xs
xsm
sm
md
lg

CWT หวังยอดขายปี 61 โต 40% ล่าสุดรุกลงทุน Sakun C

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน 360 - “ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป” ลงทุนเพิ่มใน Sakun C ผู้ออกแบบ และประกอบเรืออลูมิเนียม หวังช่วยเสริมทัพธุรกิจ คาดช่วยดันยอดขายเพิ่มขึ้น เพื่้อให้ทั้งปีเติบโตระดับ 40% ผู้บริหารพอใจทุกธุรกิจออเดอร์ไหลเข้าอีกทั้งรับรู้รายได้จากโซลาร์ฟาร์มเพิ่ม

นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นใน บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชัน จํากัด หรือ Sakun C ซึ่งประกอบธุรกิจรับออกแบบและประกอบเรืออลูมิเนียม และยานพาหนะอื่น ๆ โดยเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 50.01% หลังการเข้าศึกษาและตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เข้าถือหุ้น จํานวน 5,001 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท คิดเป็น 500,100 บาท จากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทสุกลฎ์ซีฯ เพื่อหวังต่อยอดธุรกิจ และช่วยเสริมกิจการที่มีอยู่ของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่ง และมั่นคงยิ่งขึ้น เนื่องจากบริษัทสกุลฎ์ซีฯ มีความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตเรือ และเทคโนโลยีที่ใช้ทั้งในการประกอบ และการผลิตนั้น มีมาตรฐานเดียวกันกับการผลิตรถยนต์โดยวัสดุที่ใช้ในการผลิตเรือเป็นนวัตกรรมใหม่ จากการใช้อลูมิเนียม ซึ่งใช้ทดแทนไฟเบอร์ และไม้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย

ประกอบกับบริษัทสกุลฎ์ซีฯ รับทำแม่พิมพ์สำหรับผลิตตัวถังรถยนต์ได้ทุกชิ้นส่วน และส่งตรงบริษัทชั้นนำทั่วโลก เช่น ฮอนด้า นิสสัน และมีความชำนาญชิ้นงานขนาดใหญ่ เช่น งานโลหะสำหรับสั่งทำพิเศษ ซึ่งมีประสบการณ์กว่า 20 ปีนั้น ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยส่งเสริม และต่อยอดธุรกิจของบริษัทฯ ที่อยู่เดิมได้เป็นอย่างดี

“การเข้าลงทุนในบริษัทสกุลฎ์ซีฯ ในครั้งนี้นั้น ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจเดิมที่มีอยู่ของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น และช่วยเสริมธุรกิจใหม่ให้บริษัทมีการกระจายรายได้ที่มาจากหลากหลายช่องทางมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากธุรกิจหลักของบริษัทฯ ที่มีอยู่แล้ว อีกทั้งบริษัทสกุลฎ์ซีฯ ก็มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการผลิตและต่อเรือเป็นอย่างดี มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ซึ่งในครั้งนี้น่าจะช่วยเสริมให้บริษัทฯ มียอดขายที่เติบโตขึ้นได้ และน่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้” นายวีระพล กล่าว

ส่วนเป้าหมายของ CWT ในปีนี้นั้น กรรมการผู้จัดการ CWT คาดว่าทำรายได้จะไม่ต่ำกว่า 2,400 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะเติบโตได้อีก 40% เนื่องจากปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้ 1.98 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 52.83 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ทั้งจากธุรกิจชิ้นส่วนหนังสำหรับเบาะรถยนต์ และรายได้จากโรงไฟฟ้า และธุรกิจอื่น ๆ ส่วนธุรกิจชิ้นส่วนหนังสำหรับเบาะรถยนต์ คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.8 พันล้านบาท จากการมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากค่ายรถยนต์ทั้งฮอนด้า และอีซูซุ

นอกจากนี้ บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลโคกเจริญ ที่ จ.สระแก้ว ซึ่งมีกำลังการผลิต 9.6 เมกะวัตต์ โดยจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. นี้ จากเดิมที่บริษัทมีโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา โดยในปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี ดังนั้น จะส่งผลให้สัดส่วนกำไรสุทธิจากโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นราว 50% ซึ่งเพิ่มจาก 20% ในปี 2560

รายงานล่าสุด ผลจากมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น จำนวน 0.0329 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 3 พ.ค. 2561 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พ.ค. 2561


กำลังโหลดความคิดเห็น