xs
xsm
sm
md
lg

ศบค.ย้ำคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่มีใครได้เครดิต วอน “ภาครัฐเข้มข้น-เอกชนเข้มแข็ง-ประชาชนร่วมแรง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โฆษก ศบค. เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่วันนี้ 3 ราย มาจาก State Quarantine แต่สถานการณ์โดยรวมเกือบจะดีขึ้น แจงไม่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะที่ผ่านมาไม่ได้บูรณาการ จึงรวบอำนาจเพื่อจัดการควบคุมโรค ไม่มีใครได้เครดิตหรือความดีความชอบ ย้ำภาครัฐเข้มข้น เอกชนเข้มแข็ง ประชาชนร่วมแรง ประเทศจะได้ไปต่อ

วันนี้ (26 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงข่าวสถานการณ์ประจำวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ในวันนี้ 3 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,045 ราย ใน จังหวัด หายป่วยแล้ว 1 ราย หายป่วยสะสม 2,929 ราย รักษาอยู่ 59 ราย เสียชีวิต 0 ราย สะสมรวม 57 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ หญิงไทยอายุ 51 ปี พนักงานนวด กลับมาจากประเทศรัสเซีย เข้าพัก State Quarantine ที่ จ.ชลบุรี ส่วนอีกสองรายเป็นชายไทย 45 ปี กลับมาจากประเทศคูเวต เข้าพัก State Quarantine ที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งระบบดูแลได้ดี การเข้าสู่พื้นที่กักกันตรวจพบเป็นระยะๆ ถือเป็นขั้นตอนที่จำเป็น ซึ่งยอดสะสมทั้งประเทศ อัตราผู้ป่วยสะสมเกือบทั้งประเทศลดลงเกือบจะดีขึ้น แต่กำลังเข้าสู่มาตรการผ่อนคลายระยะที่สาม กิจการและกิจกรรมที่มีความเสี่ยงปานกลางถึงสูงจะอนุญาตให้ดำเนินการ แต่ต้องมีมาตรการหลัก 5 ข้อ

ส่วนสถานการณ์โลก ผู้ป่วยยืนยันสะสม 5,588,356 ราย รักษาตัว 53,167 ราย รักษาหายแล้ว 2,365,125 ราย เสียชีวิต 347,873 ราย สหรัฐอเมริกายังเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาบราซิล รัสเซีย แต่สเปนมีติดลบเนื่องจากมีการคลีนข้อมูล ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 77 ส่วนบังกลาเทศมี 1,975 ราย สิงคโปร์มี 344 ราย ญี่ปุ่น 31 ราย ประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ ที่สหรัฐฯ พบการระบาดโควิด-19 จากร้านทำผมในเมืองสปริงฟิลด์ รัฐมิสซูรี สอบสวนพบช่างผมป่วยตั้งแต่ 12 พ.ค. แต่รับลูกค้าทั้งหมด 91 ราย ช่างคนที่สองมีอาการป่วยทำงานต่อเนื่อง 5 วัน รับลูกค้า 56 คน พนักงานอีก 7 คน รวมผู้มีความเสี่ยง 154 คน, แพทย์สหรัฐอเมริกา (อีริค เจฟฟรีย์ โพทอล) ยกไทยติด 1 ใน 5 ประเทศคุมโควิด-19 สำเร็จ เช่นเดียวกับ นิวซีแลนด์ ไอซ์แลนด์ ไต้หวัน เวียดนาม, เฟซบุ๊ก ให้พนักงานทำงานที่บ้าน 50% ของพนักงาน ภายใน 5-10 ปี เช่นเดียวกับทวิตเตอร์

เที่ยวบินนำคนไทยที่ตกค้างกลับไทย 26 พ.ค. มี 4 เที่ยวบิน 386 คน พรุ่งนี้อีก 4 เที่ยวบิน 401 คน มาจากอินโดนีเซีย ฮ่องกง แคนาดา เนเธอร์แลนด์ ส่วนคนไทยเดินทางกลับเข้าประเทศผ่านจุดผ่านแดนทางบก พบตัวเลขลดลงจากโควตาวันละ 350 คน แต่ต้องวางแผนเพราะโรงแรมไม่เพียงพอ ต้องใช้โรงเรียนเป็นที่พักแต่โรงเรียนจะเปิดเทอมแล้ว วอนคนไทยที่จะกลับจากมาเลเซีย แนะให้ติดต่อสถานทูต

ผู้เข้ากักกันใน State Quarantine และ Local Quarantine สะสม 26,095 ราย ผู้กลับบ้านสะสม 16,600 ราย ผู้เข้ากักกันปัจจุบัน 9,495 ราย ติดเชื้อเข้าโรงพยาบาล 108 ราย ถ้าไม่มีการคัดกรอง กระจายไปทั่วประเทศจะเกิดอะไรขึ้น จึงต้องขอบคุณผู้เสียสละทำงานทุกภาคส่วน สามารถคัดกรองผู้ที่ป่วยระบบที่เราดี และเมื่อแยก State Quarantine ออกมา พบมาเลเซียมากที่สุด 12,774 ราย รองลงมา อินเดีย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่วนทางด่านชายแดน สะสมรวม 14,212 ราย พบด่านมาเลเซีย 12,580 ราย พบผู้ติดเชื้อสะสม 1 ราย เมียนมา 732 ราย ลาว 531 ราย กัมพูชา 369 ราย

ส่วนการใช้งานไทยชนะดอตคอม พบกิจการ/กิจกรรมที่ลงทะเบียน 111,691 ราย จำนวนผู้ใช้งาน 12,845,612 คน การเข้าใช้งานเช็กอิน 31.15 ล้านครั้ง แต่ต่างกับเช็กเอาท์ ส่วนชุดตรวจตามมาตรการผ่อนคลาย จำนวน 22,226 ครั้ง

ช่วงตอบคำถาม เมื่อถามว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไม่มาก มี พ.ร.บ.โรคติดต่ออยู่แล้ว ทำไมไม่ยกเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้แจงว่า ก่อนการมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ มีการติดต่อกับกระทรวงต่างๆ เชื้อมาจากต่างประเทศ การสั่งการผ่านกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งทำไม่ได้ดี แต่หลังออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีการรวมกฎหมายกว่า 40 ฉบับ ทำให้เห็นการบูรณาการกัน ทางด้านคมนาคม กลาโหม มหาดไทย ตม. การมีหน่วยงานประชุมกันมีผู้นำ 1 คน ผ่านศูนย์ปฏิบัติการด้านความมั่นคง ถึงได้เกิดภาพนี้ขึ้นมา ส่วนเรื่องหน้ากากอนามัย แม้มีโรงงานและผู้ผลิตแต่มีสัญญาไปต่างประเทศ ต้องมีการบูรณาการทำให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมใช้ในประเทศ พ.ร.บ.โรคติดต่อไม่สามารถใช้ได้ ยังมีอีกหลายเรื่องมีศูนย์ปฏิบัติการและการเชื่อมโยงต่างๆ เช่น การนำคนไทยกลับบ้าน การคมนาคม โรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้น ต้องจัดการควบคุมคนให้ได้อย่างดี จึงรวบอำนาจเพื่อจัดการเบ็ดเสร็จควบคุมโรคให้ได้โดยใช้กลไกของรัฐ จากเดิมต่างคนต่างทำ ต้องมาทำตรงนี้กันอยู่ ถือเป็นความสำเร็จ

“ช่วงเวลานี้ไม่ได้มีใครได้เครดิตหรือความชอบอย่างเดียว ภาครัฐต้องเข้มข้น เอกชนต้องเข็มแข็ง ประชาชนร่วมแรงกัน ประเทศไทยจะได้ไปต่อ ปัจจุบันกิจการเปิดแล้ว เอกชนก็ต้องช่วยกัน ประชาชนต้องร่วมแรงใจกัน ถึงจะชนะกับการต่อสู้กับโควิด-19” นพ.ทวีศิลป์ ระบุ










































กำลังโหลดความคิดเห็น