“คณิต” ชี้ อัยการสูงสุดยุคก่อนสั่งฟ้อง “บอส อยู่วิทยา” ไปแล้ว-เปลี่ยนไม่ได้ ซัดรอง อสส.ทำผิดชัดเจน

“คณิต ณ นคร” อดีตอัยการสูงสุด เห็นตาม “สนธิ ลิ้มทองกุล” คดี “บอส อยู่วิทยา” อัยการสูงสุดยุค “พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร” สั่งฟ้องไปแล้ว เปลี่ยนคำสั่งไม่ได้ รองอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้องที่หลัง ทำผิดกฎหมายชัดๆ ชี้ การร้องขอความเป็นธรรม อัยการสูงสุดต้องสั่งเท่านั้น

วันนี้ (8 ส.ค.) รายงานข่าวจากสำนักข่าวอิศรา ระบุว่า นายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด กรรมการกฤษฎีกา ที่ปรึกษาคณะนิติศาสตร์ ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ความรับผิดชอบของอัยการในการสั่งคดี” ในการเสวนาหัวข้อ การตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้องคดี ปัญหาอยู่ตรงไหน? คนหรือระบบ? ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา

ในตอนหนึ่งระบุว่า ในยุคของตนไม่มีโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้บริหารต้องรอบรู้ทั้งหมด ดังนั้น ตนต้องรู้ความเป็นไปของอัยการ ระเบียบอัยการสูงสุดเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะว่าผู้บริหารจะพัฒนางานได้ จะต้องมีนโยบาย ตนก็ประกาศเป็นนโยบายออกไป การเป็นอัยการสูงสุดไม่ได้เป็นได้โดยง่าย การเป็นอัยการที่ดีนั้นยาก ยิ่งเป็นอัยการสูงสุดยิ่งยาก ต้องผ่านการตรวจสอบโดยคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) และเสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แต่ในสมัยหลังไม่ใช่แบบนี้ เดิมเมื่อ ก.อ. อนุมัติแล้ว ต้องส่งไปรัฐสภาด้วย ถ้ารัฐสภาเห็นว่าไม่ถูกต้องก็ต้องเพิกถอน ดังนั้น การเป็นอัยการสูงสุดไม่ง่าย

นายคณิต กล่าวถึงคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทกระทิงแดง ผู้ต้องหาคดีขับรถหรูเฟอร์รารี ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ ว่า เท่าที่ฟังรายการ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ระบุว่า ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดในขณะนั้น ได้สั่งฟ้องไปแล้ว แล้วคนอื่นจะเปลี่ยนคำสั่งได้อย่างไร ซึ่งอำนาจของอัยการสูงสุดต้องสั่ง อัยการอื่นจะทำได้ต่อเมื่ออัยการสูงสุดมอบให้ทำงาน อำนาจการสั่งคดีเป็นอำนาจของอัยการสูงสุด คดีนายบอสเมื่ออัยการสูงสุดสั่งฟ้องแล้ว คนอื่นจะมาแตะไม่ได้

“ถ้ามีอะไรต้องไปหารือกับอัยการสูงสุดที่จะเป็นผู้ออกคำสั่งแต่เพียงผู้เดียว แต่กรณีนี้ ผมเห็นตามข่าว รองอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง เขาทำผิดกฎหมายชัดๆ” นายคณิต กล่าว

ส่วนที่อ้างทำตามระเบียบในประเด็นการขอความเป็นธรรมนั้น นายคณิต กล่าวว่า เดิมตนเป็นคนริเริ่มทำระเบียบเรื่องการยื่นขอความเป็นธรรมไว้ ว่า เมื่อมีการเสนอขอความเป็นธรรมขึ้นมา อัยการสูงสุดเท่านั้นต้องเป็นผู้สั่ง ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคดีนี้ ถือว่าผิดกฎหมาย

“ระบบของเรา อำนาจสั่งคดี เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด เมื่ออัยการสูงสุดคนนี้ได้รับการอนุมัติแต่งตั้งโดยสภา ต้องไปหาข้อเท็จจริง ว่าที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล พูดถูกต้องหรือไม่ รัฐบาลต้องเทกแอคชันเพื่อให้ระบบกระบวนการยุติธรรมเราเป็นที่เชื่อถือศรัทธาต่อไป” นายคณิต กล่าว

ในช่วงท้ายการบรรยาย มีผู้ถามคำถามว่า เมื่อมีดุลพินิจที่ไม่นำข้อเท็จจริงใดเข้าสู่สำนวน ข้อเท็จจริงนั้น จะถือเป็นพยานใหม่ได้หรือไม่ นายคณิต กล่าวว่า “หลักฐานใหม่ต้องไม่เคยปรากฏมาก่อน”

นายคณิต ยังกล่าวถึงกรณีการแถลงข่าวของสำนักงานอัยการสูงสุด เรื่องผลพิจารณาของคณะทำงาน กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า การแถลง เป็นการแถลงป้ององค์กรของตนเอง ฟอกขาว ผู้บริหารของสำนักงานอัยการสูงสุดปัจจุบัน ไม่เวิร์ก ปกติแล้วคดีใหญ่ ตนจะลงมาดูเอง

ยกตัวอย่างกรณีคดีอื่นๆ อาทิ คดีฆาตกรรมชาวต่างชาติที่เกาะเต่า คนที่เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติ คนผิดเป็นชาวเมียนมา คดีนี้ตามหลักแล้ว ผู้บริหารของสำนักงานอัยการสูงสุด ต้องลงไปดู ขณะนั้น เมื่อนายกรัฐมนตรีของไทยไปเยือนเมียนมา นางอองซาน ซูจี เรียนต่อนายกฯ ว่า ให้ช่วยมอบความยุติธรรมแก่ชาวเมียนมาที่ถูกกล่าวหาด้วย

คดีเกาะเต่าเป็นเรื่องระหว่างประเทศ แต่อัยการไม่ทำงาน รวมถึงเหตุการณ์ที่ยิงเสือดำตายในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ว่า จริงๆ แล้วอัยการสูงสุดต้องลงมาดูด้วยตนเอง คดีใหญ่ๆ อัยการสูงสุดต้องมาดู หลังจากตนพ้นตำแหน่งไปแล้ว อัยการก็ดิ่งเหว คนเป็นอัยการต้องมีความกล้าในการที่จะทำงาน




อ่านประกอบ : [คำต่อคำ] SONDHI TALK special : อัยการแถลง สนธิถาม ยังมีที่สำคัญอีกมาก ที่ไม่ยอมพูด