1.ผบ.ตร.แถลงคดีหวย 30 ล้าน ไม่กล้าพูดใครเจ้าของ แต่ยกฎีกาผู้ครอบครองมีสิทธิขึ้นเงิน ด้าน “ครูปรีชา-เจ๊บ้าบิ่น” ถูกออกหมายจับ แต่ยังไม่สารภาพ!
ในที่สุด คดีหวยอลเวง 30 ล้าน ที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจเกษียณ และนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี ต่างอ้างความเป็นเจ้าของลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.2560 จำนวน 5 ใบ มูลค่า 30 ล้านบาท ก็ถึงบทสรุปในชั้นตำรวจ
โดยเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) นัดแถลงสรุปคดีหวย 30 ล้าน ในเวลา 13.00 น. ปรากฏว่า ก่อนถึงเวลาแถลง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) และ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม(ผบก.ป.) ได้นำสำนวนและคำร้องไปขอศาลอาญาออกหมายจับครูปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ที่อ้างว่าขายลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 ให้ครูปรีชา โดยขอออกหมายจับ 3 ข้อหา คือ 1.แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, 2.รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แต่แจ้งความต่อเจ้าพนักงานว่ามีการกระทำผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท ตามมาตรา 173 หากการแจ้งความดังกล่าว เพื่อกลั่นแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนัก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และ 3.แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือราชการ โดยมีวัตถุประสงค์สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งต่อมาศาลได้อนุมัติหมายจับครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่นตามที่ตำรวจร้องขอ
จากนั้นตำรวจได้เข้าควบคุมตัวครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่น พร้อมตรวจค้นบ้านพักของบุคคลทั้งสองเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยมีรายงานว่า ระหว่างตรวจค้นบ้านพักเจ๊บ้าบิ่นในชุมชนเตาปูน จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญเป็นสมุดจด ภายในมีข้อความเขียนด้วยลายมือคล้ายจดบันทึกเตรียมคำให้การใจความว่า “ลอตเตอรี่ชุดดังกล่าว ไปรับมาจากเจ๊พัชและก็ขายต่อให้กับครูปรีชา ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกรางวัลที่แท้จริง” และยังมีข้อความอีกหลายข้อความที่เกี่ยวกับคำให้การ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่กองปราบฯ
ส่วนประเด็นสำคัญในการแถลงข่าวกรณีหวย 30 ล้าน ที่นำทีมโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ประชาชนคาดหวังว่า จะมีการสรุปให้ฟังชัดๆ ว่า ใครเป็นเจ้าของหวย 30 ล้านตัวจริง กลับปรากฏว่า ไม่มีการฟันธงแต่อย่างใด โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตำรวจมีหน้าที่ดำเนินคดีอาญาแผ่นดิน ส่วนเรื่องคดีแพ่ง คู่กรณีต้องไปฟ้องร้องกันเอง ตำรวจไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่กล้าก้าวล่วงในส่วนนั้น และไม่มีหน้าที่ชี้ว่า ใครคือเจ้าของที่แท้จริง
พล.ต.อ.จักรทิพย์ย้ำด้วยว่า ใครเป็นเจ้าของหวย 30 ล้านตัวจริง ยังไม่ทราบ แต่จะอ่านฎีกาปี 2530 ให้ฟัง และให้ไปคิดกันเอง โดยอ่านว่า เงื่อนไขการรับรางวัลที่ระบุไว้ด้านหลังของสลากกินแบ่งรัฐบาลทุกฉบับว่าเงินรางวัลจะจ่ายแก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกรางวัลนำมาขอรับ เป็นข้อกำหนดที่มีไว้เพื่อจะจ่ายเงินแก่เจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาลที่แท้จริง ป้องกันการทุจริตแอบอ้างมารับเงินรางวัล “ที่ผมอ่านให้ฟัง เพื่อจะได้ไปคิดกันเอง จะบังคับให้ผมชี้ซ้ายชี้ขวานั้น ไม่ขอพูด ส่วนกรณีมีคำสั่งให้ ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี มาช่วยราชการ ศปก.ตร.เนื่องจากเกรงว่า จะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เรื่องนี้ยังไม่จบภายในวันสองวัน เรื่องนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดู ยุค ผบ.แป๊ะ ไม่มีเด็ดขาด”
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. กล่าวว่า คดีนี้ยังอยู่ระหว่างการต่อสู้ไปถึงชั้นศาล ถ้าจะกล่าวในรายละเอียดมาก อาจส่งผลกระทบกับผู้มีส่วนได้-เสีย และว่า เรื่องนี้ ร.ต.ท.จรูญกับนายปรีชาต่างฝ่ายต่างโต้แย้งกรรมสิทธิ์ซึ่งกันและกัน โดยฝ่าย ร.ต.ท.จรูญไม่สามารถให้ข้อมูลที่รองรับได้ เช่น ซื้อลอตเตอรี่มาจากไหน ทางชุดทำงานจึงกองไว้ก่อน จากนั้นมาสืบฝั่งของนายปรีชา ซึ่งให้ข้อมูลเยอะแยะไปหมด จึงนำข้อมูลมาพิสูจน์ทราบว่าให้การจริง-เท็จมากน้อยเพียงใด สรุปคือ สิ่งที่ฝ่ายนายปรีชาพูดมา ไม่สอดคล้องกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ แปลว่า สิ่งที่กล่าวอ้างมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ซื้อลอตเตอรี่และทำลอตเตอรี่ตก มีคนเก็บได้ ไม่มีความจริง เมื่อเรื่องไม่จริง อีกฝั่งต้องจริง แต่จริงอาจจะจริงไม่สุด เพราะไม่มีหลักฐานพยานมายืนยันว่า เขาซื้อแผงไหน อย่างไร ก็เลยค้างไว้เป็นเรื่องกฎหมายแพ่งว่าใครถือลอตเตอรี่ก็เป็นผู้มีสิทธิ์ ประกอบกับเรื่องนี้ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน ทำให้ศาลเชื่อว่ามีการทำความผิดเกิดขึ้นจริง ศาลจึงออกหมายจับให้
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการแถลงของ ผบ.ตร.กรณีหวย 30 ล้าน ปรากฏว่า หมวดจรูญ พร้อมด้วยนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ได้เปิดแถลงข่าว โดยหมวดจรูญเผยว่า รู้สึกพอใจมากๆ ขอขอบคุณ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และตำรวจกองปราบฯ ทุกนายที่ให้ความเป็นธรรมเป็นอย่างมาก และว่า หลังจากนี้เป็นหน้าที่ตนและทนายจะดำเนินการต่อ ตนขออโหสิให้ทุกคนที่ทำให้ตนเดือดร้อน ส่วนเรื่องของคดีก็ว่ากันตามกฎหมาย
ด้านนายษิทรา ทนายความของหมวดจรูญ กล่าวถึงคดีแพ่งที่ครูปรีชาฟ้องหมวดจรูญและหมวดจรูญถูกอายัดเงินว่า “ขั้นตอนต่อไป จะขอสำนวนจากตำรวจเพื่อขอถอนอายัด หลังจากอัยการสรุปสำนวนในคดีนี้ ตนจะไปแจ้งละเมิดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะถือว่าพวกนี้ละเมิดสิทธิหมวดจรูญ กลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญาและอายัดเงิน 25 ล้านบาท โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เตรียมดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายทุกคนที่เกี่ยวข้อง”
ทั้งนี้ ตำรวจได้ควบคุมตัวครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่นไว้สอบสวนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. กระทั่งวันที่ 2 มี.ค. ตำรวจได้นำตัวทั้งสองไปขอศาลอาญาฝากขังผัดแรกระหว่างวันที่ 2-13 มี.ค.นี้ เนื่องจากต้องสอบพยานอีก 10 ปาก โดยพนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านการประกันตัวแต่อย่างใด ให้อยู่ในดุลพินิจของศาล ซึ่งต่อมา ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาท และไม่ได้กำหนดเงื่อนไขแต่อย่างใด เพียงแค่ให้ทั้งสองมารายงานตัวต่อศาลเมื่อครบกำหนดฝากขังในวันที่ 14 มี.ค.
ด้านนายเกรียงไกร นาควะรี ทนายความของครูปรีชา ยืนยันว่า ที่มีข่าวว่าครูปรีชารับสารภาพว่าไม่ได้เป็นเจ้าของหวย 30 ล้านนั้น ไม่เป็นความจริง ครูปรีชาไม่เคยรับสารภาพ ในชั้นสอบสวน ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. สำนักงานศาลยุติธรรมได้มีคำสั่งโยกย้ายข้าราชการจำนวน 198 ราย โดย 1 ในนั้นมี นางดุษดี ถิ่นทุ่งทอง หรือกุ้ง เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมชำนาญการส่วนช่วยพิจารณาคดี สำนักอำนวยการประจำศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ก่อนหน้านี้ ตำรวจ สภ.กาญจนบุรี ได้เชิญมาสอบปากคำในฐานะพยานที่อ้างว่า อยู่ในเหตุการณ์ตอนครูปรีชามารับลอตเตอรี่จากเจ๊บ้าบิ่น รวมทั้งอ้างว่าเห็นลอตเตอรี่เลขท้าย 726 โผล่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อครูปรีชาด้วย โดยนางดุษดีถูกย้ายไปเป็นเจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมชำนาญการส่วนช่วยพิจารณาคดี สำนักอำนวยการประจำศาลจังหวัดนครปฐม มีผลตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.เป็นต้นไป
ด้านนายสราวุธ เบญกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยืนยันว่า การย้ายข้าราชการสำนักงานศาลยุติธรรมครั้งนี้ เป็นการย้ายตามปกติ ไม่ได้เกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้านแต่อย่างใด
2.“เปรมชัย” เข้าพบตำรวจแล้ว “ศรีวราห์” บินสอบเอง ถูกวิจารณ์ยับ ไหว้ตอบผู้ต้องหาก้มต่ำเกินเหตุ ด้าน “ร.ต.อ.สุมิตร” ถูกภาคทัณฑ์ฐานรับแจ้งความเปรมชัยทารุณกรรมสัตว์!
ความคืบหน้ากรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คนเข้าไปล่าสัตว์คุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี ที่เบื้องต้น ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ ได้แจ้งข้อหา 9 ข้อหา และเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มกรณีทารุณกรรมสัตว์ โดยได้ออกหมายเรียกให้นายเปรมชัยมาให้ปากคำเพิ่มและรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงกำหนด ทนายของนายเปรมชัยแจ้งว่า มีเหตุขัดข้อง ไม่สามารถมาพบพนักงานสอบสวนได้ พนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้นายเปรมชัยมาพบในวันที่ 22 ก.พ.แต่ปรากฏว่า ทนายของนายเปรมชัยได้แจ้งขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนออกไปอีกครั้ง โดยอ้างว่าติดธุระสำคัญ ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ จึงให้นายเปรมชัยมาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 5 มี.ค.นี้
ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 2 มี.ค. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง สภ.ทองผาภูมิ เพื่อติดตามความคืบหน้าและตรวจสำนวนคดีนายเปรมชัยว่าจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้องพนักงานอัยการได้เมื่อไหร่ ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ เผยว่า นายเปรมชัยพร้อมพวกรวม 4 ราย ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี แล้ว ซึ่งตนจะร่วมสอบปากคำด้วย และว่า เมื่อผู้ต้องหาทั้ง 4 รายเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนก่อนกำหนด ดังนั้นวันที่ 5 มี.ค.ก็ไม่จำเป็นต้องมาอีก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีประเด็นที่จะต้องสอบสวน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องในสำนวน
พล.ต.อ.ศรีวราห์ยืนยันด้วยว่า ใขณะนี้สำนวนคดีคืบหน้าไปแล้วกว่า 90% ยืนยันไม่ได้ล่าช้า คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องให้พนักงานอัยการได้ไม่เกินฝากขังครั้งที่ 4 หรือก่อนวันที่ 26 มี.ค.นี้
เป็นที่น่าสังเกตว่า ระหว่างที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ เดินไปถึงห้องสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ปรากฏว่า นายเปรมชัย ซึ่งรออยู่ก่อนแล้วได้ยกมือไหว้ พล.ต. ศรีวราห์และคณะ หลังจากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ ก็ได้ยกมือไหว้ตอบ พร้อมกับก้มต่ำมากคล้ายกับการคำนับ ซึ่งหลังจากภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านสื่อ ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ พล.ต.อ.ศรีวราห์ อย่างกว้างขวางว่า การไหว้ตอบผู้ต้องหาในลักษณะดังกล่าว เหมาะสมหรือไม่
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ได้กล่าวก่อนหน้านี้ถึงกรณีมีการแชร์กันในโซเชียลมีดียว่า นายเปรมชัยหลุดข้อหาทารุณกรรมสัตว์ โดยชี้แจงว่า ข้อหาดังกล่าวไม่ได้หลุด แต่ข้อหานี้ไม่มีในข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.ทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 จึงให้พนักงานสอบสวนไปพิจารณาว่า ผู้ที่ร้องทุกข์กล่าวโทษเข้าข่ายมีเจตนากลั่นแกล้งหรือแจ้งความเท็จหรือไม่ และว่า ตำรวจที่รับแจ้งความอาจจะมีความผิดด้วยเช่นกัน
และดูเหมือนตำรวจท้องที่จะรับลูกหลังได้รับสัญญาณจาก พล.ต.อ.ศรีวราห์ โดยเมื่อวันที่ 1 มี.ค. พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ ผกก.สภ.ทองผาภูมิ ได้มีคำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ร.ต.อ.สุมิตร บุญยนิจ พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ กรณีรับแจ้งความร้องทุกข์จากนายณรงค์ชัย สังวรวงศา หัวหน้าด่านกักกันสัตว์กาญจนบุรี ให้ดำเนินคดีนายเปรมชัยข้อหาทารุณกรรมสัตว์ โดยให้เหตุผลว่า “การกระทำของ ร.ต.อ.สุมิตรเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่ ไม่ตรวจสอบข้อกฎหมายให้แน่ชัดว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่ และรับคำร้องทุกข์ไว้”
อย่างไรก็ตามได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ พล.ต.อ.ศรีวราห์อย่างกว้างขวางกรณีส่งสัญญาณให้มีการเอาผิดตำรวจที่รับแจ้งความและผู้แจ้งความเอาผิดนายเปรมชัยข้อหาทารุณกรรมสัตว์ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์มีท่าทีตั้งแต่แรกเหมือนต้องการเอาผิดเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามากกว่าที่จะเอาผิดนายเปรมชัย
ส่วนความคืบหน้าข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ของนายเปรมชัยนั้น พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รองผู้บังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(ปปป.) เผยว่า ขณะนี้พยานหลักฐานข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เนื่องจากคลิปเสียงที่ปรากฏไม่ใช่เสียงของนายเปรมชัย และเนื้อหาเป็นการสนทนาทั่วไป ระหว่างนายยงค์ โดดเครือ 1 ในผู้ต้องหาสนทนากับเจ้าหน้าที่ป่าไม้หลังถูกจับกุมเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ดังนั้นได้เชิญนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรกับพยานอีก 5 คน มาให้ปากคำเพิ่มเติมในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ก่อนจะประชุมสรุปว่าจะแจ้งข้อกล่าวหานายเปรมชัยหรือไม่ในวันที่ 12 มี.ค.
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ขณะนี้ทีมปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ ได้ตรวจสอบดีเอ็นเองาช้าง 2 คู่ที่ตรวจยึดได้จากบ้านนายเปรมชัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว พบว่า เป็นงาช้างแอฟริกาทั้ง 2 คู่ ถือว่ามีความผิดตามมาตรา 19 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ที่ห้ามครอบครองสัตว์ป่าสงวนหรือซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โทษสูงสุดจำคุก 4 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เผยว่า หลังจากนี้ จะแจ้งความเพิ่มเติมนายเปรมชัยข้อหาครอบครองงาข้างผิดกฎหมาย
3.“พล.ต.อ.สล้าง” โดดห้างสูง 7 ชั้นดับ ทิ้ง จ.ม.ลาตายค้านรถไฟรางคู่-รถไฟฟ้ายกระดับ ด้านลูกชายเผย พ่อป่วยซึมเศร้า!
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. เวลา 11.30 น. ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับเเจ้งเหตุชายตกจากชั้น 7 ลงมาที่ชั้น 1 ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังรุดไปที่เกิดเหตุ พบว่า เจ้าหน้าที่ของห้างดังกล่าวได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลชลประทานไปก่อนหน้าแล้ว จากการตรวจสอบ ไม่พบเอกสารยืนยันตัวบุคคล พบเพียงกระดาษที่เขียนด้วยลายมือ มีข้อความลาตาย ลงชื่อ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นพยานหลักฐาน
ขณะที่หญิงสาวรายหนึ่งซึ่งเห็นเหตุการณ์ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ เห็นผู้เสียชีวิตเดินอยู่บนชั้น 7 ของห้าง จากนั้นได้เดินไปที่กระจกทางกั้นและปีนข้าม ก่อนพลัดตกลงไปที่ชั้น 1 จากนั้นเจ้าหน้าที่ของห้างได้ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล
สำหรับข้อความที่ พล.ต.อ.สล้าง เขียนในจดหมายลาตาย มีข้อความบางส่วนว่า “ร้านกาแฟชั้นบน เพื่อนๆ ลูกหลานที่รัก พ่ออยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี ขอจากไปอย่างเกิดประโยชน์ ขอให้ทุกคนที่ทราบเรื่องช่วยกันคัดค้าน รางคู่ขนาด 1,000 ม. รถไฟฟ้ายกระดับ ผลักดันให้สร้างถนน AUTO BAHN ช่วยกันทำหนังสือนี้แจกกันให้มากๆ พ่อนับ 1-1,000 แล้ว วิธีการนี้จะเป็นประโยชน์ ขอให้คนที่รักทุกคนด้วย (ลงชื่อ) พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค”
นอกจากนี้ยังมีข้อความว่า “อย่าตำหนิ ขอให้ภูมิใจ ถ้าไม่ทำอย่างนี้จะไม่มีใครรู้เรื่อง เพราะสื่อช่วยกันปกปิดแล้วส่งเสริม ขอให้ลูกเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน-ขอให้หลานเป็นเด็กดี-ขอให้ชมรมรักกันตลอดไป-ฝากลา ป.200 ด้วย ปฏิรูปตำรวจ ทำแต่จะมีเครื่องช่วยในการทำงานอย่างไร งานพิธีพ่อขอแต่งชุดสากล-รูป เครื่องแบบปกติสีกากี เอาทั้งปกหนังสือ ขอร้องให้พิมพ์เอกสารนี้แจกจ่ายเพื่อประชาชนจะได้ทราบและเรียกร้องสิทธิของตนเอง”
ต่อมา พ.ต.ท.เหมจักร บุนนาค สารวัตรปราบปราม สน.ดินแดง และนายวันจักร บุนนาค บุตรชายของ พล.ต.อ.สล้าง ได้เดินทางมาดูศพบิดาที่โรงพยาบาล พร้อมยืนยันว่า ชายที่เสียชีวิตคือ พล.ต.อ.สล้าง จริง
ทั้งนี้ พ.ต.ท.เหมจักรกล่าวว่า ไม่ติดใจการเสียชีวิตของบิดา เนื่องจากบิดามีอาการป่วย เครียด และซึมเศร้ามาโดยตลอด ซึ่งบิดาพยายามต่อสู้กับอาการป่วยเหล่านี้มานานแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำเช่นนี้ ขณะที่นายวันจักรกล่าวว่า บิดาเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจมา 2-3 ปีแล้ว ไม่ได้มีอาการป่วยถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า คิดว่าเป็นโรคคนแก่มากกว่า ปกติบิดาจะมีคนดูแลตลอดเวลา แต่วันเกิดเหตุคนดูแลไปทำธุระ และบิดาออกไปเดินห้างเพียงคนเดียว
อนึ่ง พล.ต.อ.สล้าง เกิดเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2480 ที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี เคยดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมตำรวจฝ่ายป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ นอกจากนี้ยังเคยมีบทบาทในช่วงเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ขณะนั้น พล.ต.อ.สล้าง เป็นรองผู้กำกับการ 2 รับคำสั่งนำกำลังตำรวจปราบจลาจล 200 นายไปรักษาความสงบที่บริเวณท้องสนามหลวงและหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) ก่อนนำไปสู่การใช้อาวุธหนักโจมตีเข้าไปใน มธ. จนมีนักศึกษา ประชาชน เสียชีวิตจำนวนมาก
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สล้าง ยังมีบทบาทในคดีดัง กรณีวิสามัญฆาตกรรม “โจ ด่านช้าง” และพวกรวม 6 คน เมื่อปี 2539 ที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งถูกตั้งคำถามจากสังคมว่า ตำรวจทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ และ พล.ต.อ.สล้าง ยังเคยเป็นผู้ที่ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวขออาสายึดทำเนียบรัฐบาลคืนจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อปี 2551 อีกด้วย
4.กกต.เปิดแจ้งตั้งพรรคใหม่ แค่วันแรกคึกคักกว่า 40 พรรค แต่ยังไร้เงาพรรค “กปปส.” ด้าน “สมชัย” ลงชิงเลขาฯ กกต.!
ความเคลื่อนไหวด้านการเมืองสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 2 มี.ค. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เปิดให้กลุ่มการเมืองที่สนใจจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองเป็นวันแรก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยตลอดทั้งวันมีกลุ่มที่มายื่นแจ้งชื่อจดทะเบียนจัดตั้งพรรคจำนวน 42 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.พรรคพลังชาติไทย 2.พรรคประชาไทย 3.พรรคพลังประชารัฐ 4.พรรคประชาชนปฏิรูป 5.พรรคสังคมประชาธิปไตยประชาชน 6.พรรคประชาชาติ 7.พรรคชาวนาไทย 8.พรรคพัฒนาไทย 9.พรรคเครือข่ายประชาชนไทย 10.พรรคเศรษฐกิจใหม่
11.พรรคพลังพลเมืองไทย 12.พรรคพลังธรรมใหม่ 13.พรรคไทยเอกภาพ 14.พรรคประชาภิวัฒน์ 15.พรรคสหประชาไทย 16.พรรคทางเลือกใหม่ 17.พรรคชาติพันธุ์ไทย 18.พรรครักษ์แผ่นดินไทย 19.พรรคแผ่นดินธรรม 20.พรรคเพื่อชาติไทย
21.พรรคกรีน 22.พรรคประชานิยม 23.พรรคพลังสยาม 24.พรรคสยามธิปัตย์ 25.พรรคของประชาชน 26.พรรคพลังอีสาน 27.พรรครวมใจไทย 28.พรรคไทยศรี วิไลย์ 29.พรรคประชามติ 30.พรรคพลังไทยยุคใหม่
31.พรรคไทยรุ่งเรือง 32.พรรคเพื่อสตรีไทย 33.พรรครากแก้วไทย 34.พรรคน้ำใจไทย 35.พรรคไทยเสรีประชาธิปไตย 36.พรรคฅนสร้างชาติ 37.พรรครวมไทยใหม่ 38.พรรคสามัญชน 39.พรรคสยามไทยแลนด์ 40.พรรคปฏิรูปประเทศไทย 41.พรรคเห็นแก่ตัว และ 42.พรรคภาคีเครือข่ายไทย
ส่วนที่หลายฝ่ายจับตาว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (กปปส.) จะตั้งพรรคเช่นกันนั้น ปรากฏว่า ยังไม่มีการมายื่นขอจัดตั้งพรรคแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายสุเทพ กล่าวเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ถึงข่าวที่กลุ่ม กปปส.จะตั้งพรรคว่า ตนได้ปาวรณาตัวแล้วว่า ชีวิตที่เหลืออยู่ จะอุทิศเวลารับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์ ศาสนา และประชาชน จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ “แต่จะไม่กลับไปเป็นนักการเมือง จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ต้องการมีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ไม่เข้าร่วมรัฐบาลกับใคร ไม่เป็นนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ หรือรัฐมนตรี ไม่เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ยืนยันว่า จะไม่ทิ้งความรับผิดชอบภาระหน้าที่ในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทยที่ต้องรับผิดชอบบ้านเมือง”
ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต. ในฐานะรักษาการเลขาธิการ กกต. แถลงถึงขั้นตอนหลัง กกต.ได้รับรายชื่อผู้ขอจดจัดตั้งพรรคว่า กกต.จะส่งรายชื่อไปตรวจสอบลักษณะต้องห้ามการเป็นสมาชิกพรรคกับ 9 หน่วยงาน คาดว่าจะใช้เวลา 30 วัน ก่อนออกหนังสือรับแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรค เพื่อให้ผู้ขอจัดตั้งพรรคไปหาผู้ร่วมจัดตั้งไม่น้อยกว่า 500 คน ประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรคไม่น้อยกว่า 250 คน รวบรวมเงินทุนประเดิมไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่ได้รับหนังสือรับแจ้งการเตรียมจัดตั้งพรรคจาก กกต.
ขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร 1 ใน กกต.กล่าวว่า แม้ไม่มีกรอบเวลายื่นคำขอจดจัดตั้งพรรค แต่หากพรรคใหม่ ต้องการส่งผู้สมัครให้ทันการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. 2562 จะต้องยื่นคำขอภายในเดือน มี.ค.นี้ จึงจะดำเนินการได้ทันตามกรอบเวลาเลือกตั้ง
สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจาก กกต.จะเปิดให้กลุ่มการเมืองที่สนใจยื่นขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคแล้ว ยังเป็นช่วงที่สำนักงาน กกต.เปิดรับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต.ด้วย ซึ่งยอดรวมผู้สมัครทั้งหมดจนถึงวันสุดท้ายวันที่ 28 ก.พ. ปรากฏว่า มีผู้สมัครทั้งสิ้น 6 คน ประกอบด้วย 1.นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง 2.พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต. รักษาการเลขาธิการ กกต. 3.นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. 4.นายสมชัย ศรีสุทธิยากร 1 ใน กกต. 5.นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ 6. นายฉัตรชัย ยอดอุดม รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ปปท.)
ทั้งนี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร 1 ใน กกต.ให้เหตุผลที่ลงสมัครเลขาธิการ กกต.ว่า เพราะเห็นว่า คสช.มีเจตนาให้ กกต.ชุดใหม่มีคุณสมบัติสูง มีเอกภาพเป็นปลาน้ำเดียว ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งทุกระดับ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ประชุม สนช.ไม่รับรอง 7 ว่าที่ กกต.ทำให้ต้องสรรหาใหม่ และคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน จึงจะได้ กกต.ชุดใหม่ ดังนั้นช่วงเวลาดังกล่าว หากมีการเลือกตั้งท้องถิ่น และยังต้องเจอปัญหานายบุญส่ง น้อยโสภณ 1 ใน กกต.ต้องพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากอายุครบ 70 ปี ในวันที่ 7 ส.ค.ตนจึงตัดสินใจสมัครเลขาธิการ กกต. เพื่อเป็นทางออกให้กับตัวเองและบ้านเมือง เพราะถ้าไม่ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการ กกต. ก็ยังทำหน้าที่ กกต.ช่วยในเรื่องของการเตรียมการเลือกตั้ง หรือถ้าได้รับเลือกเป็นเลขาธิการ กกต.ก็ได้ทำหน้าที่ส่งมอบงานให้ กกต.ชุดใหม่อย่างราบรื่น
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งคำถามจากบางฝ่ายว่า การที่นายสมชัยเป็น กกต.อยู่ แล้วมาสมัครตำแหน่งเลขาธิการ กกต. จะถือว่าเข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
5.ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนยกฟ้อง “สุเทพ” กรณีระบุ “นปช.” เอี่ยวก่อการร้าย-เผาบ้านเผาเมือง ชี้แสดงความเห็นโดยสุจริตไม่หมิ่น!
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข( กปปส.) เป็นจำเลย ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด
คดีนี้ โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2554 นายสุเทพให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ช่วงก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2554 พาดพิง นพ.เหวง โตจิราการ, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ทำนองว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง เชื่อว่าลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เพื่อให้ได้เอกสิทธิ์คุ้มกันตนเองจากคดี และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพรรคเพื่อไทยแบ่งแยกไม่ได้ ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้ผู้เสียหายและพรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหาย โดยกระทำในช่วงหาเสียงทำให้เสื่อมเสียคะแนนนิยมทางการเมือง ทำให้จำเลยและพรรคประชาธิปัตย์ได้รับประโยชน์
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ยื่นอุทธรณ์ว่า จำเลยทำให้ผู้เสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งผู้เสียหายทั้งหมดเป็นพยานเบิกความทำนองว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวไม่ใช่การแสดงความคิดเห็น เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง ทำให้คะแนนนิยมพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นคู่แข่งกับพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้น ส่วนการกล่าวหาว่าเผาเมืองนั้น ผู้เสียหายไม่ได้ถูกดำเนินคดีฐานวางเพลิง แต่โดนข้อหาก่อการร้าย ขณะที่จำเลยต่อสู้ยืนยันข้อมูลที่ให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ได้ศึกษาความเป็นมาของ นปช. และอดีตนายกฯ ที่มีการสั่งสมาชิกพรรคไปจัดตั้งมวลชน ซึ่งได้รับการสนับสนุนการเงินจากอดีตนายกฯ ชี้ชัดว่า ผู้เสียหายเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ มีการก่อการร้าย ทำร้ายทหารและประชาชน ภายหลังแกนนำยุติการชุมนุม มีการเผาสถานที่ต่างๆ อัยการจึงมีคำสั่งฟ้องข้อหาก่อการร้าย
เมื่อศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานประกอบคำเบิกความ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การให้สัมภาษณ์ของจำเลยในฐานะรองนายกฯ, ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับรู้จากการปฏิบัติหน้าที่ ประกอบกับข้อเท็จจริงที่อัยการยื่นฟ้องผู้เสียหายกับพวกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาก่อการร้าย มีการปราศรัยของผู้เสียหายให้ไปรวมกันที่ศาลากลาง, เผาไปเลยพี่น้อง และที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ปราศรัยระบุว่า พกขวดแก้วคนละใบมาเติมน้ำมันเอาข้างหน้า กทม.เป็นทะเลเพลิงอย่างแน่นอน ประกอบกับคำเบิกความของพนักงานสอบสวนดีเอสไอที่ว่า แกนนำ นปช. เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ระดมมวลชนเข้ามาเป็นขบวนการ ซึ่งได้สอบสวนเสร็จสิ้นและสั่งฟ้อง ข้อเท็จจริงที่จำเลยให้สัมภาษณ์จึงเป็นไปตามที่รับรู้รับทราบ มีสื่อมวลชนเผยแพร่ไปทั่วโลก ศาลจึงเห็นว่า พยานหลักฐานจำเลยมีน้ำหนักมั่นคง จำเลยแสดงความคิดเห็นทางการเมืองโดยสุจริต ไม่มีการเสริมแต่ง ไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทผู้เสียหายด้วยความเท็จ และไม่ได้จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเองและพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ให้เลือกผู้เสียหาย จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ในที่สุด คดีหวยอลเวง 30 ล้าน ที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจเกษียณ และนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี ต่างอ้างความเป็นเจ้าของลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.2560 จำนวน 5 ใบ มูลค่า 30 ล้านบาท ก็ถึงบทสรุปในชั้นตำรวจ
โดยเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) นัดแถลงสรุปคดีหวย 30 ล้าน ในเวลา 13.00 น. ปรากฏว่า ก่อนถึงเวลาแถลง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) และ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม(ผบก.ป.) ได้นำสำนวนและคำร้องไปขอศาลอาญาออกหมายจับครูปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ที่อ้างว่าขายลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 ให้ครูปรีชา โดยขอออกหมายจับ 3 ข้อหา คือ 1.แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, 2.รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แต่แจ้งความต่อเจ้าพนักงานว่ามีการกระทำผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท ตามมาตรา 173 หากการแจ้งความดังกล่าว เพื่อกลั่นแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนัก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และ 3.แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือราชการ โดยมีวัตถุประสงค์สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งต่อมาศาลได้อนุมัติหมายจับครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่นตามที่ตำรวจร้องขอ
จากนั้นตำรวจได้เข้าควบคุมตัวครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่น พร้อมตรวจค้นบ้านพักของบุคคลทั้งสองเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยมีรายงานว่า ระหว่างตรวจค้นบ้านพักเจ๊บ้าบิ่นในชุมชนเตาปูน จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญเป็นสมุดจด ภายในมีข้อความเขียนด้วยลายมือคล้ายจดบันทึกเตรียมคำให้การใจความว่า “ลอตเตอรี่ชุดดังกล่าว ไปรับมาจากเจ๊พัชและก็ขายต่อให้กับครูปรีชา ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกรางวัลที่แท้จริง” และยังมีข้อความอีกหลายข้อความที่เกี่ยวกับคำให้การ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่กองปราบฯ
ส่วนประเด็นสำคัญในการแถลงข่าวกรณีหวย 30 ล้าน ที่นำทีมโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ประชาชนคาดหวังว่า จะมีการสรุปให้ฟังชัดๆ ว่า ใครเป็นเจ้าของหวย 30 ล้านตัวจริง กลับปรากฏว่า ไม่มีการฟันธงแต่อย่างใด โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตำรวจมีหน้าที่ดำเนินคดีอาญาแผ่นดิน ส่วนเรื่องคดีแพ่ง คู่กรณีต้องไปฟ้องร้องกันเอง ตำรวจไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่กล้าก้าวล่วงในส่วนนั้น และไม่มีหน้าที่ชี้ว่า ใครคือเจ้าของที่แท้จริง
พล.ต.อ.จักรทิพย์ย้ำด้วยว่า ใครเป็นเจ้าของหวย 30 ล้านตัวจริง ยังไม่ทราบ แต่จะอ่านฎีกาปี 2530 ให้ฟัง และให้ไปคิดกันเอง โดยอ่านว่า เงื่อนไขการรับรางวัลที่ระบุไว้ด้านหลังของสลากกินแบ่งรัฐบาลทุกฉบับว่าเงินรางวัลจะจ่ายแก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกรางวัลนำมาขอรับ เป็นข้อกำหนดที่มีไว้เพื่อจะจ่ายเงินแก่เจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาลที่แท้จริง ป้องกันการทุจริตแอบอ้างมารับเงินรางวัล “ที่ผมอ่านให้ฟัง เพื่อจะได้ไปคิดกันเอง จะบังคับให้ผมชี้ซ้ายชี้ขวานั้น ไม่ขอพูด ส่วนกรณีมีคำสั่งให้ ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี มาช่วยราชการ ศปก.ตร.เนื่องจากเกรงว่า จะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เรื่องนี้ยังไม่จบภายในวันสองวัน เรื่องนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดู ยุค ผบ.แป๊ะ ไม่มีเด็ดขาด”
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. กล่าวว่า คดีนี้ยังอยู่ระหว่างการต่อสู้ไปถึงชั้นศาล ถ้าจะกล่าวในรายละเอียดมาก อาจส่งผลกระทบกับผู้มีส่วนได้-เสีย และว่า เรื่องนี้ ร.ต.ท.จรูญกับนายปรีชาต่างฝ่ายต่างโต้แย้งกรรมสิทธิ์ซึ่งกันและกัน โดยฝ่าย ร.ต.ท.จรูญไม่สามารถให้ข้อมูลที่รองรับได้ เช่น ซื้อลอตเตอรี่มาจากไหน ทางชุดทำงานจึงกองไว้ก่อน จากนั้นมาสืบฝั่งของนายปรีชา ซึ่งให้ข้อมูลเยอะแยะไปหมด จึงนำข้อมูลมาพิสูจน์ทราบว่าให้การจริง-เท็จมากน้อยเพียงใด สรุปคือ สิ่งที่ฝ่ายนายปรีชาพูดมา ไม่สอดคล้องกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ แปลว่า สิ่งที่กล่าวอ้างมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ซื้อลอตเตอรี่และทำลอตเตอรี่ตก มีคนเก็บได้ ไม่มีความจริง เมื่อเรื่องไม่จริง อีกฝั่งต้องจริง แต่จริงอาจจะจริงไม่สุด เพราะไม่มีหลักฐานพยานมายืนยันว่า เขาซื้อแผงไหน อย่างไร ก็เลยค้างไว้เป็นเรื่องกฎหมายแพ่งว่าใครถือลอตเตอรี่ก็เป็นผู้มีสิทธิ์ ประกอบกับเรื่องนี้ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน ทำให้ศาลเชื่อว่ามีการทำความผิดเกิดขึ้นจริง ศาลจึงออกหมายจับให้
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการแถลงของ ผบ.ตร.กรณีหวย 30 ล้าน ปรากฏว่า หมวดจรูญ พร้อมด้วยนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ได้เปิดแถลงข่าว โดยหมวดจรูญเผยว่า รู้สึกพอใจมากๆ ขอขอบคุณ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และตำรวจกองปราบฯ ทุกนายที่ให้ความเป็นธรรมเป็นอย่างมาก และว่า หลังจากนี้เป็นหน้าที่ตนและทนายจะดำเนินการต่อ ตนขออโหสิให้ทุกคนที่ทำให้ตนเดือดร้อน ส่วนเรื่องของคดีก็ว่ากันตามกฎหมาย
ด้านนายษิทรา ทนายความของหมวดจรูญ กล่าวถึงคดีแพ่งที่ครูปรีชาฟ้องหมวดจรูญและหมวดจรูญถูกอายัดเงินว่า “ขั้นตอนต่อไป จะขอสำนวนจากตำรวจเพื่อขอถอนอายัด หลังจากอัยการสรุปสำนวนในคดีนี้ ตนจะไปแจ้งละเมิดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะถือว่าพวกนี้ละเมิดสิทธิหมวดจรูญ กลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญาและอายัดเงิน 25 ล้านบาท โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เตรียมดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายทุกคนที่เกี่ยวข้อง”
ทั้งนี้ ตำรวจได้ควบคุมตัวครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่นไว้สอบสวนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. กระทั่งวันที่ 2 มี.ค. ตำรวจได้นำตัวทั้งสองไปขอศาลอาญาฝากขังผัดแรกระหว่างวันที่ 2-13 มี.ค.นี้ เนื่องจากต้องสอบพยานอีก 10 ปาก โดยพนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านการประกันตัวแต่อย่างใด ให้อยู่ในดุลพินิจของศาล ซึ่งต่อมา ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาท และไม่ได้กำหนดเงื่อนไขแต่อย่างใด เพียงแค่ให้ทั้งสองมารายงานตัวต่อศาลเมื่อครบกำหนดฝากขังในวันที่ 14 มี.ค.
ด้านนายเกรียงไกร นาควะรี ทนายความของครูปรีชา ยืนยันว่า ที่มีข่าวว่าครูปรีชารับสารภาพว่าไม่ได้เป็นเจ้าของหวย 30 ล้านนั้น ไม่เป็นความจริง ครูปรีชาไม่เคยรับสารภาพ ในชั้นสอบสวน ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. สำนักงานศาลยุติธรรมได้มีคำสั่งโยกย้ายข้าราชการจำนวน 198 ราย โดย 1 ในนั้นมี นางดุษดี ถิ่นทุ่งทอง หรือกุ้ง เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมชำนาญการส่วนช่วยพิจารณาคดี สำนักอำนวยการประจำศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ก่อนหน้านี้ ตำรวจ สภ.กาญจนบุรี ได้เชิญมาสอบปากคำในฐานะพยานที่อ้างว่า อยู่ในเหตุการณ์ตอนครูปรีชามารับลอตเตอรี่จากเจ๊บ้าบิ่น รวมทั้งอ้างว่าเห็นลอตเตอรี่เลขท้าย 726 โผล่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อครูปรีชาด้วย โดยนางดุษดีถูกย้ายไปเป็นเจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมชำนาญการส่วนช่วยพิจารณาคดี สำนักอำนวยการประจำศาลจังหวัดนครปฐม มีผลตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.เป็นต้นไป
ด้านนายสราวุธ เบญกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยืนยันว่า การย้ายข้าราชการสำนักงานศาลยุติธรรมครั้งนี้ เป็นการย้ายตามปกติ ไม่ได้เกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้านแต่อย่างใด
2.“เปรมชัย” เข้าพบตำรวจแล้ว “ศรีวราห์” บินสอบเอง ถูกวิจารณ์ยับ ไหว้ตอบผู้ต้องหาก้มต่ำเกินเหตุ ด้าน “ร.ต.อ.สุมิตร” ถูกภาคทัณฑ์ฐานรับแจ้งความเปรมชัยทารุณกรรมสัตว์!
ความคืบหน้ากรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คนเข้าไปล่าสัตว์คุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี ที่เบื้องต้น ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ ได้แจ้งข้อหา 9 ข้อหา และเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มกรณีทารุณกรรมสัตว์ โดยได้ออกหมายเรียกให้นายเปรมชัยมาให้ปากคำเพิ่มและรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงกำหนด ทนายของนายเปรมชัยแจ้งว่า มีเหตุขัดข้อง ไม่สามารถมาพบพนักงานสอบสวนได้ พนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้นายเปรมชัยมาพบในวันที่ 22 ก.พ.แต่ปรากฏว่า ทนายของนายเปรมชัยได้แจ้งขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนออกไปอีกครั้ง โดยอ้างว่าติดธุระสำคัญ ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ จึงให้นายเปรมชัยมาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 5 มี.ค.นี้
ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 2 มี.ค. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง สภ.ทองผาภูมิ เพื่อติดตามความคืบหน้าและตรวจสำนวนคดีนายเปรมชัยว่าจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้องพนักงานอัยการได้เมื่อไหร่ ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ เผยว่า นายเปรมชัยพร้อมพวกรวม 4 ราย ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี แล้ว ซึ่งตนจะร่วมสอบปากคำด้วย และว่า เมื่อผู้ต้องหาทั้ง 4 รายเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนก่อนกำหนด ดังนั้นวันที่ 5 มี.ค.ก็ไม่จำเป็นต้องมาอีก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีประเด็นที่จะต้องสอบสวน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องในสำนวน
พล.ต.อ.ศรีวราห์ยืนยันด้วยว่า ใขณะนี้สำนวนคดีคืบหน้าไปแล้วกว่า 90% ยืนยันไม่ได้ล่าช้า คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องให้พนักงานอัยการได้ไม่เกินฝากขังครั้งที่ 4 หรือก่อนวันที่ 26 มี.ค.นี้
เป็นที่น่าสังเกตว่า ระหว่างที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ เดินไปถึงห้องสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ปรากฏว่า นายเปรมชัย ซึ่งรออยู่ก่อนแล้วได้ยกมือไหว้ พล.ต. ศรีวราห์และคณะ หลังจากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ ก็ได้ยกมือไหว้ตอบ พร้อมกับก้มต่ำมากคล้ายกับการคำนับ ซึ่งหลังจากภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านสื่อ ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ พล.ต.อ.ศรีวราห์ อย่างกว้างขวางว่า การไหว้ตอบผู้ต้องหาในลักษณะดังกล่าว เหมาะสมหรือไม่
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ได้กล่าวก่อนหน้านี้ถึงกรณีมีการแชร์กันในโซเชียลมีดียว่า นายเปรมชัยหลุดข้อหาทารุณกรรมสัตว์ โดยชี้แจงว่า ข้อหาดังกล่าวไม่ได้หลุด แต่ข้อหานี้ไม่มีในข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.ทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 จึงให้พนักงานสอบสวนไปพิจารณาว่า ผู้ที่ร้องทุกข์กล่าวโทษเข้าข่ายมีเจตนากลั่นแกล้งหรือแจ้งความเท็จหรือไม่ และว่า ตำรวจที่รับแจ้งความอาจจะมีความผิดด้วยเช่นกัน
และดูเหมือนตำรวจท้องที่จะรับลูกหลังได้รับสัญญาณจาก พล.ต.อ.ศรีวราห์ โดยเมื่อวันที่ 1 มี.ค. พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ ผกก.สภ.ทองผาภูมิ ได้มีคำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ร.ต.อ.สุมิตร บุญยนิจ พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ กรณีรับแจ้งความร้องทุกข์จากนายณรงค์ชัย สังวรวงศา หัวหน้าด่านกักกันสัตว์กาญจนบุรี ให้ดำเนินคดีนายเปรมชัยข้อหาทารุณกรรมสัตว์ โดยให้เหตุผลว่า “การกระทำของ ร.ต.อ.สุมิตรเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่ ไม่ตรวจสอบข้อกฎหมายให้แน่ชัดว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่ และรับคำร้องทุกข์ไว้”
อย่างไรก็ตามได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ พล.ต.อ.ศรีวราห์อย่างกว้างขวางกรณีส่งสัญญาณให้มีการเอาผิดตำรวจที่รับแจ้งความและผู้แจ้งความเอาผิดนายเปรมชัยข้อหาทารุณกรรมสัตว์ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์มีท่าทีตั้งแต่แรกเหมือนต้องการเอาผิดเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามากกว่าที่จะเอาผิดนายเปรมชัย
ส่วนความคืบหน้าข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ของนายเปรมชัยนั้น พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รองผู้บังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(ปปป.) เผยว่า ขณะนี้พยานหลักฐานข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เนื่องจากคลิปเสียงที่ปรากฏไม่ใช่เสียงของนายเปรมชัย และเนื้อหาเป็นการสนทนาทั่วไป ระหว่างนายยงค์ โดดเครือ 1 ในผู้ต้องหาสนทนากับเจ้าหน้าที่ป่าไม้หลังถูกจับกุมเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ดังนั้นได้เชิญนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรกับพยานอีก 5 คน มาให้ปากคำเพิ่มเติมในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ก่อนจะประชุมสรุปว่าจะแจ้งข้อกล่าวหานายเปรมชัยหรือไม่ในวันที่ 12 มี.ค.
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ขณะนี้ทีมปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ ได้ตรวจสอบดีเอ็นเองาช้าง 2 คู่ที่ตรวจยึดได้จากบ้านนายเปรมชัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว พบว่า เป็นงาช้างแอฟริกาทั้ง 2 คู่ ถือว่ามีความผิดตามมาตรา 19 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ที่ห้ามครอบครองสัตว์ป่าสงวนหรือซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โทษสูงสุดจำคุก 4 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เผยว่า หลังจากนี้ จะแจ้งความเพิ่มเติมนายเปรมชัยข้อหาครอบครองงาข้างผิดกฎหมาย
3.“พล.ต.อ.สล้าง” โดดห้างสูง 7 ชั้นดับ ทิ้ง จ.ม.ลาตายค้านรถไฟรางคู่-รถไฟฟ้ายกระดับ ด้านลูกชายเผย พ่อป่วยซึมเศร้า!
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. เวลา 11.30 น. ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับเเจ้งเหตุชายตกจากชั้น 7 ลงมาที่ชั้น 1 ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังรุดไปที่เกิดเหตุ พบว่า เจ้าหน้าที่ของห้างดังกล่าวได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลชลประทานไปก่อนหน้าแล้ว จากการตรวจสอบ ไม่พบเอกสารยืนยันตัวบุคคล พบเพียงกระดาษที่เขียนด้วยลายมือ มีข้อความลาตาย ลงชื่อ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นพยานหลักฐาน
ขณะที่หญิงสาวรายหนึ่งซึ่งเห็นเหตุการณ์ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ เห็นผู้เสียชีวิตเดินอยู่บนชั้น 7 ของห้าง จากนั้นได้เดินไปที่กระจกทางกั้นและปีนข้าม ก่อนพลัดตกลงไปที่ชั้น 1 จากนั้นเจ้าหน้าที่ของห้างได้ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล
สำหรับข้อความที่ พล.ต.อ.สล้าง เขียนในจดหมายลาตาย มีข้อความบางส่วนว่า “ร้านกาแฟชั้นบน เพื่อนๆ ลูกหลานที่รัก พ่ออยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี ขอจากไปอย่างเกิดประโยชน์ ขอให้ทุกคนที่ทราบเรื่องช่วยกันคัดค้าน รางคู่ขนาด 1,000 ม. รถไฟฟ้ายกระดับ ผลักดันให้สร้างถนน AUTO BAHN ช่วยกันทำหนังสือนี้แจกกันให้มากๆ พ่อนับ 1-1,000 แล้ว วิธีการนี้จะเป็นประโยชน์ ขอให้คนที่รักทุกคนด้วย (ลงชื่อ) พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค”
นอกจากนี้ยังมีข้อความว่า “อย่าตำหนิ ขอให้ภูมิใจ ถ้าไม่ทำอย่างนี้จะไม่มีใครรู้เรื่อง เพราะสื่อช่วยกันปกปิดแล้วส่งเสริม ขอให้ลูกเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน-ขอให้หลานเป็นเด็กดี-ขอให้ชมรมรักกันตลอดไป-ฝากลา ป.200 ด้วย ปฏิรูปตำรวจ ทำแต่จะมีเครื่องช่วยในการทำงานอย่างไร งานพิธีพ่อขอแต่งชุดสากล-รูป เครื่องแบบปกติสีกากี เอาทั้งปกหนังสือ ขอร้องให้พิมพ์เอกสารนี้แจกจ่ายเพื่อประชาชนจะได้ทราบและเรียกร้องสิทธิของตนเอง”
ต่อมา พ.ต.ท.เหมจักร บุนนาค สารวัตรปราบปราม สน.ดินแดง และนายวันจักร บุนนาค บุตรชายของ พล.ต.อ.สล้าง ได้เดินทางมาดูศพบิดาที่โรงพยาบาล พร้อมยืนยันว่า ชายที่เสียชีวิตคือ พล.ต.อ.สล้าง จริง
ทั้งนี้ พ.ต.ท.เหมจักรกล่าวว่า ไม่ติดใจการเสียชีวิตของบิดา เนื่องจากบิดามีอาการป่วย เครียด และซึมเศร้ามาโดยตลอด ซึ่งบิดาพยายามต่อสู้กับอาการป่วยเหล่านี้มานานแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำเช่นนี้ ขณะที่นายวันจักรกล่าวว่า บิดาเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจมา 2-3 ปีแล้ว ไม่ได้มีอาการป่วยถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า คิดว่าเป็นโรคคนแก่มากกว่า ปกติบิดาจะมีคนดูแลตลอดเวลา แต่วันเกิดเหตุคนดูแลไปทำธุระ และบิดาออกไปเดินห้างเพียงคนเดียว
อนึ่ง พล.ต.อ.สล้าง เกิดเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2480 ที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี เคยดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมตำรวจฝ่ายป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ นอกจากนี้ยังเคยมีบทบาทในช่วงเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ขณะนั้น พล.ต.อ.สล้าง เป็นรองผู้กำกับการ 2 รับคำสั่งนำกำลังตำรวจปราบจลาจล 200 นายไปรักษาความสงบที่บริเวณท้องสนามหลวงและหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) ก่อนนำไปสู่การใช้อาวุธหนักโจมตีเข้าไปใน มธ. จนมีนักศึกษา ประชาชน เสียชีวิตจำนวนมาก
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สล้าง ยังมีบทบาทในคดีดัง กรณีวิสามัญฆาตกรรม “โจ ด่านช้าง” และพวกรวม 6 คน เมื่อปี 2539 ที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งถูกตั้งคำถามจากสังคมว่า ตำรวจทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ และ พล.ต.อ.สล้าง ยังเคยเป็นผู้ที่ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวขออาสายึดทำเนียบรัฐบาลคืนจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อปี 2551 อีกด้วย
4.กกต.เปิดแจ้งตั้งพรรคใหม่ แค่วันแรกคึกคักกว่า 40 พรรค แต่ยังไร้เงาพรรค “กปปส.” ด้าน “สมชัย” ลงชิงเลขาฯ กกต.!
ความเคลื่อนไหวด้านการเมืองสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 2 มี.ค. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เปิดให้กลุ่มการเมืองที่สนใจจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองเป็นวันแรก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยตลอดทั้งวันมีกลุ่มที่มายื่นแจ้งชื่อจดทะเบียนจัดตั้งพรรคจำนวน 42 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.พรรคพลังชาติไทย 2.พรรคประชาไทย 3.พรรคพลังประชารัฐ 4.พรรคประชาชนปฏิรูป 5.พรรคสังคมประชาธิปไตยประชาชน 6.พรรคประชาชาติ 7.พรรคชาวนาไทย 8.พรรคพัฒนาไทย 9.พรรคเครือข่ายประชาชนไทย 10.พรรคเศรษฐกิจใหม่
11.พรรคพลังพลเมืองไทย 12.พรรคพลังธรรมใหม่ 13.พรรคไทยเอกภาพ 14.พรรคประชาภิวัฒน์ 15.พรรคสหประชาไทย 16.พรรคทางเลือกใหม่ 17.พรรคชาติพันธุ์ไทย 18.พรรครักษ์แผ่นดินไทย 19.พรรคแผ่นดินธรรม 20.พรรคเพื่อชาติไทย
21.พรรคกรีน 22.พรรคประชานิยม 23.พรรคพลังสยาม 24.พรรคสยามธิปัตย์ 25.พรรคของประชาชน 26.พรรคพลังอีสาน 27.พรรครวมใจไทย 28.พรรคไทยศรี วิไลย์ 29.พรรคประชามติ 30.พรรคพลังไทยยุคใหม่
31.พรรคไทยรุ่งเรือง 32.พรรคเพื่อสตรีไทย 33.พรรครากแก้วไทย 34.พรรคน้ำใจไทย 35.พรรคไทยเสรีประชาธิปไตย 36.พรรคฅนสร้างชาติ 37.พรรครวมไทยใหม่ 38.พรรคสามัญชน 39.พรรคสยามไทยแลนด์ 40.พรรคปฏิรูปประเทศไทย 41.พรรคเห็นแก่ตัว และ 42.พรรคภาคีเครือข่ายไทย
ส่วนที่หลายฝ่ายจับตาว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (กปปส.) จะตั้งพรรคเช่นกันนั้น ปรากฏว่า ยังไม่มีการมายื่นขอจัดตั้งพรรคแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายสุเทพ กล่าวเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ถึงข่าวที่กลุ่ม กปปส.จะตั้งพรรคว่า ตนได้ปาวรณาตัวแล้วว่า ชีวิตที่เหลืออยู่ จะอุทิศเวลารับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์ ศาสนา และประชาชน จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ “แต่จะไม่กลับไปเป็นนักการเมือง จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ต้องการมีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ไม่เข้าร่วมรัฐบาลกับใคร ไม่เป็นนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ หรือรัฐมนตรี ไม่เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ยืนยันว่า จะไม่ทิ้งความรับผิดชอบภาระหน้าที่ในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทยที่ต้องรับผิดชอบบ้านเมือง”
ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต. ในฐานะรักษาการเลขาธิการ กกต. แถลงถึงขั้นตอนหลัง กกต.ได้รับรายชื่อผู้ขอจดจัดตั้งพรรคว่า กกต.จะส่งรายชื่อไปตรวจสอบลักษณะต้องห้ามการเป็นสมาชิกพรรคกับ 9 หน่วยงาน คาดว่าจะใช้เวลา 30 วัน ก่อนออกหนังสือรับแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรค เพื่อให้ผู้ขอจัดตั้งพรรคไปหาผู้ร่วมจัดตั้งไม่น้อยกว่า 500 คน ประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรคไม่น้อยกว่า 250 คน รวบรวมเงินทุนประเดิมไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่ได้รับหนังสือรับแจ้งการเตรียมจัดตั้งพรรคจาก กกต.
ขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร 1 ใน กกต.กล่าวว่า แม้ไม่มีกรอบเวลายื่นคำขอจดจัดตั้งพรรค แต่หากพรรคใหม่ ต้องการส่งผู้สมัครให้ทันการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. 2562 จะต้องยื่นคำขอภายในเดือน มี.ค.นี้ จึงจะดำเนินการได้ทันตามกรอบเวลาเลือกตั้ง
สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจาก กกต.จะเปิดให้กลุ่มการเมืองที่สนใจยื่นขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคแล้ว ยังเป็นช่วงที่สำนักงาน กกต.เปิดรับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต.ด้วย ซึ่งยอดรวมผู้สมัครทั้งหมดจนถึงวันสุดท้ายวันที่ 28 ก.พ. ปรากฏว่า มีผู้สมัครทั้งสิ้น 6 คน ประกอบด้วย 1.นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง 2.พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต. รักษาการเลขาธิการ กกต. 3.นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. 4.นายสมชัย ศรีสุทธิยากร 1 ใน กกต. 5.นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ 6. นายฉัตรชัย ยอดอุดม รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ปปท.)
ทั้งนี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร 1 ใน กกต.ให้เหตุผลที่ลงสมัครเลขาธิการ กกต.ว่า เพราะเห็นว่า คสช.มีเจตนาให้ กกต.ชุดใหม่มีคุณสมบัติสูง มีเอกภาพเป็นปลาน้ำเดียว ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งทุกระดับ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ประชุม สนช.ไม่รับรอง 7 ว่าที่ กกต.ทำให้ต้องสรรหาใหม่ และคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน จึงจะได้ กกต.ชุดใหม่ ดังนั้นช่วงเวลาดังกล่าว หากมีการเลือกตั้งท้องถิ่น และยังต้องเจอปัญหานายบุญส่ง น้อยโสภณ 1 ใน กกต.ต้องพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากอายุครบ 70 ปี ในวันที่ 7 ส.ค.ตนจึงตัดสินใจสมัครเลขาธิการ กกต. เพื่อเป็นทางออกให้กับตัวเองและบ้านเมือง เพราะถ้าไม่ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการ กกต. ก็ยังทำหน้าที่ กกต.ช่วยในเรื่องของการเตรียมการเลือกตั้ง หรือถ้าได้รับเลือกเป็นเลขาธิการ กกต.ก็ได้ทำหน้าที่ส่งมอบงานให้ กกต.ชุดใหม่อย่างราบรื่น
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งคำถามจากบางฝ่ายว่า การที่นายสมชัยเป็น กกต.อยู่ แล้วมาสมัครตำแหน่งเลขาธิการ กกต. จะถือว่าเข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
5.ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนยกฟ้อง “สุเทพ” กรณีระบุ “นปช.” เอี่ยวก่อการร้าย-เผาบ้านเผาเมือง ชี้แสดงความเห็นโดยสุจริตไม่หมิ่น!
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข( กปปส.) เป็นจำเลย ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด
คดีนี้ โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2554 นายสุเทพให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ช่วงก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2554 พาดพิง นพ.เหวง โตจิราการ, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ทำนองว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง เชื่อว่าลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เพื่อให้ได้เอกสิทธิ์คุ้มกันตนเองจากคดี และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพรรคเพื่อไทยแบ่งแยกไม่ได้ ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้ผู้เสียหายและพรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหาย โดยกระทำในช่วงหาเสียงทำให้เสื่อมเสียคะแนนนิยมทางการเมือง ทำให้จำเลยและพรรคประชาธิปัตย์ได้รับประโยชน์
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ยื่นอุทธรณ์ว่า จำเลยทำให้ผู้เสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งผู้เสียหายทั้งหมดเป็นพยานเบิกความทำนองว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวไม่ใช่การแสดงความคิดเห็น เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง ทำให้คะแนนนิยมพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นคู่แข่งกับพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้น ส่วนการกล่าวหาว่าเผาเมืองนั้น ผู้เสียหายไม่ได้ถูกดำเนินคดีฐานวางเพลิง แต่โดนข้อหาก่อการร้าย ขณะที่จำเลยต่อสู้ยืนยันข้อมูลที่ให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ได้ศึกษาความเป็นมาของ นปช. และอดีตนายกฯ ที่มีการสั่งสมาชิกพรรคไปจัดตั้งมวลชน ซึ่งได้รับการสนับสนุนการเงินจากอดีตนายกฯ ชี้ชัดว่า ผู้เสียหายเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ มีการก่อการร้าย ทำร้ายทหารและประชาชน ภายหลังแกนนำยุติการชุมนุม มีการเผาสถานที่ต่างๆ อัยการจึงมีคำสั่งฟ้องข้อหาก่อการร้าย
เมื่อศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานประกอบคำเบิกความ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การให้สัมภาษณ์ของจำเลยในฐานะรองนายกฯ, ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับรู้จากการปฏิบัติหน้าที่ ประกอบกับข้อเท็จจริงที่อัยการยื่นฟ้องผู้เสียหายกับพวกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาก่อการร้าย มีการปราศรัยของผู้เสียหายให้ไปรวมกันที่ศาลากลาง, เผาไปเลยพี่น้อง และที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ปราศรัยระบุว่า พกขวดแก้วคนละใบมาเติมน้ำมันเอาข้างหน้า กทม.เป็นทะเลเพลิงอย่างแน่นอน ประกอบกับคำเบิกความของพนักงานสอบสวนดีเอสไอที่ว่า แกนนำ นปช. เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ระดมมวลชนเข้ามาเป็นขบวนการ ซึ่งได้สอบสวนเสร็จสิ้นและสั่งฟ้อง ข้อเท็จจริงที่จำเลยให้สัมภาษณ์จึงเป็นไปตามที่รับรู้รับทราบ มีสื่อมวลชนเผยแพร่ไปทั่วโลก ศาลจึงเห็นว่า พยานหลักฐานจำเลยมีน้ำหนักมั่นคง จำเลยแสดงความคิดเห็นทางการเมืองโดยสุจริต ไม่มีการเสริมแต่ง ไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทผู้เสียหายด้วยความเท็จ และไม่ได้จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเองและพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ให้เลือกผู้เสียหาย จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น