ผบ.ตร.ชี้ใช้หลักฐานวิทยาศาสตร์ออกหมายจับ “ครูปรีชา” ดคีแพ่งให้ไปฟ้องกันเอง ยกฎีกาใครครอบครองถือเป็นเจ้าของ

MGR Online - ผบ.ตร.แถลงคดีหวย 30 ล้าน ระบุพยาน “ครูปรีชา” ให้การไม่ตรงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จึงถูกออกหมายจับ เป็นความผิดทางอาญาคดี ส่วนทางแพ่งต้องให้ทั้งคู่ไปฟ้องร้องกันเอง พร้อมยกฎีกาใครนำสลากมาขึ้นเงินถือเป็นเจ้าของ สลากกินแบ่งรัฐบาลมิใช่ทรัพย์สินมีทะเบียน ไม่สามารถเจาะจงผู้ครอบครองที่ชัดเจนได้ เป็นอำนาจของศาลเท่านั้น

วันนี้ (28 ก.พ.) เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร., พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก., พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี, พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดคลี่คลายคดี แถลงข่าวใครเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท หมายเลข 533726 ที่ถูกรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 พ.ย. 2560 ณ ห้องศรียานนท์ โซน C ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการ โรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี และ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ ซึ่งมีการแจ้งความฟ้องร้องกันไปมาทั้งคดีแพ่งและอาญา โดย ผบ.ตร.ระบุว่า ที่ผ่านมาเคยมีคดีในลักษณะนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยราว 5 คดี และหวังว่าคดีนี้จะเป็นคดีสุดท้ายและเป็นคดีตัวอย่างที่จะเกิดขึ้น

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายจนนำไปสู่การออกหมายจับในวันนี้เป็นเรื่องของคดีอาญาซึ่งต้องขยายผลต่อไป โดยครูปรีชามีพยานต่างๆ ให้สอบสวนกว่า 40 ปาก แต่ปรากฏว่าคำกล่าวอ้างที่ออกมานั้นไม่ตรงกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ซึ่งตามกฎหมายมีคำพิพากษาศาลฎีกาและความเห็นอัยการสูงสุดระบุว่าใครครอบครองสลากกินแบ่งรัฐบาลถือเป็นเจ้าของ

ส่วนคดีแพ่งต้องให้ทั้งคู่ไปฟ้องร้องกันเอง เจ้าหน้าที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง หรือชี้ชัดว่าใครเป็นเจ้าของลอเตอรี่ หรือเป็นผู้ครอบครอง กรณีนี้เหมือนมวยถูกคู่

พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้ยกข้อฎีกามาชี้แจงย้ำว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลมิใช่ทรัพย์สินมีทะเบียน ทำให้ไม่สามารถเจาะจงผู้ครอบครองได้ชัดเจน แม้กระทั่งทำการซื้อมาแล้วก็ยังสามารถขายต่อให้ผู้อื่นก็ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าสลากเป็นของใคร เพราะเป็นอำนาจของศาลเท่านั้น

ส่วนตำรวจที่เข้ามาเกี่ยวข้องเปลี่ยนสำนวนที่ สภ.เมืองกาญจน์ จนต้องให้กองปราบปรามมารื้อฟื้นนั้น ขณะนี้ได้โยกย้ายออกจากพื้นที่หมดแล้ว หากผลการสอบสวนพบว่าตำรวจรายใดเกี่ยวข้องต้องให้ออกสถานเดียว

กรณีพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ยื่นคำร้องขอออกหมายจับนายปรีชา ใคร่ครวญ ที่ จ.367/2561 และหมายจับนางรัตนาพร สุภาทิพย์ ที่ จ.268/2561ลงวันที่ 28 ก.พ. 2561

ศาลพิจารณาคำร้องและพยานหลักฐาน จากที่เป็นบันทึกการแจ้งความร้องทุกข์ ของ ร.ต.ท. จรูญ วิมูล ปัจจุบันเป็นผู้ครอบครองสลาก ซึ่งได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายปรีชา ในความผิดฐานผู้ใดแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 และความผิดฐานผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความต่อพนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกหมื่นบาท ตามมาตรา 173
และ สำนวนการแจ้งความร้องทุกข์ พ.ต.ท.ประวีณ ปาณะศรี รอง ผกก. (สอบสวน ) กก.5 บก.ป.ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายปรีชา และนางรัตนาพร ในความผิดฐานผู้ใดแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือนหรือปรับไม่เกิน 1พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, ความผิดฐานผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความต่อพนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกหมื่นบาท ตามมาตรา 173 ,ถ้าการแจ้งความตามมาตรา173เพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น ผู้กระทำนั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1หมื่นบาท ตามมาตรา 174วรรค สอง และความผิดฐานผู้ใดแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสาร มหาชนหรือเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประกอบมาตรา 83 แล้ว

เมื่อพิจารณาประกอบพยานหลักฐานอื่นๆ แล้วเห็นว่ามีพยานหลักฐานอันควรเชื่อบุคคลนั้นน่าจะได้รกระทำผิดอาญา และคดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี จึงให้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำรับคดี มีอัตราโทษเกิน 3 ปี ศาลมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจให้ออกหมายจับได้แม้พนักงานสอบสวนจะยังไม่เคยออกหมายเรียกผู้ต้องหา