบอกว่าที่ทำไปนั้นไม่ผิดกฎหมาย คงไม่ใช่
หากจะบอกว่าการชุมนุมเกิดจากความไม่พอใจของเยาวชนที่คุกรุ่นมานานแล้วมาประทุเอาตอนนี้
แน่นอนว่าคนที่มาร่วมชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจย่อมต้องมี
แต่หากจะบอกว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่ได้ทำเป็นขบวนการ ไม่มีใครวางแผนและสนับสนุนในทุกด้านอยู่เบื้องหลัง นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้
จะอย่างไร คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศยังคงเห็นความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่ต้องการให้ใครไปดูหมิ่น จาบจ้วงล่วงละเมิดพระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะพระองค์ใดก็ตาม
อย่าดึงดันจนทำให้เกิดความรุนแรงเหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลา อีกเลยครับ