MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7
(สรุปข่าวประจำวันที่ 10-17 พ.ค. 2563)
อันดับ 1 : "นิวนอร์มัล" ชีวิตวิถีใหม่ เปิดห้างฯ-ศูนย์การค้า ลดเวลาเคอร์ฟิว ทดลองใช้ "ไทยชนะ" คุมแออัด
17 พ.ค. เป็นวันแรกที่ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าทั่วประเทศกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังปิดชั่วคราวเมื่อ 22 มี.ค. ตามมาตรการคลายล็อกของรัฐระยะที่ 2 หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในไทยลดลง แต่ยังคงให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคและคำแนะนำของทางราชการต่อไปโดยเคร่งครัด เช่น การให้ประชาชนสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านแอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" เพื่อควบคุมการเข้า-ออก รวมทั้งการตรวจวัดอุณหภูมิและเจลล้างมือ ทั้งทางเข้าศูนย์การค้าและตรวจซ้ำที่ร้านค้า นอกจากนี้ ร้านอาหารยังจำกัดผู้ใช้บริการ โดยให้แยกกันนั่งเพียงโต๊ะละ 1-2 ที่นั่งเท่านั้น
ขณะที่กิจการเสริมความงาม อนุญาตเฉพาะเรือนร่างและผิวพรรณ สถานที่ออกกำลังกายในร่มเฉพาะที่ไม่มีการปะทะ ไม่มีผู้ชม หากเบ่นเป็นทีมฝั่งละไม่เกิน 3 คน รวมทั้งห้องสมุดสาธารณะ หอศิลป์ โบราณสถาน ศูนย์การเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์และสวนพฤษศาสตร์ นอกจากนี้ยังลดเวลาห้ามออกนอกเคหะสถาน จาก 22.00 น. เป็น 23.00-04.00 น. ขณะที่ภาครัฐต่างรณรงค์ "ชีวิตวิถีใหม่" นอกจากการลงทะเบียนและคัดกรองแล้ว ยังแนะนำให้ประชาชนล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือน้ำสะอาดและสบู่ การเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร การหลีกเลี่ยงสถานที่หนาแน่นหรือแออัด ลดการพูดคุยเสียงดัง และไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น
อันดับ 2 : เกาหลีใต้ผับแตก! โควิดระบาดย่านอิแทวอน-จีนก็ผุดหลังเปิดเมืองอู่ฮั่น-ร้องเฮดังๆ ไทยลดลงเหลือ 0
สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในต่างประเทศ ณ วันที่ 17 พ.ค. พบผู้ติดเชื้อสะสม 4,720,196 ราย รักษาตัวสะสม 44,827 ราย รักษาหายแล้วสะสม 1,811,080 ราย เสียชีวิตสะสม 313,220 ราย สูงที่สุดคือสหรัฐอเมริกา ผู้ติดเชื้อสะสมมากถึง 1,507,773 ราย เสียชีวิต 90,113 ราย แต่สถานการณ์ที่จับตามองมากที่สุดคือ เกาหลีใต้ เนื่องจากพบการระบาดแบบกลุ่มจากไนท์คลับย่านอิแทวอน แหล่งบันเทิงยามค่ำคืนชื่อดังของกรุงโซล 162 คน หลังออกมาตรการผ่อนปรน ขณะที่จีนพบผู้ติดเชื้อในเมืองซูหลาน มณฑลจี๋หลิน และเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย หลังยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์
สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย พบว่าวันที่ 11-17 พ.ค. ตัวเลขผู้ป่วยแนวโน้มลดลงจนถึง 0 เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยพบว่าระยะหลังมักเกิดขึ้นจากผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าสู่กระบวนการ State Quarantine กับผู้ป่วยที่มีประวัติเสี่ยงจากไปทำงานในสถานที่ชุมนุมชน ปัจจุบันไทยมีผู้ป่วยสะสม 3,028 ราย รักษาหายแล้ว 2,856 ราย รักษาตัวอยู่ 116 ราย เสียชีวิตสะสม 56 ราย อยู่ในอันดับที่ 70 ใน 212 ประเทศทั่วโลก โดย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ย้ำว่ากลุ่มเด็กและผู้สูงอายุยังเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ต้องป้องกันอย่างเข้มข้น
อันดับ 3 : ตู้ปันสุขจุดปันรัก แต่บางคนไม่น่ารัก โกยของหมดตู้แถมข่มขู่คุกคามผู้ใจบุญ นายกฯ ถึงกับรับไม่ได้
ท่ามกลางวิกฤตการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ยังมีกิจกรรมเพื่อสังคมแก่ผู้ยากไร้และผู้ที่ขาดรายได้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยกลุ่มอาสาสมัครที่ใช้ชื่อว่า "กลุ่มอิฐน้อย" นำโดยนายสุภกฤษ กุลชาติวิจิตร นักการตลาด ได้นำแนวคิดมาจากโครงการ Free Pantry ของต่างชาติ มาจัดทำเป็น "ตู้ปันสุข" บรรจุข้าวสาร ไข่ไก่ อาหารแห้ง สิ่งของบริโภคให้หยิบฟรี โดยมีป้ายระบุว่า "หยิบไปแต่พอดี ถ้าท่านมี ใส่ตู้แบ่งปัน" เพื่อช่วยเหลือและแบ่งปันคนที่ประสบปัญหาจากโรคระบาดโควิด-19 เริ่มจากกรุงเทพฯ 4 ตู้ และระยอง 1 ตู้ กลายเป็นกระแสที่ทำให้เกิดการทำตามทั่วประเทศ มากกว่า 1,000 จุดภายใน 7 วัน
แต่การตั้งตู้ปันสุขใช่ว่าจะเกิดกระแสในด้านที่ดี เพราะอีกด้านหนึ่งยังพบคนเห็นแก่ตัวพยายามกอบโกยสิ่งของในตู้ปันสุขจนเกลี้ยงเพื่อนำไปกักตุนคนเดียว และนำไปขายต่อโดยทำกันเป็นขบวนการ ทั้งที่อุบลราชธานี ชลบุรี และในกรุงเทพฯ ยังพบผู้ยากไร้ที่มากันเป็นกลุ่มข่มขู่คุกคามเจ้าของตู้ปันสุข เพียงเพราะสิ่งของไม่พอ เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับไม่ได้กับเรื่องนี้ ขออย่าให้เกิดขึ้นอีกต้องเห็นใจคนอื่นด้วย ถ้าทำแบบนั้นต่อไปก็ไม่มีคนบริจาค คนอื่นจะไม่ได้ไปด้วย ทุกคนต้องเฝ้าระวัง ไม่ให้คนอื่นมาเอารัดเอาเปรียบ แต่ไม่ใช่ไปทะเลาะเบาะแว้งกัน ต้องทำให้ผู้ให้และผู้รับทั้งทั้งสองฝ่ายสบายใจ
อันดับ 4 : คณะก้าวหน้าถอยหลังปี 53 ยิงเลเซอร์เย้ยรัฐงัดเหตุการณ์เสื้อแดง ผุดแคมเปญตามหาความจริง
ประเด็นทางการเมืองในสัปดาห์นี้ คงเป็นอีเวนต์คณะก้าวหน้า ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ครบรอบ 10 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง นปช. ที่สี่แยกราชประสงค์ปี 2553 พบยิงเลเซอร์ในแคมเปญ #ตามหาความจริง โดยใช้ชุดข้อมูลของฝั่งตนเองยิงไปตามสถานที่ต่างๆ เช่น บริเวณซอยรางน้ำ สี่แยกราชประสงค์ วัดปทุมวนาราม สยามพารากอน อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ลามไปถึงกระทรวงกลาโหม ก่อนที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช จะออกมายอมรับและอ้างว่าไม่ได้ทำในช่วงเคอร์ฟิว ไม่ได้ทำให้อะไรเสียหาย เพราะเป็นเพียงเลเซอร์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าววว่าไม่เหมาะสม เพราะรัฐบาลกำลังแก้ปัญหาโควิด 19 พร้อมเรียกร้องอย่าเคลื่อนไหวสร้างความสับสนวุ่นวายในช่วงเวลานี้ ต้องการความสามัคคี ขณะที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ไปพิจารณาว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ ขณะที่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ โดยเฉพาะฝั่งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นออกมาตอบโต้ ส่วน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า ทำได้เพียงแค่ตามข่าวเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่อยากก้าวไปข้างหลังที่จุดประกายความขัดแย้งของสังคม
อันดับ 5 : ขนมจีบมรณะ กินแล้วตายหนึ่ง ท้องเสียยี่สิบ แม่ค้าอ้างรับมาขายอีกที
กลายเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคแตกตื่นไปตามๆ กัน เมื่อวันที่ 10 พ.ค. พบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษจากการกินขนมจีบจำนวน 20 รายใน จ.สมุทรปราการ และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย นางธนู ช้างภู่พะงางาม อายุ 66 ปี ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดราษฏร์นิมิตศรัทธาธรรม (วัดหนองปรือ) ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และพบว่าแม่ค้าขนมจีบรายนี้จะขายที่ย่านหนองปรือ ราชาเทวะ บางโฉลง และศีรษะจรเข้ใหญ่ ต่อมา น.ส.มิ้นท์ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) เข้าพบกับตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ระบุว่า รับมาจากบ้านที่ทำขนมจีบใน ต.เกาะไร่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา มาขายต่ออีกที รู้สึกตกใจ ที่รับมาขายประจำไม่เคยเจอแบบนี้
ขณะที่ผู้ผลิตขนมจีบยืนยันว่าทำขายในพื้นที่มานานกว่า 8 ปี ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ที่สำคัญจะใช้ของใหม่และทำจำนวนไม่มาก ไม่ใส่สารกันบูดและจะขายในช่วงเช้าเท่านั้น ไม่เชื่อว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้มีคนเสียชีวิตได้ ส่วน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยผลตรวจขนมจีบเบื้องต้นพบเชื้อแบคทีเรีย แต่ยังไม่สรุปเพราะต้องนำอาการผู้เสียชีวิต และผู้ป่วยมาเทียบเคียง ขณะที่ฝ่ายผู้เสียชีวิตตั้งข้อสังเกตว่า คนทำขนมจีบ ออกมายืนยันว่าขายให้แม่ค้าล่าสุด 6 พ.ค. ส่วนวันที่ 7-8 พ.ค. ทางร้านได้หยุดขาย แต่แม่ค้ากลับมีขนมจีบขาย จึงสงสัยและเรียกร้องให้แม่ค้าพูดความจริง
อันดับ 6 : จวกยับไม่เหมาะสม นายทหารกรมข่าวทหารบก อวดโซเชียล นั่งพาดเท้าเก้าอี้บัลลังก์ประธานรัฐสภา
รัฐสภาแห่งใหม่ยังเกิดเรื่องวุ่นไม่หยุด เมื่อวันที่ 13 พ.ค. พบภาพจากผู้ใช้อินสตาแกรม @rotjeep48 ของร้อยเอกเปรมศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) นายทหารสังกัดกรมข่าวทหารบก โพสต์ภาพตนเองขึ้นไปบนบัลลังก์ประธานรัฐสภา ห้องประชุมพระสุริยัน รัฐสภาแห่งใหม่ สัปปายะสภาสถาน ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ทั้งเล่นกับลูกเมลอน ทั้งยกเท้าพาดที่นั่งด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสม ทำให้นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สั่งให้ตรวจสอบเนื่องจากยังไม่เปิดสมัยประชุมสภารัฐสภา เพื่ออ่านพระบรมราชโองการ ซึ่งประธานรัฐสภา ก็ยังไม่กล้านั่งก่อนที่จะมีการเปิดประชุม
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า ต้องสอบข้อเท็จจริงทั้งข้าราชการรัฐสภา ที่นำนายทหารคนดังกล่าวเข้ามา ทั้งที่เป็นพื้นที่ควบคุม ไม่อนุญาตให้บุคคลใดเข้าในช่วงนี้ แต่กลับแอบลักลอบเข้าไป ส่วนเจ้ากรมข่าวทหารบก ได้สั่งตั้งกรรมการสอบวินัย พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เจ้าตัวยอมรับและเสียใจ ผู้บังคับบัญชาได้ว่ากล่าวตักเตือน พร้อมทั้งพิจารณาดำเนินการทางวินัยแล้ว รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า นายทหารคนดังกล่าวมากับเจ้าหน้าที่สํานักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แม้เจ้าหน้าที่จะเตือนแล้วแต่ก็แอบเข้ามาจนปรากฎภาพดังกล่าว
อันดับ 7 : ประหารครูพี่ณัฐ กวดวิชาเตรียมทหารโหด ลงโทษน้องชายแดนถึงตาย แฟน-แม่ยายคุกตลอดชีวิต
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ศาลจังหวัดนครสวรรค์พิพากษาประหารชีวิต นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ อายุ 27 ปี เจ้าของสถาบันกวดวิชาเตรียมทหารบ้านครูพี่ณัฐ ในคดีการเสียชีวิตของ ด.ช.ฐปกร ทรัพย์สิน หรือ น้องชายแดน อายุ 14 ปี ถูกทำร้ายร่างกายและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2562 โดยศาลเห็นว่าแม้นายณัฐพลให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้มีเจตนาฆ่า แค่เป็นการทำโทษเพื่อสั่งสอนที่ครูสามารถกระทำต่อศิษย์ได้ แต่จำเลยมีการการกระทำผิดชัดเจน กลับไม่สำนึกผิดต่อการกระทำและยังคงให้การปฏิเสธ ส่วน น.ส.พีรญา พละแสน อายุ 25 ปี ภรรยา และ น.ส.นงลักษณ์ พละแสน อายุ 54 ปี แม่ยาย พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต
คดีนี้สืบเนื่องมาจากนายพิษณุ ทรัพย์สิน อายุ 47 ปี บิดาน้องชายแดนเข้าแจ้งความ สภ.เมืองนครสวรรค์ ระบุว่าลูกชายบาดเจ็บสาหัส และช็อกหมดสติ อุจจาระ-ปัสสาวะเรี่ยราด รักษาตัวที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ก่อนเสียชีวิต และพบว่ามีการลงโทษนักเรียนโดยใช้ความรุนแรง ถูกไม้เบสบอลฟาดกว่า 20 ครั้ง และบังคับให้นักเรียนจับขึงพืดจุดไฟลนอวัยวะเพศชาย ก่อนทิ้งไม้เบสบอลใต้สะพานข้ามแม่น้ำปิง ถนนเลี่ยงเมืองนครสวรรค์เพื่อทำลายหลักฐาน อย่างไรก็ตาม นายณัฐพล ยังคงให้การปฏิเสธและสู้คดีต่อ โดยให้ทนายยื่นเรื่องต่อศาลอุทธรณ์พร้อมขอประกันตัว แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวแต่อย่างใด