รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563 ตอน 10 ปี สลายชุมนุมเสื้อแดง แกนนำ นปช. how are you?
ในวันอังคาร 19 พ.ค. 2563 นี้ ก็ครบรอบ 10 ปี วันแห่งการสิ้นสุดการชุมนุมใหญ่ทางการเมือง การชุมนุมนี้ต้องถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองบนท้องถนน ที่จะต้องถูกพูดถึงไปอีกนานสำหรับการเมืองไทย
นั่นก็คือ การจบการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงทั่วประเทศ ภายใต้การนำของ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ซึ่งเป็นการจบแบบเจ็บ คือมีการเผาบ้านเมือง จนภาพพจน์ประเทศไทยเสียหายยับ
การชุมนุมที่เกิดขึ้นในช่วง รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยแกนนำนปช. ได้เริ่มเคลื่อนไหวชุมนุมกันตั้งแต่ วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553 มีการตรึงเวที ปลุกเร้า คนเสื้อแดงหลายแสนคน ที่สะพานผ่านฟ้า มีจนปักหลักที่ สี่แยกราชประสงค์
การชุมนุมครั้งนั้นมีเป้าหมายเรียกร้องให้อภิสิทธิ์ ประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยอ้างว่า การเป็นนายกฯของ อภิสิทธิ์ ไม่ชอบธรรมทางการเมือง
เพราะตั้งรัฐบาลขึ้นมาจากผลการยุบพรรคพลังประชาชน มีการซื้อตัวส.ส. ซีกรัฐบาลเดิม สมัยรัฐบาลพลังประชาชนเพื่อตั้งรัฐบาล อีกทั้งยังไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร
10 ปี สลายเสื้อแดง
แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวลานั้น ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ปักหลักยืนหยัดต่อสู้กับแกนนำนปช.ผ่าน ศอฉ. ที่ตั้งขึ้นเพื่อรับมือกับกลุ่มนปช. โดยเวลานั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรองผบ.ทบ.ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมาก ในศอฉ.
ตลอดการชุมนุมที่ยืดเยื้อยาวนาน ตั้งแต่ 12 มีนาคม ถึง 19 พ.ค.เมื่อปี 2553 มีเหตุการณ์สำคัญๆหลายอย่าง ที่นำมาซึ่งการเผชิญหน้ากันระหว่าง ประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ จนเกิดความตึงเครียด ความโกลาหลวุ่นวาย รวมถึงมีการใช้ความรุนแรงจากการใช้อาวุธสงคราม มาทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง
จนนำมาซึ่ง การสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อคนไทยด้วยกันเองรวมถึงคนต่างชาติ เช่นสื่อมวลชนต่างประเทศ ชาวญี่ปุ่นและอิตาลี รวมแล้ว เกิดความสูญเสีย จำนวนมาก ร่วม 99 ศพ บาดเจ็บพิการอีกไม่น้อย และจบด้วยการเผาบ้านเผาเมือง
เมื่อมองย้อนกลับไป เหตุการณ์ดังกล่าว คงทำให้คนไทย ได้ถอดบทเรียน เป็นบาดแผลที่ต้องจดจำ หากถึงจุดที่การเมืองไทย ต้องกลับมาเคลื่อนไหวการเมืองบนท้องถนนอีก ก็ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความรุนแรง และ การสูญเสียจำนวนมากแบบการชุมนุมของเสื้อแดงปี53
ผ่านมาสิบปีเต็มมาถึงวันนี้ อดีตแกนนำนปช.หลายคน เริ่มโรยรา เข้าสู่วัยนับถอยหลัง แต่ยังบางคนยังพยายามเลี้ยงกระแส คนเสื้อแดง เอาไว้เพื่อรักษาสถานภาพทางการเมืองของตัวเอง
ในวันที่ คนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อย ถอดเสื้อแดง หันไปใส่เสื้อส้ม เป็นกองเชียร์พรรคอนาคตใหม่กันจำนวนมาก เพราะมองว่า แกนนำนปช.หลายคน ล้าหลังทางความคิด ตกรุ่นกันหมด ไล่ตาม
พวก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ทัน
ดูได้จาก ความเคลื่อนไหวล่าสุด คือ อีเว้นท์ยิงแสงเลเซอร์ “ตามหาความจริง”ของเครือข่ายกลุ่มคณะก้าวหน้า ที่การตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ได้ดีกว่าพวกแกนนำนปช.ตกยุคแน่นอน
อีกทั้ง ตอนหลัง มีข่าวออกมาเป็นระยะว่า แกนนำนปช. แตกคอกันเอง มีการแบ่งออกเป็นสองสาย คือสาย จตุพร พรหมพันธ์ ประธานนปช.กับสาย ของณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ทำให้ มวลชนเสื้อแดงในอดีต หันหลังให้แกนนำนปช.มากขึ้นไปอีก
ยามนี้ จึงจัดได้ว่า เป็นช่วงขาลงของแกนนำนปช.อย่างที่ปฏิเสธกันไม่ได้ ขณะที่อดีตแกนนำนปช.อีกบางส่วน ก็ประสบปัญหาทางการเมือง และคดีความ ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ เพราะปัญหาคดีความรุมเร้า
เมื่อไล่เรียงอัพเดท สถานะอดีตแกนนำนปช. แต่ละคน ก็มีที่น่าสนใจเช่น จตุพร ประธานนปช. ติดล็อกการเมืองจากคดีความ จนโดนตัดสิทธิ์การเมือง ได้ค่อยๆถอนตัวออกมาจากพรรคเพื่อชาติ หันมาเป็นกองเชียร์ให้กับ พรรคสามัคคีไทย ที่ยื่นตั้งพรรคกับกกต.เรียบร้อยแล้ว
จตุพรก็เช่นเดียวอดีตแกนนำนปช.อีกหลายคน ส่วนใหญ่ ไม่มีใครได้เข้าสภาฯ มาเป็นส.ส.ยุคปัจจุบัน จะมีก็แค่ไม่กี่คนเช่น อารี ไกรนรา อดีตหัวหน้าการ์ดนปช. คนใกล้ชิดตู่ จตุพร ที่โชคดี ได้เข้าไปเป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคเพื่อชาติ
สาเหตุที่อดีตแกนนำนปช.หลายคนไม่ได้เข้าไปเป็นส.ส.ในสภาฯ ก็เพราะส่วนใหญ่ ตอนเลือกตั้งรอบที่แล้ว ทั้งหมดเกาะกลุ่มกันไปลงเลือกตั้งกับ พรรคไทยรักษาชาติ พอต่อมา ไทยรักษาชาติโดนยุบพรรค เลยทำให้ บรรดาอดีตแกนนำนปช.หลายคน เลยวืดเข้าสภาแบบช้ำใจ
ไม่ว่าจะเป็น ณัฐวุฒิ ใสยเสื้อ-วีระกานต์ มุสิกพงษ์ -เหวง โตจิราการ-ก่อแก้ว พิกุลทอง -พายัพ ปั้นเกตุ-วิภูแถลง พัฒนภูมิไทย เป็นต้น
ส่วนพวกอดีตแกนนำนปช.ที่ตอนนี้ต้องหนีคดีความไปอยู่ต่างประเทศ ก็เช่น อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ที่ข่าวว่าอยู่แถวๆ กัมพูชา หลังหนีคดี นำคนเสื้อแดง บุกพังการประชุมอาเซียนซัมมิท ปี 2552 ที่โดนตัดสินจำคุก สี่ปี
นอกจากนี้ยังมี นิสิต สินธุไพร อดีตส.ส.ร้อยเอ็ด ที่หนีคดีไปต่างประเทศ หลังโดนศาลตัดสินจำคุก คดีเดียวกับ อริสมันต์ ยังมี พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ แต่รายนี้ ได้เป็นส.ส.เขต กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ หนีไปแล้ว เพราะศาลฎีกาสั่งจำคุก 50 ปี คดีรุกป่า -ครอบครองที่ดินป่าสงวน รวมถึงคดีบุกพังการประชุมอาเซียนซัมมิทด้วย
อดีตแกนนำนปช.ที่เปลี่ยนสี สลับขั้ว จากสายเพื่อไทยไปพลังประชารัฐ ไม่ได้มีแค่ ไวพจน์ คนเดียว แต่ยังมี แรมโบ้ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีตแกนนำนปช.ตัวจี๊ด อีกด้วย โดยแรมโบ้ ปัจจุบัน เป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คุมงานรับเรื่องร้องเรียนทั้งหมดที่ทำเนียบฯ หลังสอบตก ที่โคราช
ส่วนอดีตแกนนำนปช.ระดับรองๆ ลงมา บุคคลที่ต้องพูดถึง คือ ขวัญชัย ไพรพนา หรือขวัญชัย สาราคำ ส่งเมีย อาภรณ์ สาราคำ ลงเลือกตั้ง จนได้เป็นส.ส.อุดรธานี ได้สำเร็จ เจ้าตัวก็ปักหลักในพื้นที่ อุดรธานี จัดรายการวิทยุเป็นหลัก ไม่ได้มีบทบาทอะไรมากเหมือนในอดีต
ปัจจุบัน ยังมี อดีตแกนนำนปช.บางคน ที่ยังมีชนักติดหลังจากปัญหาคดีความค้างคาอยู่ เช่น คดีชุมนุมล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี ที่มีจำเลยเช่น วีระกานต์-นพ.เหวง-ณัฐวุฒิ - วิภูแถลง ที่จะมีการอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีนี้ในวันที่ 26 มิ.ย. นี้
10 ปีที่ผ่านมา อดีตแกนนำนปช.หลายคน ที่เคยมีบทบาทตอนชุมนุมเสื้อแดงปี 2553 ส่วนใหญ่ยังมีชีวิตอยู่กับการเมือง บางคนย้ายค่าย เปลี่ยนสีเสื้อไปเรียบร้อยแล้ว
แต่หลายคนยังจงรักภักดีกับแนวทางเดิม ที่ยังรอวันขั้วอำนาจสีแดงกลับมาอีกครั้ง