อนุฯ ปราบโกงแจมด้วย จ่อเชิญตำรวจ-อัยการแจงคดี “บอส วรยุทธ” ชี้ทำกระบวนการยุติธรรมเสื่อม ชวนติด #ดุลพินิจลอดช่อง เปลี่ยนแปลงระบบยุติธรรม
วันนี้ (7 ส.ค.) เมื่อวันที่ 7 ส.ค.เวลา 10.45 น. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการคณะที่ 2 ในคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายคริส โปตระนันทน์ และนายธีรเศรษฐ พัฒน์สราพงศ์ อนุกรรมาธิการ ร่วมกันแถลงผลการประชุมอนุกรรมาธิการเกี่ยวกับกรณีคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส กระทิงแดง โดยนายธีรัจชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายองค์กรรวมถึงภาคประชาชนได้ตรวจสอบถึงความไม่ชอบมาพากลในคดีนี้ หลังจากนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้อง และทางตำรวจมีความเห็นไม่แย้งทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยในกระบวนการยุติธรรมของไทยว่าเกิดอะไรขึ้น ยังสามารถเป็นที่พึ่งพิงให้ประชาชนต่อไปหรือไม่ หรือจะเป็นไปตามวลีที่ว่าคุกมีไว้ขังคนจนเท่านั้น คนรวยมีทางออกเสมอ ทั้งนี้หลายหน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริง และกดดัน แต่อนุกรรมาธิการคณะ 2 เราจะตรวจสอบเพื่อหาผู้กระทำความผิดต้องรับผิดชอบ ว่าอยู่ที่ต้นน้ำ คือตำรวจ หรือกลางน้ำ คืออัยการ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสงสัยมาก ทั้งประเด็นความเร็วรถ การที่ตรวจสั่งฟ้อง 3 ข้อหาจาก 5 ข้อหา อัยการสั่งฟ้อง 4 ข้อหา ยกเว้นคดีเมาสุรา โดยไม่มีการพูดถึงคดียาเสพติด รวมถึงกรรมาธิการ สนช.มีส่วนผลักดันให้มีการช่วยเหลือหรือไม่ อย่างไร ยังไม่รวมถึงกรณีการเสียชีวิตของพยานใหม่ในคดี
นายธีรัจชัยกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ อนุกรรมาธิการคณะ 2 ตั้งประเด็นสอบไว้ว่าการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธของนายเนตร 1. ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 2. การทำคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนช่วยเหลือหรือแก้ไขอะไรหรือไม่ ทั้งนี้ อนุกรรมาธิการจะดำเนินการตรวจสอบให้ถึงที่สุด เพื่อหาผู้กระทำความผิดว่ามีผลประโยชน์หรือไม่การทุจริตอื่นใดให้ถึงที่สุด อย่างไรก็ตามทางอนุกรรมาธิการจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับดคีดังกล่าวมาชี้ในการประชุมครั้งต่อไป
ด้านนายคริสกล่าวว่า ขอลงลึกในส่วนของความเห็นแย้งทางอัยการ โดยนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ที่มีความยืนยันว่าคดีนี้อดีตอัยการสูงสุด ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร เคยสั่งให้ยุติไม่รับเรื่องแล้ว ดังนั้นไม่ทราบว่านายเนตร ที่สั่งคดีไม่ฟ้อง ได้รับความมอบหมายจากอัยการสูงสุดหรือไม่ หรือกระทำการส่วนตัว ซึ่งอาจเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่สำคัญกรณีการร้องขอความเป็นธรรมตามระเบียบสำนักงานอัยการ ข้อ 48 ระบุว่า การร้องขอความเป็นธรรม กรณีจะมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทุกข้อหาหรือบางข้อหาต้องเสนอพร้อมสำนวนและความเห็นตามลำดับชั้นถึงอธิบดีเพื่อพิจารณา
ขณะที่นายธีรเศรษฐกล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นี้อาจเรียกได้ว่าเป็นปรากฎการณ์การใช้ดุลพินิจทางกฎหมาย หรือดุลพินิจลอดช่อง เพื่อให้สอดคล้องกับระบบวีไอพี จนเป็นที่มาของวลีคุกมีไว้ขังคนจน เพราะคนจนไม่มีโอกาสได้ต่อสู้ ระบบลอดช่องจึงเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมขึ้นในสังคมและความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม เพราะฉะนั้นจึงขอให้ร่วมกันติด “#ดุลพินิจลอดช่อง” เพื่อร่วมกันสะท้อนภาพ และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการยุติธรรม