“ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป” ลงทุนเพิ่มใน Sakun C ผู้ออกแบบ และประกอบเรืออลูมิเนียม และยานพาหนะอื่น ๆ หวังช่วยเสริมทัพธุรกิจ คาดช่วยดันขายเพิ่มขึ้น ซึ่งในปีนี้น่าจะเติบโตประมาณ 40 %
นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป หรือ CWT เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชัน จํากัด หรือ Sakun C ซึ่งประกอบธุรกิจรับออกแบบและประกอบเรืออลูมิเนียม และยานพาหนะอื่น ๆ หลังมีมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 50.01% หลังการเข้าศึกษา และตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เข้าถือหุ้นจํานวน 5,001 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท คิดเป็น 500,100 บาท จากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทสุกลฎ์ซีฯ เพื่อหวังต่อยอดธุรกิจ และช่วยเสริมกิจการที่มีอยู่ของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่ง และมั่นคงยิ่งขึ้น เนื่องจากบริษัทสกุลฎ์ซีฯ มีความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตเรือ และเทคโนโลยีที่ใช้ทั้งในการประกอบ และการผลิตนั้น มีมาตรฐานเดียวกันกับการผลิตรถยนต์
วัสดุที่ใช้ในการผลิตเรือเป็นนวัตกรรมใหม่ จากการใช้อลูมิเนียม ซึ่งใช้ทดแทนไฟเบอร์ และไม้ ซึ่งแม่พิมพ์ทุกชิ้นส่วนที่ใช้มีคุณภาพสูง ทดแทนการพับ ตัด ต่อ เชื่อมแบบเดิม และใช้โครงสร้างที่แข็งแรง และมีขนาดใหญ่ เพื่อลดรอยต่อ เพิ่มความแข็งแรง ซึ่งได้ผ่านการทดสอบทางวิศวกรรม ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ทั้งเบา แข็งแรง ซ่อมบำรุงน้อย และอัตราการสิ้นเปลืองน้อยกว่า และมีความปลอดภัยสูง ไม่ว่าจะเป็นเรือส่วนบุคคล สปีดโบต และเรือขนาดเล็ก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย และมีนวัตกรรมที่ล้ำหน้า เนื่องจากบริษัทสกุลฎ์ซีฯ มีทีมงานออกแบบ วิจัย พัฒนา และกระบวนการผลิต การประกอบเอง ผ่านการรับรองมาตรฐานตามคลาสเรือสากล
ประกอบกับบริษัทสกุลฎ์ซีฯ รับทำแม่พิมพ์สำหรับผลิตตัวถังรถยนต์ได้ทุกชิ้นส่วน และส่งตรงบริษัทชั้นนำทั่วโลก เช่น ฮอนด้า และนิสสัน และมีความชำนาญชิ้นงานขนาดใหญ่ เช่น งานโลหะสำหรับสั่งทำพิเศษ ซึ่งมีประสบการณ์กว่า 20 ปีนั้น ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมและต่อยอดธุรกิจของบริษัทฯ ที่อยู่เดิมได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งยังมองเห็นถึงการเติบโตของบริษัทฯ ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่มีเกณฑ์การชี้วัดรายได้ที่จะมาจากการท่องเที่ยวในช่วง 5 ปีแรก ไม่ต่ำกว่า 4 ล้านล้านบาทนั้น ซึ่งเชื่อมโยงกับธุรกิจของบริษัทสกุลฎ์ซีฯ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวทางทะเล และทางน้ำ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ โดยยังมีช่องทางการเติบโตได้อีกมาก
“การเข้าลงทุนในบริษัทสกุลฎ์ซีฯ ในครั้งนี้นั้น ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจเดิมที่มีอยู่ของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น และช่วยเสริมธุรกิจใหม่ให้บริษัทมีการกระจายรายได้ที่มาจากหลากหลายช่องทางมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากธุรกิจหลักของบริษัทฯ ที่มีอยู่แล้ว อีกทั้งบริษัทสกุลฎ์ซีฯ ก็มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการผลิตและต่อเรือเป็นอย่างดี มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ซึ่งในครั้งนี้น่าจะช่วยเสริมให้บริษัทฯ มียอดขายที่เติบโตขึ้นได้และน่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้” นายวีระพล กล่าว
นายวีระพล กล่าวต่อว่า ในส่วนของบริษัทสำหรับปีนี้นั้น คาดว่าทำรายได้จะไม่ต่ำกว่า 2,400 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะเติบโตได้อีก 40% เนื่องจากปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้ 1.98 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 52.83 ล้านบาท โดยในปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ทั้งจากธุรกิจชิ้นส่วนหนังสำหรับเบาะรถยนต์ และรายได้จากโรงไฟฟ้า และธุรกิจอื่น ๆ โดยธุรกิจชิ้นส่วนหนังสำหรับเบาะรถยนต์คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.8 พันล้านบาท จากการมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากค่ายรถยนต์ทั้ง ฮอนด้า และอีซูซุ ประกอบกับปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลโคกเจริญ ที่ จ.สระแก้ว ซึ่งมีกำลังการผลิต 9.6 เมกะวัตต์ โดยจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. นี้ จากเดิมที่บริษัทมีโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา โดยในปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี ดังนั้น จะส่งผลให้สัดส่วนกำไรสุทธิจากโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นราว 50% ซึ่งเพิ่มจาก 20% ในปี 2560
นอกจากนี้ ผลจากมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นจำนวน 0.0329 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 3 พ.ค. 2561 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พ.ค. 2561