MGR Online - “จักรทิพย์” แถลงหวย 30 ล้าน ยังไม่ตอบใครคือเจ้าของ แต่มีฎีกาเก่าระบุผู้ครอบครองถือเป็นเจ้าของ ทำเป็นขบวนการหรือไม่-ให้รอดูต่อไป เรื่องยังไม่จบใน 2-3 วัน เตรียมไล่ดูสำนวนภาค 7 ตำรวจเอี่ยวสร้างพยานเท็จหรือไม่ ลั่นตนหดหัวอยู่ไม่ได้ คดีนี้เป็นอุทาหรณ์ ด้าน “ฐิติราช” เผยคำให้การ “ครูปรีชา” ขัดแย้งหลักฐานวิทยาศาสตร์ ในชั้นนี้พบผู้เกี่ยวข้อง 2 ราย เดินหน้าขยายผลต่อ พร้อมรวมคดีแย่งชิงหวยทั่วประเทศไว้ที่สอบสวนกลาง
วันนี้ (28 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. พล.ต.ต. กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.พฐก.พร้อมคณะร่วมกันแถลงสรุปผลการสืบสวนสอบสวนคดีพิพาทแย่งกรรมสิทธิ์ในสลากกินแบ่งรัฐบาลวดวันที่ 1 พ.ย. 2560 ที่ถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ และนายปรีชา ใคร่ครวญ ข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า คดีนี้เริ่มจากที่ครูปรีชาได้ร้องทุกข์ ร.ต.ท.จรูญ ว่ายักยอกทรัพย์และรับของโจร ก่อนจะไปฟ้องแพ่ง จากนั้น ร.ต.ท.จรูญได้ไปแจ้งข้อหาแจ้งความเท็จต่อครูปรีชา จากนั้น ร.ต.ท.จรูญเชื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก สภ.เมืองกาญจนบุรี และตำรวจภูธรภาค 7 จึงมีการโอนคดีมาที่กองปราบปราม ก่อนจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาหาความจริง ใช้เวลาไม่เกิน 3 สัปดาห์ เรื่องนี้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก.เป็นหัวหน้า ลงพื้นที่แสวงหาพยานหลักฐานยืนยันความถูกต้อง ความเป็นธรรมต้องมีในสังคม ตำรวจจะเป็นหลักประกันให้พี่น้องประชาชนที่ไม่ได้รับความเดือดร้อนต่างๆ ทั้งนี้ ตำรวจมีหน้าที่ดำเนินคดีอาญา ส่วนเรื่องคดีแพ่ง คู่กรณีไปฟ้องร้องกันเอง ตำรวจไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่กล้าก้าวล่วงในส่วนตรงนั้น และไม่มีหน้าที่ไปชี้ว่าใครคือเจ้าของที่แท้จริง เป็นเรื่องทางแพ่งว่าใครคือเจ้าของ ใครคือผู้ครอบครอง
ผบ.ตร.กล่าวต่อไปว่า สำหรับคดีอาญาที่ สภ.เมืองกาญจบุรีนั้น นายปรีชาได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ร.ต.ท.จรูญ ว่ายักยอกทรัพย์และรับของโจร หลังจากนั้นไปฟ้องศาลแพ่งที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ต่อมา ร.ต.ท.จรูญได้ไปแจ้งความให้ดำเนินคดีนายปรีชาในข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จ ต่อมา ร.ต.ท.จรูญรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงมาพบ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ประมาณต้นเดือน ธ.ค. หลังจากนั้น ผบช.ก.ได้ทำหนังสือหารือมายังตนว่าคดีนี้พี่น้องประชาชนให้ความสนใจ คดีมีความสลับซับซ้อน จึงโอนสำนวนคดีมาให้กองปราบปรามดำเนินการ
“คู่กรณีทั้งคู่จะถือว่าเป็นมวยถูกคู่ก็ได้ ก็ว่าไป จะเปรียบยังไงให้เห็นภาพชัด เอาเป็นว่ากีฬามีแพ้มีชนะมีเสมอ แต่เรื่องนี้มีแพ้มีชนะ แต่ไม่มีเสมอ มีแต่ติดคุก ไม่มีเสมอแน่นอน คดีที่อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนต้องมีความเป็นธรรม ถูกต้อง อยากจะฝากเป็นอุทาหรณ์ ประเทศไทยมีคดีในลักษณะแบบนี้มีด้วยกัน 5 คดี ผมเชื่อว่าคดีนี้น่าจะเป็นคดีสุดท้ายสำหรับผู้ที่อยากทุจริต โกง หรือวางแผนอะไรก็แล้วแต่ ขอให้เป็นคดีนี้เป็นตัวอย่าง ในส่วนของตำรวจผมเห็นว่า บช.ก.และ บก.ป.ทำหน้าที่สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ส่วนผู้ร่วมขบวนการขณะนี้มีเพียง 2 รายที่ศาลอนุมัติหมายจับ ตามที่คณะทำงานของ บช.ก.ได้สืบสวน วันนี้ครูปรีชาจะสู้ต่อก็ได้ สู้คดีกันไป ไม่ได้ปิดหรือไม่ตัดสิทธิเขา” ผบ.ตร.กล่าว และว่าส่วนกรณีที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นประเด็นนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งก็ยังไปไม่ถึง ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงขณะนี้ ร.ต.ท.จรูญ คือเจ้าของลอตเตอรี่ตัวจริงใช่หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ก็ยังไม่ทราบ จากนั้น ผบ.ตร.ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่2578/2530 ว่า “เงื่อนไขการรับรางวัลที่ได้ระบุไว้หลักสลากกินแบ่งทุกฉบับว่า เงินรางวัลจะจ่ายแก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกรางวัลนำมาขอรับ ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่มีไว้แจกจ่ายเงินให้กับผู้ถือสลากที่แท้จริง ป้องกันการทุจริต แอบอ้างมารับเงิน เพื่อให้มีหลักฐานในการจ่ายเงินแก่ผู้ถูกรางวัลเท่านั้น” และอ่านคำวินิจฉัยคำสั่งคำสั่งอัยการสูงสุดชี้ขาดไม่ฟ้องคดี ว่า “สลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่ใช่ทรัพย์มีทะเบียน ผู้ใดครอบครองย่อมเป็นเจ้าของ โดยไม่ต้องจัดให้มีการลงชื่อก่อนซื้อ เหมือนกู้เงินสหกรณ์หรือการเข้าพักโรงแรม จึงระบุตัวผู้ซื้อและขายจำเพาะเจาะจงได้ยาก แม้ซื้อมาแล้วก็แบ่งหรือขายให้ผู้อื่นได้ ไม่จำต้องขออนุญาตเหมือนอาวุธปืน ซึ่งทรัพย์เมื่อตกหล่นสูญหาย เจ้าของทรัพย์ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวยเป็นชุดหลายใบ เจ้าของอ้างว่าจำหมายเลขได้ มีภาพถ่าย แต่เมื่อไม่ปรากฏว่ามีการแจ้งความลงหมายเลขสลากและหมายเลขชุดสลากไว้ก่อน กลับแจ้งความในภายหลังจากที่ประกาศผลรางวัลแล้วคดีจึงมีเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของสลากและได้ทำสลากหายจริงหรือไม่ เมื่อไม่มีพยานอันหนักแน่นเพียงพอ ผู้ครอบครองสลาก จึงเป็นผู้มีสิทธิดีกว่า ประกอบกับด้านหลังสลาก มีคำเตือนระบุว่า จะจ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ครอบครองสลากเท่านั้น จึงไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอว่า ผู้ครอบครองสลาก ได้สลากมาโดยมิชอบ จึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง”
เมื่อถามว่า แสดงว่ากรณีนี้ ร.ต.ท.จรูญ เป็นเจ้าของลอตเตอรี่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่รู้ ตนอ่านฎีกาให้ฟังเฉยๆ ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เมื่อถามต่อว่าจนถึงขณะนี้ตำรวจสามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าใครเป็นคนซื้อสลากและมีการทำหายจริงหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ให้ไปถามศาลแพ่ง ตนไปก้าวล่วงศาลแพ่งไม่ได้ ให้รอดูต่อไป
ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าอย่างนั้นจะมีการทำเป็นขบวนการหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวต่อว่า บอกแล้วให้รอดูต่อไป ส่วนวันนี้ออกหมายจับแค่ 2 คน
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีกระแสว่าตำรวจมีการทำสำนวนผิดพลาดมีการแก้ไขสำนวนนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวต่อว่า ก็เป็นอีกเรื่อง เอาเรื่องที่โอนสำนวนมา ส่วนกรณีที่มีการย้ายนายตำรวจเข้ามาเนื่องจาก เกรงว่าจะไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานหากเขาอยู่ในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม คำถามใดที่จะไปกระทบต่อสำนวนตนขอสงวนไว้
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวต่อว่า ขอยกคำสั่งของอัยการสูงสุด ที่ระบุว่า “สลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ใช่ทรัพย์มีทะเบียน ผู้ใดครอบครองย่อมเป็นเจ้าของ โดยไม่ต้องจัดให้มีการลงชื่อก่อนซื้อเหมือนกู้เงินสหกรณ์ หรือการเข้าพักโรงแรม จึงระบุตัวผู้ซื้อและขายจำเพาะเจาะจงได้ยาก แม้ซื้อมาแล้ว ก็แบ่งหรือขายให้ผู้อื่นได้ ไม่จำต้องขออนุญาตเหมือนอาวุธปืน ซึ่งทรัพย์เมื่อตกหล่นสูญหาย เจ้าของทรัพย์ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หวยเป็นชุด หลายใบ เจ้าของอ้างว่าจำหมายเลขได้ มีภาพถ่าย ยิ่งเป็นการแจ้งความไว้จำเพาะเจาะจง พิสูจน์ได้ง่าย เมื่อไม่ปรากฏว่ามีการแจ้งความลงหมายเลขสลากและหมายเลขชุดสลากไว้ก่อน กลับมีการแจ้งความในภายหลังจากที่สลากประกาศผลรางวัลแล้ว คดีจึงมีเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของสลากและได้ทำสลากหายจริงหรือไม่ เมื่อไม่มีพยานอันหนักแน่นเพียงพอ ผู้ครอบครองสลากจึงเป็นผู้มีสิทธิดีกว่า” ที่ยกมาเพราะอยากให้นำไปคิดกันเอง จะบังคับให้พูดชี้ซ้ายชี้ขวาตนไม่พูด ไม่สามารถก้าวก่ายศาลได้
เมื่อถามถึงการทำสำนวนของตำรวจภูธรภาค 7 ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ มีความผิดพลาดในส่วนใดบ้าง พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า จะต้องไปดูพยานหลักฐานว่าเกี่ยวข้องตรงไหนอย่างไร เรื่องนี้คงไม่จบในวันสองวัน ก็ทำตามสัญญาแล้วว่าวันที่ 28 ก.พ. เวลา 13.00 น.เจอกัน ไม่ได้บิดพลิ้ว ไม่ได้เกี่ยงงอนหรืออะไร “มีนักข่าวบางคนบอก ผบ.ตร.ไม่กล้าออกมาพูดหรอก เรื่องของประชาชนเดือดร้อน ผมจะหดหัวอยู่ได้อย่างไร คดีแบบนี้ผมบอกได้เลยว่าเป็นอุทาหรณ์”
ส่วนคำสั่งให้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี มาช่วยราชการได้มีการการพูดคุยกันบ้างหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย ต่างคนต่างทำหน้าที่ไป เขาก็มาทำงานที่ ศปก.ตร. ส่วนตนก็ทำงานตามปกติ
เมื่อถามต่อว่าจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า จะดำเนินการหลังจากนี้ อย่าใจร้อน ถามต่อว่าเมื่อผลการสอบสวนของกองปราบปราม สวนทางกับ บช.ภ.7 จะบั่นทอนความน่าเชื่อถือของหน่วยงานหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ไม่ บางครั้งมันเป็นเรื่องความยากง่ายของประสบการณ์ของตำรวจแต่ละคนแต่ละพื้นที่ ขีดความสามารถ แต่อะไรที่ผิดเพี้ยนไปก็มีกระบวนการของมันอยู่แล้ว ทุกคดีผมก็เอาออกไปตั้งเยอะแล้วที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา หรือแม้กระทั่งคดีอะไรก็ตาม
ส่วนประเด็นว่าตำรวจได้เชิญครูปรีชาและร.ต.ท.จรูญ ไปเจรจา พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า การพูดหรือเจรจา ตนไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่มีกระบวนการในการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่แล้วไม่ต้องเป็นห่วง ยุคตนไม่มีมวยล้มต้มคนดู อย่างไรก็ตามจะต้องว่าไปตามพยานหลักฐานของคดี คดีที่โอนมาตนบอกแต่แรกแล้วว่าคดีแยกเป็นคดีแพ่งกับคดีอาญา ตนทำคดีอาญา ขณะนี้เพิ่งเริ่มต้น พนักงานสอบสวนไม่ได้หยุดทำงานเพียงเท่านี้ ต้องมีการขยายผลไปอีก ตนได้ยืนยันไปแล้วว่ายุคตนไม่มีมวยล้มต้มคนดู แล้วจะเชิญตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจกองปราบปรามมานั่งติดอาร์ม “เป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน” ได้อย่างไร
เมื่อถามว่าคดีนี้มีการสอบพยานไปกว่า 40 ปากจะมีพยานเท็จที่จะต้องดำเนินคดีหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า อยู่ในกระบวนการที่จะต้องดำเนินการอยู่แล้ว เราก็ไม่ได้ตัดสิทธินายปรีชาในการดำเนินคดี ถ้านายปรีชาสู้มีพยานหลักฐานเพียงพอก็ต้องไปว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนเรื่องการอายัดเงิน 30 ล้านบาทก็อยู่ในขั้นตอนต่อไปที่จะดำเนินการอยู่แล้ว เงินคงไม่หายไปไหน เพราะตำรวจทำงานในทุกมิติ คดีนี้เป็นคดีใหญ่ที่ประชาชนให้ความสนใจ
ส่วนมาตรการป้องกันเหตุลักษณะนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ถึงกับต้องฝากเตือนประชาชนแต่ต้องให้รอบคอบ ให้ใส่เลขบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด ชื่อพ่อแม่ หรือใส่อะไรก็ได้ที่เป็นหลักฐานของตัวเอง หรืออาจจะถ่ายเอกสารเก็บไว้ เพื่อให้สามารถพิสูจน์ได้
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการต่อสู้และอยู่ในชั้นศาล ถ้ากล่าวรายละเอียดมากไปอาจจะส่งผลกระทบต่อสำนวนการสอบสวน อาจจะมีผู้ได้เสียทางคดี เรื่องที่เกิดขึ้น ร.ต.ท.จรูญ ให้การต่อตำรวจโดยไม่มีอะไรอ้างอิงได้เลย ไม่ว่าจะเป็นพยานหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้น ตำรวจก็ต้องแขวนประเด็นรอไว้ ส่วนครูปรีชามีพยานต่างๆ ที่นำเข้ามาให้ตำรวจสอบปากคำ การสอบสวนก็ต้องทำทั้งสองฝ่าย แต่ ร.ต.ท.จรูญตัดโอกาสตัวเอง ไม่มีหลักฐานพยานอะไรรองรับ ตำรวจก็สืบอยู่ฝั่งเดียวคือฝั่งของนายปรีชา ในส่วนของคำให้การต่างๆ ตำรวจก็ต้องพิสูจน์ทราบทางวิทยาศาสตร์เทียบเคียงจากสิ่งที่นายปรีชาให้การ สรุปคือคำกล่าวอ้างของนายปรีชาทั้งหมดมันขัดแย้ง ไม่สอดคล้องกับพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น
“รายละเอียดในคดีขณะนี้ยังชี้แจงไม่ได้ ทั้งหมดที่ ผบ.ตร.ได้แถลงไปขอให้ทราบว่าเราได้ทำงานอย่างละเอียดรอบคอบ มีพยานหลักฐานที่เชื่อถือได้ นำมาเทียบเคียงกับคำให้การ ที่ผ่านมาเรามีลำดับขึ้นตอนการทำงานในการพูดคุยเจราจานำหลักฐานที่มีอยู่มาประกอบ ทุกคนยังยืนยันให้การตามเดิม ก็เป็นสิทธิของเขา เมื่อสรุปออกมาทั้งหมดที่กล่าวอ้างมาหลายเรื่องมันไม่สอดคล้องกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ คลิปเสียงทางโทรศัพท์เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบ สิ่งที่สามารถดำเนินการได้โดยขั้นตอนการสืบสวนที่เคยทำงานกันอยู่ ก็ได้ข้อมูลในส่วนนี้ค่อนข้างแน่ชัดอยู่แล้ว ซึ่งศาลได้ออกหมายจับก็อยู่ในความคาดหมายของพวกเราทุกคน เขาไม่หนีอยู่ในพื้นที่และไปทำงานตามปกติ ทุกอย่างค่อนข้างชัดเจนศาลจึงออกหมายจับให้ ส่วนจะมีการคัดค้านการให้ประกันตัวหรือไม่จะต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่งจากคำให้การว่าจะให้การอะไรอย่างไร” ผบช.ก.กล่าว
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวต่อไปว่า คดีลอตเตอรี่ไม่เคยเกิดขึ้นในรูปแบบนี้มาก่อน หากดูจากสถิติที่ตนกำลังจะขออนุมัติจาก ผบ.ตร.เพื่อจะรวบรวมเรื่องทั้งหมดทั่วประเทศมาทำที่ตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้เกิดความชัดเจน เรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559-2561 จำนวน 5 คดี ซึ่งจะเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งไม่ขอเอ่ยชื่อ ถูกเลขรางวัลที่ 1 ถึง 2 ครั้ง ในเดือน เม.ย.ปี 2559 และเม.ย.ปี 2560 ทั้งนี้ เรื่องนี้นักวิชาการนักสถิติยังตอบได้เลยว่าเกิดขึ้นได้ยาก ซื้อลอตเตอรี่ 2 ตัว หรือ 3 ตัว ยังถูกยากเลย นี่รางวัลที่ 1 ถึง 2 ครั้ง จึงจะรวบรวมแผนประทุษกรรมทั้งหมดชัดเจนแล้ว เวลาผ่านไปพยานต่างๆ ที่นำมาให้การกับตำรวจกลับคำให้การหมดแล้ว บางปากก็พูดเลยว่ามีแรงจูงใจรับว่าให้เงิน 300,000 บาท บางปากให้ไปโรงพักให้เงิน 1,000 บาท ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายกับสังคม อย่างคดีที่ จ.บึงกาฬ หนักหนาสาหัสกว่าคดีที่เมืองกาญจน์เยอะ อย่างเช่น เด็กอายุ 16 ปีที่เกือบจะต้องติดคุก คดีที่กล่าวมาก่อนหน้านี้มีคนที่ถูกลอตเตอรี่จริงๆ 3 คน มาเกี่ยวพันกับคดี ถูกฟ้อง ต่อไปนี้จะไม่ละเว้นแล้วจะขอ ผบ.ตร.อนุมัติให้ตำรวจสอบสวนกลางทำคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยเรื่องเริ่มต้นจากบุคคลผู้ซื้อ ผู้ขายทั้งสิ้น ไม่ให้มีขบวนกายี่ปั๊วซาปั๊วมาอยู่เบื้องหลัง ที่ผู้ซื้อและผู้ขายปั้นพยานขึ้นมา อีก 5 คดีที่จะทำมีลักษณะแผนประทุษกรรมที่คล้ายกัน ทั้งนี้มีเพียง 1 ใน 5 คดี มีหนึ่งคดีที่น่าเชื่อว่ามีผู้เก็บสลากกินแบ่งรัฐบาลไปขึ้นเงินเหตุเกิดที่ จ.สุพรรณบุรี ได้เงิน 6 ล้านบาท ซึ่งได้ออกหมายจับในข้อหาลักทรัพย์ หรือรับของโจร โดยผู้ที่นำเงินไปขึ้นได้หลบหนีไปต่างประเทศแล้ว
ส่วนกรณีตำรวจไปอายัดเงินรางวัลจำนวน 30 ล้านบาทนั้น พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นเลย ถ้าตำรวจไปเชื่อคำให้การซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนโกหกหรือสร้างเรื่องได้ขนาดนี้ ตำรวจก็รับแจ้งความโดยอาศัยคำให้การเป็นตัวตั้ง แนวทางการสืบสวนมีอยู่เยอะแยะคงไม่เชื่อคำให้การเพียงอย่างเดียว ตำรวจต้องเข้าใจตามคำให้การก่อนว่าถ้าเป็นไปตามคำให้การแล้วผู้ที่ถูกกล่าวหาเบิกเงินใช้ก่อนปัญหาก็จะตามมาอีก เรื่องนี้ตำรวจหรือพนักงานสอบสอบสวนในพื้นที่ตกใจ ก็เป็นไปตามที่ปรากฏข่าวว่าทั้งคู่ก็ไปศาลทั้ง 2 คน
