xs
xsm
sm
md
lg

‘นายกฯ นักประดิษฐ์’ แนะภาครัฐส่งเสริมเอสเอ็มอี เน้นขอให้ภาครัฐแก้ไขปัญหาทางกฎหมายเพื่อคลายปัญหาในการดำเนินธุรกิจ เพื่อฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจปี ‘เผาจริง’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายภณวัชร์นันท์ ไกรมาตย์ นายกสมาคมนักประดิษฐ์และนวัตกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการดำเนินการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี ในปี 2563 นี้ว่า ตนเห็นว่า SME มีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านการผลิต การจ้างงาน การลงทุน และการส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการให้แก่ประชาชนคนไทย รวมทั้งมีผู้รู้ทางเศรษฐกิจหลายคนบอกว่าปีนี้เศรษฐกิจจะเกิดวิกฤตจริง หรือเป็นปี ‘เผาจริง’ ดังนั้น การส่งเสริมให้เกิดโครงการสตาร์ทอัพหรือเอสเอ็มอี จึงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะสามารถแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ดังกล่าวได้

นายภณวัชร์นันท์กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่า SME จะมีบทบาทที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ แต่ SME ก็มีข้อจำกัดและอุปสรรคในการดำเนินกิจการหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ SME มีขนาดเล็ก จึงทำให้เสียเปรียบธุรกิจขนาดใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (economies of scale) โดยเฉพาะในด้านการผลิตที่ต้องอาศัยการลงทุนในเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่มีต้นทุนสูง และการเข้าถึงตลาด ยิ่งไปกว่านั้น SME จำนวนมากยังประสบปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยี ตลาด และเงินทุนดังกล่าวทำให้ SME จำนวนมากไม่สามารถขยายกิจการและเติบโตเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้ ดังนั้น ตนเห็นว่าถึงแม้ว่ารัฐบาลได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ รวมถึงหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้เตรียมแผนส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านกลไกการพัฒนา 4 ตัว คือ 1. การปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ 2. การสร้างความสามารถของกำลังคน 3. โครงสร้างพื้นฐานสำคัญและสิ่งอำนวยความสะดวก และ 4. การยกระดับเครือข่ายพันธมิตรต่างประเทศ ก็ตาม แต่ตนก็อยากจะเสนอว่าขอให้ทางข้าราชการต้องหันมาส่งเสริมประชาชนให้มีการดำเนินธุรกิจ โดยกฎระเบียบที่ไม่เอื้ออำนาจต่อธุรกิจต้องเปลี่ยนแปลงจากบังคับมาเป็นส่งเสริม และฝากสังคมไทยเลิกนำเข้าสินค้าที่ฟุ่มเฟือยมาขายและส่งออกไปในราคาถูก เพราะสินค้าเหล่านั้นบางรายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา บางรายไร้คุณภาพจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของชาติไทย และอนาคตจะทำให้คำว่า Made in thailand ขาดความน่าเชื่อถือ และนวัตกรรมหรือสินค้าที่ผลิตควรเน้นคุณภาพ และรัฐส่งเสริมด้านภาษี จะทำให้ธุรกิจ SME ของชาติไทยอยู่รอดท่ามกลางสถานการณ์ที่เป็นวิกฤตการณ์ต่างๆ ได้

“รัฐบาลในหลายๆ ประเทศได้เล็งเห็นความสำคัญของ SME ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และตระหนักถึงข้อจำกัดของผู้ประกอบการ SME จึงได้มีนโยบายในการส่งเสริมการประกอบธุรกิจของ SME หลายประการ ซึ่งนโยบายหลักประการหนึ่ง คือ นโยบายส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อให้ SME อย่างไรก็ตาม การที่ SME มีความหลากหลายมาก นโยบายส่งเสริมต่างๆ จะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจถึงความหลากหลายดังกล่าว ดังนั้น ภาครัฐควรเป็นเจ้าภาพหรือเป็นผู้ชี้นำแนวทางในการสร้าง SME และต้องส่งเสริมนวัตกรรมหรือสินค้าที่ผลิตควรเน้นคุณภาพ และรัฐส่งเสริมด้านภาษี จะทำให้ธุรกิจ SME ของชาติไทยอยู่รอด ลองมองภาพดูว่า ห้องแถวที่ร้างมีธุรกิจเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ธุรกิจของชาติไทยจะเป็นอย่างไร สภาพเศษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร มีประชาชนและนักท่องเที่ยว นักธุรกิจยืนดูเลือกซื้อสินค้าไทยไปจำหน่าย รัฐจะมีภาษีมากมาย จนสามารถนำภาษีมาลงทุนจัดการเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องน้ำให้เป็นระบบ ซึ่งจะสามารถแก้ปัญหาที่ซ้ำซากที่ประเทศไทยเผชิญมาเป็นเวลายาวนานด้วย” นายภณวัชร์นันท์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น