“อรรถพล” ประธาน ก.อ. ถกอัยการสูงสุด หาทางออก ประเด็นสั่งไม่ฟ้อง“บอส-วรยุทธ” เตรียมเชิญ อดีตอัยการสูงสุด และ รอง อสส.สอบสวนดุลพินิจ “เนตร นาคสุข” รองอัยการสูงสุด ด้าน “อัยการปรเมศวร์” งง นายกฯไม่โอเคเรื่องอะไร
วันนี้ (7 ส.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ได้เข้าพบ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการเพื่อหารือกรณีที่ นายอรรถพล ได้ทำหนังสือบันทึกข้อความถึงอัยการสูงสุดในประเด็นเรื่องการร้องขอความเป็นธรรมที่ นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังถูกต้องตามข้อกฎหมายหรือไม่
นายอรรถพล ประธาน ก.อ.กล่าวว่า ประเด็นที่มีการพูดคุยเป็นเรื่องที่ตนทำความเห็นว่าเรื่องร้องขอความเป็นธรรมที่สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาของนายเนตรนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อัยการสูงสุดจึงตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาความเห็นของตนในฐานะประธานก.อ.ที่ยื่นส่งไป พร้อมให้คณะทำงานที่มี นายไพบูลย์ ถาวรวิจิตร รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ได้บันทึกข้อความถ้อยคำถึงเหตุผลในบันทึกข้อความที่ตนยื่นถึงอัยการสูงสุด นอกจากนี้ ตนยังได้พูดคุยกับ นายวงศ์สกุล อัยการสูงสุด ถึงข้อกฎหมายที่ตนเสนอถึง และเข้าใจกันว่า ในประเด็นที่คำสั่งของนายเนตรจะไม่ชอบ และมีผลให้คำสั่งฟ้องผู้ต้องหาของอธิบดีอาญากรุงเทพใต้ ในขณะนั้นมีผลสมบูรณ์ เพราะคดีนี้ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร มีคำสั่งยุติคำร้องขอความเป็นธรรมไปแล้ว แต่เพื่อให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นในเรื่องประเด็นความเร็วของรถยนต์ก็เห็นควรที่จะมีการสอบสวนเพิ่มเติมโดยที่อัยการสูงสุดจะมีคำสั่งสอบสวนโดยให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลางของตำรวจและสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ของ กระทรวงยุติธรรมทำการพิสูจน์ความเร็วรถยนต์ของผู้ต้องหาจากพยานหลักฐานที่มี โดยจะให้มีการเชิญผู้เชี่ยวคนกลางอย่าง ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ร่วมพิสูจน์ความเร็วเพื่อให้ได้ผลที่น่าเชื่อถือด้วย
นายอรรถพล กล่าวว่า การพูดคุยกับ นายวงศ์สกุล อัยการสูงสุด เป็นไปด้วยความสบายใจไม่มีความขัดแย้ง และเข้าใจกันดีมาโดยตลอด เราคุยกันว่าประชาชนจะยังมีความแคลงใจว่าจะมีการฟอกขาวเพื่อช่วยเหลือใครหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนในฐานะประธาน ก.อ.และอัยการสูงสุดคุยกันว่า ควรที่จะจัดแถลงข่าวด้วยตนเอง และมีแผนที่จะเรียนเชิญ อดีตอัยการสูงสุด และอดีต รองอัยการสูงสุดมาเป็นกรรมการสอบการใช้ดุลพินิจของ นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ที่มีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ เพื่อพิจารณาว่าจะตั้งกรรมการสอบวินัยหรือไม่ โดยกรรมการที่เตรียมจะเชิญมานี้จะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่อัยการและประชาชนเห็นชื่อจะต้องเชื่อถือ โดยเรื่องนี้ทางนายวงศ์สกุล อัยการสูงสุด จะนำไปพิจารณาต่อไป ซึ่งการเรียนเชิญอดีตอัยการสูงสุดและอดีตรองอัยการสูงสุด จะทำในรูปแบบไหน ก็จะต้องรอผลการประชุม ก.อ.ในวันที่ 18 ส.ค.และรอดูต่อไปว่าเราจะเรียนเชิญใครมาสอบสวนเรื่องนี้ แต่ย้ำว่าเป็นคนที่อัยการและประชาชนจะต้องเชื่อถือแน่นอน
“วันนี้ได้นั่งปรึกษากันใช้เวลา 1 ชั่วโมงกว่า ตอนแรกเรานั่งคุยกัน 2 คนก่อน แล้วจึงได้เรียก รองอัยการสูงสุดและคณะทำงานเข้ามาบันทึกปากคำ ประธาน ก.อ. การคุยครั้งนี้ไม่ใช่การเคลียร์ใจเพราะเราเห็นตรงกันมาตลอด ต่างคนต่างรักองค์กร” ประธาน ก.อ.กล่าว
วันเดียวกัน นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการคดีอาญาธนบุรี กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความเห็นถึงคดีทายาทเครื่องดื่มชูกำลังว่า ผมไม่โอเค กับหลายเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน และต้องการให้มีความโปร่งใส จะติดตามเรื่องอย่างใกล้ชิดและจะดำเนินการหลังจากเห็นข้อสรุปของคณะกรรมการที่ตนเองตั้งขึ้นว่า
เรื่องนี้ต้องถามว่าไม่โอเคตรงไหนจะได้ตอบไปได้ ที่คณะทำงานอัยการดำเนินการไปตามที่ได้รับมอบหมาย เราเพียงแต่บอกว่านายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด มีอำนาจสั่ง และสั่งด้วยเหตุผลอย่างไร เราไม่ได้บอกว่า นายเนตร สั่งถูกต้องหรือไม่ แต่เราเสนออัยการสูงสุดไปว่าหลังจากนี้เป็นเรื่องของอัยการสูงสุดที่จะต้องไปพิจารณาดำเนินการตาม พ.ร.บ.ระเบียบฯข้าราชการฝ่ายอัยการ ถ้าอัยการสูงสุดเห็นว่าคำสั่งของ นายเนตร นาคสุข ไม่ถูกต้อง ก็ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยถ้าเห็นว่าผิดวินัย หรือนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธาน ก.อ.จะสามารถนำเรื่องนี้เสนอในที่ประชุม ก.อ.ก็ทำได้ คณะทำงานเพียงแต่ดูว่ามีอำนาจสั่งคดีหรือไม่ ซึ่งก็พบว่านายเนตรมีอำนาจสั่ง เพราะสั่งคดีในฐานะรองอัยการสูงสุดผู้รับผิดชอบ และสั่งโดยพยานหลักฐานเท่าที่ปรากฏในสำนวนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องที่นายกฯพูดถึงคือเรื่องดุลพินิจของอัยการและตำรวจใช่หรือไม่ ที่นายกฯอาจยังไม่โอเค ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ตนต้องตอบ เพราะเรื่องการใช้ดุลพินิจชอบหรือไม่คณะทำงานไม่ได้มีอำนาจวินิจฉัย
เมื่อถามว่า ก่อนคณะทำงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวหรือไปชี้แจง กมธ. อัยการสูงสุดได้ให้นโยบายหรือกำชับอะไรหรือไม่
นายปรเมศวร์ กล่าวว่า ไม่ได้สั่งการใดๆ ไว้ พวกตนเป็นอิสระ อัยการสูงสุดเพียงแต่มอบหมายว่าให้สอบแค่เรื่องอะไร พวกตนก็ทำแค่นั้น เราแค่สอบว่า นายเนตร นาคสุข สั่งโดยพลการหรือไม่ ในที่ประชุมถกเถียงกันตั้งหลายวันว่าเราจะทำแค่ไหนจะพิจารณาดุลพินิจหรือไม่ สุดท้ายก็ไม่ได้พิจารณาแต่เราก็ติดไว้ท่อนท้ายในความเห็นของคณะทำงานว่า เรื่องที่ต่อจากนี้ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการอัยการ นั่นแปลว่า ถ้าหลังจากนี้มีใครเห็นว่า นายเนตร นาคสุข ใช้ดุลพินิจไม่ถูกต้องไม่ละเอียดรอบคอบ ก็ไปว่ากันในเรื่องการตั้งกรรมการสอบสวนวินัย นั่นคืออีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามว่า ที่นายกรัฐมนตรี จะดำเนินการได้คืออะไร นายปรเมศวร์ ตอบว่า เรื่องปรับปรุงกฎหมาย หรือสั่งให้อัยการสูงสุดดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ตาม พ.ร.บ.องค์กรอัยการ ส่วนจะมีอำนาจสั่งการอัยการสูงสุดได้หรือไม่นั้นต้องไปดูระเบียบบริหารราชการแผ่นดินว่าอำนาจนายกรัฐมนตรีน่าจะมีตรงนี้อยู่หรือไม่ แต่ควรจะต้องดูว่าในการประชุม ก.อ.วันที่ 18 ส.ค. จะมีการพูดเรื่องนี้กันหรือไม่ “ที่นายกฯไม่โอเคเรื่องอะไรผมไม่ทราบ” นาย ปรเมศวร์ กล่าว