“ปานเทพ” ย้ำ ต้องประกาศเป็นวันหยุดทั้งรัฐบาล-เอกชน เพื่อให้ทุกคนอยู่กับบ้าน ไม่เช่นนั้น ด้วยความจำเป็นก็ยังต้องออกไปทำงานอยู่ดี แนะทุ่มงบเป็นเมกะโปรเจกต์ อุ้มผู้ประกอบการ-เยียวยาแรงงาน ลั่นหากปล่อยยืดเยื้อ งบเท่าไหร่ก็ไม่พอ พร้อมเสนอให้แพทย์แผนไทยช่วยดูแลกลุ่มเสี่ยงที่ถูกกักตัว แล้วมาเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับการดูแล มั่นใจช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
วันที่ 1 เม.ย. 63 อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “หลายบททดสอบ 7 วัน ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน”
โดย อ.ปานเทพ กล่าวว่า รัฐออกมาตรการสกัดโควิด-19 แบบตามหลังตลอด ที่สำคัญคือ การออกมาตรการเยียวยาช้าไป จึงไม่มีพลังมากพอ ที่ทำให้คนที่อยู่ใน กทม. ซึ่งเป็นประชากรหลักที่ทำให้เป็นจุดแพร่ระบาด อยู่ได้โดยไม่เคลื่อนย้าย ให้ประชาชนไปต่อคิวยาวๆ หน้าธนาคาร เป็นบทสะท้อนว่า รัฐยังไม่เข้าใจการบูรณาการอย่างแท้จริง ทำให้การออกมาตรการอื่นๆ ไม่สามารถลดจำนวนการติดเชื้อได้เลย
ออกมาตรการไล่ไม่ทันสถานการณ์จริง วันนี้ผู้ประกอบการเดือดร้อนมาก ตอนนี้เราปิดแบบมีรอยรั่วอยู่ แล้วจะยิ่งยืดเยื้อยาวนาน ถ้าออกมาตรการดักหน้าก่อนหน้านี้อาจไม่ถึงขั้นนี้ ตอนนี้ผู้ป่วยกระจายไปทั่วประเทศแล้ว
อ.ปานเทพ กล่าวอีกว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่รายงานตอนนี้ คือ จำกัดการตรวจมาก คนจะได้ตรวจต้องเคยไปในพื้นที่แพร่ระบาด หรือต้องเคยสัมผัสผู้ติดเชื้อ ฉะนั้น จำนวนที่ตรวจพบน้อยกว่าความเป็นจริงมาก เพราะชุดตรวจมีน้อย เครื่องตรวจมีจำกัด การที่จะต้องเข้าเกณฑ์ว่าเคยสัมผัสกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ถึงได้ตรวจ ก็เพื่อยืนยันว่าหาที่มาที่ไปได้ทุกคน เราเลยไม่ตรวจคนที่มีอาการ ซึ่งเป็นจุดอ่อนอย่างมาก ความเร่งด่วนในการรู้จำนวนที่แท้จริงจะนำไปสู่การยุติและคุมสถานการณ์จริงได้ ถ้ารอยรั่วนี้ยังอยู่ จะมีผู้ป่วยที่ไม่รู้ที่มาที่ไปมากขึ้นเรื่อยๆ
อ.ปานเทพ กล่าวต่ออีกว่า มาตรการล่าสุดของ กทม. ให้ปิดร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของ เที่ยงคืนถึงตี 5 อาจต้องการสกัดพวกเด็กแว้นหรือใครก็ตาม แต่ควรต้องไปแก้ที่ต้นเหตุ การรวมตัวกันต้องใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและถึงที่สุด ยกตัวอย่าง ปิดไม่ให้ซื้อเที่ยงคืน เขาก็ซื้อตุนไว้ก่อนเที่ยงคืน แก้ไม่ตรงประเด็น รัฐไม่เท่าทันสถานการณ์จริง
อ.ปานเทพ กล่าวว่า มาตรการที่จะทำให้มีการกักตัว กักบริเวณจริงจัง ต้องคิดเรื่องวันหยุดของทุกฝ่าย ไม่ใช่ให้คนที่ยังต้องทำงานอยู่ เพราะเขาต้องเดินทาง ควรประกาศวันหยุดพร้อมกันทั้งรัฐ-เอกชน และไม่ให้เคลื่อนที่ ให้เหลือคนทำงานจำนวนน้อยที่สุด เฉพาะคนที่มีหน้าที่รับมือโควิด
นายกฯ บอกถ้าไม่ได้ตามเป้า จะลดการเดินทางสาธารณะ ไปลดการเดินทางเขา โดยที่เขายังต้องมีอาชีพอยู่ แสดงว่าไม่เข้าใจทัศนะการดำรงชีวิตของคนได้รับผลกระทบ ว่าเขาจะดำรงชีวิตอย่างไร
รัฐต้องทำทุกทางที่จะใช้งบประมาณให้ผู้ประกอบการยืนอยู่ได้ โดยที่หยุดกิจกรรมทุกอย่าง แล้วให้พนักงานและลูกจ้างอยู่กับบ้านและอยู่กับที่ โดยที่ยังมีรายได้ที่ไม่ได้รับผลกระทบ การอยู่ในบ้านและอยู่กับที่ได้ นายจ้างต้องอยู่ได้ด้วย ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ต้องฝืนทำงานต่อไป อย่างนี้ไม่จบ รัฐต้องสนับสนุนเต็มที่ เพราะยิ่งยืดเยื้อยาวนาน งบเท่าไหร่ก็ไม่พอ ถ้าอัดครั้งเดียวจบในระยะสั้น แล้วทุกคนจะอยู่ได้
รัฐทำอย่างไรให้คนกักตัวได้ รัฐต้องให้เขาดำรงชีวิตในการให้มีอาหารกิน ไม่เช่นนั้น รายจ่ายมี ก็ยังต้องทำงาน จะให้กักตัวมันฝืนธรรมชาติ บอกขอความร่วมมืออย่างเดียวไม่ได้ รัฐต้องประกาศเป็นวันหยุด และชดเชยความเสียหาย เมกะโปรเจกต์คือตรงนี้ ลงทุนครั้งเดียว ทำให้มันหยุดให้ได้ ซึ่งวันนี้ยังไม่ได้ทำ และกระจายไปหมดแล้ว ยิ่งช้ายิ่งบานปลาย
อ.ปานเทพ กล่าวต่อว่า ตอนนี้คนไม่อยากถูกกักตัว เพราะไม่รู้กักตัวแล้วได้อะไร จะมีชีวิตได้อย่างไรเมื่อไม่มีรายได้ หรือถ้ากักตัวเพราะมีไข้ หรือเป็นผู้ต้องสงสัย และยังไม่แสดงอาการ ถ้าคนทั่วไปที่กักตัวและมีอาการ ต้องได้สิทธิในการตรวจโควิด เพื่อรู้จำนวนที่แท้จริง แต่วันนี้กักตัวโดยไม่รู้ว่าเป็นหรือไม่เป็น การกักตัวต้องมาพร้อมกับการอำนวยความสะดวกในการตรวจ
อาหารการกิน ใครจะให้เขา รัฐต้องจัดให้ ต้องยืนหยัดให้ได้ ไม่ใช่ให้ไปแออัดที่โรงพยาบาล วันนี้หมอ-พยาบาลป่วยแล้ว ถ้าช้าจะหนักกว่านี้ ถ้าไม่อำนวยความสะดวก เขาจะไม่มีแรงจูงใจในการกักตัวเลย เพราะรู้สึกถูกทอดทิ้งโดดเดี่ยว นอกจากอาหาร ชุดตรวจก็ไม่มี แล้วเขาจะได้รับการรักษาอย่างไรเมื่อถูกกักบริเวณที่บ้าน ไม่มีคำตอบ นอกจากไปโรงพยาบาล เรื่องนี้ต้องอาศัยคนอีกวิชาชีพคือแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ ซึ่งทั้งประเทศมีราว 3 หมื่นคน และ อสม.
อ.ปานเทพ กล่าวว่า ยาโควิดตอนนี้ ก็เป็นการทดลองใช้ยาที่ใช้รักษาโรคต่างๆ ทำไมเราไม่เปิดโอกาสให้แพทย์แผนไทยดูแลคนกลุ่มนี้ด้วย ทำไมคนกักบริเวณ ไม่มีสิทธิได้รับคำแนะนำจากแพทย์แผนไทย
จะบอกว่าเป็นไวรัสใหม่ ไม่ควรวางใจแพทย์แผนไทย ก็อยากบอกว่าเพราะเขาใช้กรอบแว่นตาแบบหมอปัจจุบันไปกำหนดการรักษาแบบแพทย์แผนไทย เรามีตำรับยาไทยดูแลโรคระบาดหลายชนิด แม้ไม่รู้ชื่อไวรัสเลย ไม่เห็นต้องรู้ชื่อ ทำไมคนสมัยก่อนยังดำรงชีวิตมาถึงปัจจุบันได้จำนวนมาก
ขนาดจีนเอง ยังใช้แพทย์แผนจีนกับโรคโควิดรอบนี้ จีนตัดสินใจใช้ตำรับยาชุดแก้หวัดธรรมดาของคนจีน แล้วได้ประสิทธิผลดีด้วย เขาสนใจระบบความสมดุลของร่างกาย หรือภูมิคุ้มกัน
อ.ปานเทพ ยังกล่าวว่า เราไม่สามารถเข้าถึงผู้ป่วยที่ตรวจเจอเชื้อแล้ว เพราะกลุ่มนี้ขึ้นกับแผนแพทย์ปัจจุบันทั้งหมด ซึ่งเข้าใจ แต่ขอสิทธิเฉพาะผู้ที่ถูกกักตัว และมีความสุ่มเสี่ยง ไม่ว่าจากเคสสนามมวย ผับ หรือมาจากต่างประเทศ และยังไม่ป่วย แล้วมาเทียบกับกลุ่มอื่นที่ไม่ได้รับการดูแล อยากให้สิทธิการกักตัวไปสู่การพัฒนาภูมิปัญญาชาติ