ความจริงอีกด้าน... ทหารชั้นประทวนนายหนึ่งถูกสั่งขัง 45 วัน และตัดบำเหน็จ หลังเถียงผู้ว่าฯ ตรังที่ด่านโควิด เพราะจะไปเยี่ยมแม่ที่ป่วยหนักต้องรีบส่งโรงพยาบาล พบไม่อ่านเอกสาร ลิ่วล้อพูด “นายคุณมันเล็กเกินไป” แถมสื่อใหญ่ตัดต่อคลิปช่วยขยี้ซ้ำจนสังคมด่ายับ พบพอลูกถูกจำขัง แม่ไม่มีคนดูแล เพื่อนนายสิบทหารบกทำได้แค่ส่งคนไปดูแลตามมีตามเกิด
จากกรณีที่เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ สื่อยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ นำเสนอข่าวหัวข้อ “ไม่สนเป็นผู้ว่าฯ เปิดคลิปเถียงเดือด ชายหัวเกรียนอ้างทหารจะฝ่าด่านห้ามเข้า-ออกตรัง” เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ระบุว่ามีชายตัดผมสั้นเกรียนอ้างตัวเป็นทหาร พยายามจะฝ่าด่านตรวจบนถนนแห่งหนึ่ง หมู่ 9 ต.หนองบัว อ.รัษฎา จ.ตรัง พื้นที่รอยต่อ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งสั่งห้ามเข้าออกเด็ดขาดตามคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง แต่ถูกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธทำให้ชายคนนี้เกิดความโมโห ขณะนั้นนายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง มาตรวจพื้นที่พอดี ได้เข้าไปชี้แจงอธิบายอยู่นาน แต่ก็ยังถูกเถียงอยู่ตลอดเวลา
ภายหลังชายดังกล่าวพบว่า จ.ส.อ.พีรศักดิ์ จำปา ทหารสื่อสารประจำหมวดกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 5 กองพลทหารราบที่ 5 ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร ต.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ภายหลัง พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว และมีมติลงทัณฑ์โดยการจำขัง จ.ส.อ.พีรศักดิ์ จำนวน 45 วัน ณ เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 43 และส่งไปฝึกที่ศูนย์ฝึกธำรงวินัย กองทัพภาคที่ 4 (มณฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ จังหวัดนครศรีธรรมราช) พร้อมสั่งงดบำเหน็จประจำปี 2563 (ครึ่งปีหลัง) พร้อมกันนี้ สั่งให้ พ.ต.ลิขิต ชาฎา ผู้บังคับกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 5 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ ให้มาปฏิบัติหน้าที่ ณ กองบัญชาการ กองพลทหารราบที่ 5 และให้ ร.อ.สุนทร ทองมาก รองผู้บังคับกองร้อยฯ ทำการแทน ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.เป็นต้นมา
วันนี้ (19 เม.ย.) แหล่งข่าวจากข้าราชการทหารนายหนึ่งที่เรียนโรงเรียนนายสิบทหารบก สถาบันเดียวกับ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ (ขอสงวนนามเพราะไม่อยากถูกผู้บังคับบัญชาเล่นงาน) เปิดเผยกับ “ทีมข่าวโซเชียลมีเดีย MGR Online” ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ กำลังเดินทางไปที่ จ.ตรัง เพราะแม่ป่วยหนัก โดยได้มาถึงด่านตรวจจุดดังกล่าว ได้แสดงเอกสารจากผู้บังคับบัญชาให้ตรวจสอบตามปกติ ปรากฏว่าในขณะนั้น นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง มาตรวจพื้นที่พร้อมกับผู้สื่อข่าวและสติงเกอร์ (ผู้สื่อข่าวภูมิภาค) พอดี
จ.ส.อ.พีรศักดิ์ได้ลงไปชี้แจง ยืนยันว่ามีเอกสารจากผู้บังคับบัญชา ปรากฏว่านายลือชัยไม่อ่านเอกสาร พยายามเสียงแข็งกล่าวว่า “คุณเป็นหน่วยไหน?” ขณะที่คนรอบข้างกล่าวว่า “นายคุณมันเล็กเกินไป ให้โทร.หาแม่ทัพเลย” ซึ่ง จ.ส.อ.พีรศักดิ์เห็นว่าไม่อนุญาตก็ไม่เป็นไร กลับไปใช้เส้นทางหลักเพื่อไปจังหวัดตรังก็ได้ ปรากฏว่าเกิดการโต้เถียงกันไปมาระหว่างนายลือชัยและคณะกับ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ โดยคลิปที่สื่อมวลชนนำมาเผยแพร่ตัดต่อเฉพาะขณะที่ จ.ส.อ.พีรศักดิ์แสดงกิริยาไม่เหมาะสมเท่านั้น จนทำให้คลิปดังกล่าวมีลักษณะที่ว่า จ.ส.อ.พีรศักดิ์กลายเป็นคนเถียงอยู่ฝ่ายเดียว ทั้งที่ยินดีทำทุกอย่าง กลับไปใช้เส้นทางหลักอยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายไปยั่วยุหรือเปล่าจึงทำให้เกิดภาพนี้ขึ้น
นอกจากนี้ เมื่อสื่อมวลชนนำเสนอข่าวโดยลงคลิปเฉพาะครึ่งๆ กลางๆ และพาดหัวที่ทำให้สังคมเข้าใจผิด รวมทั้งสื่อบางสำนักใช้คำว่า “หลบเลี่ยง” นั้นเป็นการนำเสนอข่าวที่เกินไปจากความเป็นจริง เพราะที่เกิดเหตุเป็นหนึ่งในเส้นทางกลับบ้านอยู่แล้ว กลายเป็นว่าสื่อมวลชนไปพิพากษาว่าจ่ากร่าง ทั้งที่เขาเป็นคนทำงาน ปฏิบัติงานในพื้นที่มาโดยตลอด
และเมื่อกองพลทหารราบที่ 5 สั่งลงโทษ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ โดยการจำขัง 45 วัน ส่งตัวไปธำรงวินัย และตัดบำเหน็จครึ่งปีหลัง เป็นบทลงโทษที่รุนแรงเกินไปหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ต้องรีบไปดูแลแม่ที่ป่วยหนัก และเมื่อถูกบันทึกลงในสมุดประวัติ ทำให้กลายเป็นรอยด่างในชีวิตการรับราชการ จากเหตุการณ์นี้ทำให้แม่ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตรังไม่มีคนดูแล เพื่อนร่วมสถาบันโรงเรียนนายสิบทหารบกจึงช่วยเหลือกันเอง ด้วยการจ้างคนมาดูแลกันเอง โดยจะร่วมกันบริจาคภายในกองร้อย รวมทั้งในหมู่ศิษย์เก่านักเรียนนายสิบทหารบกก็ยังตั้งแฮชแท็ก #Saveจ่าทหาร และ #Saveจ่าจำปา เพื่อเล่าความจริงอีกด้านด้วย
ขณะที่เฟซบุ๊ก “สัมพันธ์ ดำจันทร์” โพสต์ข้อความระบุว่า “ผมเคยเป็นหัวหน้า คนนี้ชื่อเล่นจ่าจำปา ทำงานดีครับ ตรงไปตรงมา เป็นทหารเหล่าแพทย์ อยู่ทุ่งสง เขาต้องมีความจำเป็นต้องเข้าออกเส้นทางเส้นนี้เพื่อต้องไปดูแลแม่ ซึ่งนอนติดเตียง ใช้เครื่องออกซิเจนช่วยหายใจ เขาต้องเดินทางทุกวัน มาทำงานสายบ้าง ช้าบ้าง ผมก็เข้าใจเขา เราทุกคนเข้าใจ ผมอยากออกมาให้กำลังใจเขาตรงนี้ว่า จ่าจำปาเป็นบุคคลที่มีความกตัญญู รู้คุณบิดามารดา ใช้เส้นทางเดินทางไปกลับบ้านตรงนี้มานับสิบปี ผมขอให้น้องจำปาจงต่อสู้เข็มแข็งนะครับ ขอให้ทุกคนช่วยแชร์ และเป็นกำลังใจให้เขาด้วยครับ”
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 เม.ย. จ.ส.อ.พีรศักดิ์ ทำหนังสือรายงานชี้แจงต่อ พ.ต.ลิขิต ชาฎา ผู้บังคับกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 5 ระบุว่า เมื่อวันที่ 14 เม.ย. เวลา 16.00 น. ตนมีความจำเป็นต้องเดินทางไปพามารดาซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว สมองซีกซ้ายเสีย ประกอบกับโรคพาร์กินสัน และโรคเบาหวาน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มีอาการปวดท้องต้องรีบไปพบแพทย์ ถ้าหากไปเส้นทางหลักต้องใช้เวลานาน จึงได้เลี่ยงไปเส้นทางลัดซึ่งมีการตั้งด่านตรวจและปิดเส้นทาง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดตรังอยู่ด้วย ในขณะนั้นตนซึ่งขอผ่านทางแต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต ด้วยความเป็นห่วงมารดาจึงได้แสดงกิริยาไม่เหมาะสม ต่อมาตนก็ได้กลับมาใช้เส้นทางหลัก และได้พามารดาไปพบแพทย์เป็นที่เรียบร้อย
“กระผมขอยอมรับผิดและยอมรับโทษทัณฑ์ทุกสถาน และกระผมมิได้มีเจตนาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินและคำสั่งของผู้บังคับบัญชาแต่อย่างใด ที่ทำด้วยความเป็นห่วงบุพการี จึงเรียนมาเพื่อกรุณาพิจารณา ควรมิควรแล้วแต่จะกรุณา” หนังสือรายงานชี้แจงระบุ