วันนี้ (5 เม.ย.) เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ และจับตามองในขณะนี้สำหรับบริษัท ศรีอยุธยา แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ AYUD ที่ในปีนี้ทำให้นักลงทุน และผู้ถือหุ้นประหลาดใจไม่น้อย กับการประกาศงดจ่ายเงินปันผลสำหรับผลสประกอบการงวดครึ่งปีหลังของปี 2560 และประกาศเพิ่มทุนด้วยการออกวอแรนต์ ในสัดส่วน 2 ต่อ 1 (2 หุ้นเดิมได้ 1 หุ้นวอแรนต์) โดยจะมีการโหวตภายในวันที่ 20 เมษายน 2561 ซึ่งที่ผ่านมาถือว่า AYUD เป็นหุ้นขวัญใจนักลงทุน 1 ระยะยาวเพราะมีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนที่อยู่ในเกณฑ์ดีมาโดยตลอด อย่างในปี 2557 มีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ 5.29% และ 7.09%,6.06% และ 6.06% ในปี 2558 2559 และ 2560 ตามลำดับ โดยคณะกรรมการบริษัทให้เหตุผลว่าสำรองไว้สำหรับการขยายกิจการในอนาคต
ประเด็นเรื่องการงดจ่ายเงินปันผลก็เป็นเรื่องที่พอทำใจ หรือเข้าใจได้ แต่การประกาศเพิ่มทุนด้วยการออกวอแรนต์ AYUD-W1 จำนวนถึง 125 ล้านหุ้น ด้วยราคาใช้สิทธิที่หุ้นละ 39 บาท ไม่อาจจะทำใจมองข้ามไปได้ง่ายๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า คณะกรรมการบริษัทฯ ไม่ได้ให้เหตุผลต่อผู้ถือหุ้นว่าจะเพิ่มทุนไปด้วยเหตุผลอะไร และเม็ดเงินที่จะได้จากการเพิ่มทุนคราวนี้ก็สูงลิ่วถึงกว่า 4,875 ล้านบาท คำถามเกิดขึ้นในใจผู้ถือหุ้นทันทีว่า เงินก้อนนี้จะนำไปใช้ทำอะไร ? AYUD และบริษทลูกอย่าง SAGI มีกระแสเงินสดรวมกันไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท เงินก้อนนี้ยังไม่เพียงพออีกหรือต่อการขยายกิจการในอนาคตหากเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้นเมื่อมองลึกลงไปในเกมส์หุ้นของการเพิ่มทุนครั้งนี้จะเห็นประเด็นแอบแฝง หรือ Hidden Agenda ที่ชัดเจน ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 19 มกราคม 2561 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 เรื่องการพิจารณาให้บริษัท ศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย (บริษัทลูก) ซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดจากบริษัท อลิอันซ์ ประกันภัย ว่ามีผู้ถือหุ้นเห็นด้วย 67.68% ไม่เห็นด้วยไม่เห็นด้วย 27.37% และงดออกเสียง 4.93% ซึ่งแม้เสียงข้างมากเห็นด้วยแต่ยังน้อยกว่า 75% ทำให้ยังไม่เพียงพอที่จะอนุมัติให้บริษัท ศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย เข้าซื้อ และรับโอนกิจการทั้งหมดจากบริษัท อลิอันซ์ ประกันภัยได้
ซึ่งถ้าหากวันที่ 20 เมษายน 2561 ผลโหวตการเพิ่มทุนเกิดผ่านขึ้นมา มีความเป็นไปได้ที่สูงมากสำหรับ เป้าประสงค์ของการเพิ่มทุนในครั้งนี้ของ AYUD ที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น หรือพูดกันตรง ๆ ง่าย ๆ ว่าเพิ่มเสียงโหวตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระยะเวลาการแปลงสิทธิ AYUD-W1 รอบแรกค่อนข้างที่จะกระชั้นชิดเป็นอย่างมากคือวันที่ 15 มิถุนายน 2561 นั่นหมายความว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ล้วนแล้วแต่เงินถุงเงินถังพร้อมที่จะแปลงสิทธิกันอย่างพร้อมพรียงเพื่อเพิ่มเสียงโหวตให้แก่ฝ่ายตน ตรงข้ามกันกับเหล่าผู้ถือหุ้นรายย่อยเพราะไม่ง่ายนักที่จะหาเงินมาใส่เพื่อแปลงสิทธิด้วยระยะเวลากระชั้นแบบนี้
แน่นอนว่าเมื่อเสียงในมือของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่มีเพียงพอแล้ว การปลุกดีลควบรวมอลิอันซ์ที่เคยถูกผู้ถือหุ้น Vote No มาแล้วก็คงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก เชื่อขนมกินได้เลย งานนี้เป็นการวัดใจผู้ถือหุ้นรายย่อยด้วยเดิมพันที่สูงไม่น้อย เพราะหากปล่อยให้การเพิ่มทุนครั้งนี้ถูกโหวตผ่าน ก็คงไม่ต้องหวังน้ำบ่อหน้า หรืออัศวินขี่ม้าขาวที่ไหนมาช่วยได้อีกแล้ว เพราะนอกจากต้องควักกระเป๋าหาเงินมาใส่เพิ่มเพื่อไม่ให้เกิด Dilution Effect แล้วดีลที่ร่วมแรงร่วมพลังกันต้านไว้เมื่อคราวก่อน คงเสร็จเรียบร้อยโรงเรียน AYUD แน่นอน รายย่อยเลือกแบบไหนวัดใจกันไปเลย