xs
xsm
sm
md
lg

“รสนา” ท้า “รัฐบาล” ดีเบต กล้ายืนยันไหม “บรรษัทวิสาหกิจ” จะไม่ขายรัฐวิสาหกิจ ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“รสนา” ท้ารัฐบาลดีเบต กล้ายืนยันไหม “บรรษัทวิสาหกิจ” จะไม่อำพรางแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ย้ำกฎหมายที่ออกมาไม่ให้บรรษัทฯขายหุ้นก็จริง แต่ยังเปิดทางขายรัฐวิสาหกิจ - บริษัทลูก ตั้งข้อสังเกตเดิมทีรายได้รัฐวิสาหกิจเข้าคลังเลย แต่เมื่อต้องส่งมาให้บรรษัทฯก่อน และบรรษัทฯสามารถหักกำไรไว้เป็นเงินสำรองการลงทุน หรือนำไปซื้อสัมปทานในต่างประเทศด้วยก็ได้ หลังจากนั้น จึงจะส่งส่วนแบ่งกำไรมาให้กระทรวงคลัง ถามแล้วจะเหลือเท่าไหร่ ???

วันนี้ (11 ก.ย.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กรุงเทพมหานคร และ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “รสนา โตสิตระกูล” ว่าขอท้ารัฐบาลเปิดดีเบตเรื่อง บรรษัทวิสาหกิจว่า “ที่รัฐบาลยืนยันไม่ขายหุ้นบรรษัทฯ แต่ยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่ขายรัฐวิสาหกิจ” ด้วย!??

เพิ่งรู้ข่าวจาก นสพ.หัวเขียวฉบับหนึ่งว่าได้ตั้งสมญานามใครก็ไม่รู้ ยกให้เป็น “ขุ่นแม่เอ็นจีโอ” (สำนวนนักข่าวในบทความข้างท้าย) ที่เป็นคนขัดขวาง กฎหมายจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจ ซูเปอร์โฮลดิ้ง (ร่างพระราชบัญญัติ การพัฒนากำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.......... ) และตั้งคำถามที่ทำให้รัฐบาล คสช. ก้นร้อนว่า “ยุค คสช. จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจแบบเหมาเข่งหนักข้อกว่ายุคทักษิณหรือไม่” ดิฉันก็ขอสนับสนุน “คุณแม่เอ็นจีโอ” คนนั้นให้เดินหน้าทำในสิ่งที่ถูกต้องต่อไป

ส่วนตัวดิฉันขอต่อสู้ต่อไปในนามพลเมืองไทยคนหนึ่งใน 70 ล้านคน ที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินรัฐวิสาหกิจ ซึ่งไม่ได้เป็นสมบัติของ คสช. หรือ สนช. สคร. คนร. หรือ กขคง...เพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสใช้อำนาจเบ็ดเสร็จออกกฎหมายเตรียมล้วงลูกแปรรูปรัฐวิสาหกิจยกเข่งแบบอำพราง ในช่วงสูญญากาศประชาธิปไตย โดยใช้ข้ออ้างว่าเพื่อป้องกันนักการเมืองเข้ามาล้วงลูกรัฐวิสาหกิจในภายหลัง ทั้งที่คนออกแบบการแปรรูปอำพรางก็เป็นทีมเศรษฐกิจเดียวกับอดีตรัฐบาลที่ทำให้คนไทยกลัวทุนการเมืองเข้ามากินรวบประเทศไทย

ส่งผลให้สังคมเข้าสู่โหมดความขัดแย้งใหญ่จน คสช. ฉวยจังหวะเข้ามาบริหารประเทศเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง !? และความเหลื่อมล้ำ !?

เมื่อรัฐบาลก้นร้อนเลยต้องรีบสั่งการทำ IO (information operation) ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อตอบเรื่องบรรษัทวิสาหกิจ แบบยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่า กฎหมายฉบับนี้ไม่เกี่ยวข้องการแปรรูปอย่างเด็ดขาด
ดิฉันขอถามว่าที่รัฐบาลจะไม่แปรรูปเด็ดขาดหมายถึงเฉพาะ “บรรษัท” เท่านั้นใช่ไหม แต่ยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่ซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือลดสัดส่วนหุ้นของ11 รัฐวิสาหกิจในบรรษัทด้วย
ถ้ามีการอนุมัติให้ลดสัดส่วนหุ้นของรัฐวิสาหกิจ ตั้งแต่บริษัทแม่ลงไปถึงบริษัทลูก และหลานที่ทำให้กรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของของรัฐในรัฐวิสาหกิจทั้ง11แห่งตลอดจนบริษัทลูก หลาน เหลนของรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ลดลงในตลาดหลักทรัพย์ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ แถวบ้านดิฉันเขาเรียกว่า “การแปรรูป”

ดิฉันเปรียบเทียบบรรษัทเป็น “คอกม้า” ที่รัฐบาลควักกระเป๋ามาตั้งคอกม้าในมูลค่า 1 พันล้าน (โดยทำเป็นหุ้น หุ้นละ 10 บาท 100 ล้านหุ้น) และที่รัฐบาลประกาศจะไม่แปรรูป และรัฐจะถือไว้เอง 100% ตลอดไปนั้นหมายความเพียงว่าจะไม่ขายหุ้น “คอกม้า” เท่านั้นใช่หรือไม่

แต่ว่า 11 รัฐวิสาหกิจ ที่ดิฉันเปรียบเป็น “ม้า 11 ตัว” ที่มีมูลค่า 6 ล้านล้านบาท และต่อไปยังสามารถออกลูกออกหลานอีกด้วยนั้น กฎหมายฉบับนี้สั่งให้กระทรวงการคลังต้องโอนหุ้นทั้งหมดมาให้บรรษัทฯ ซึ่งคือโอนม้าทั้ง 11 ตัวมาเข้าคอกคำถามคือร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้อนุญาตให้สามารถขายม้า 11 ตัว และลูกหลานของม้าเหล่านี้ด้วยใช่หรือไม่

เป็นคำถามหัวใจ ที่คนของรัฐบาลนี้ยังไม่มีใครออกมาตอบ!!

อันที่จริงที่ดิฉันเป็นห่วง ก็คือ ห่วงว่าประเทศจะเหลือแต่กรรมสิทธิ์ “คอกม้า” แต่ไม่มีม้า โดยที่รัฐบาลยังต้องจ่ายเงินค่าดูแลคอก รวมทั้งค่าจ้างคนบริหารคอกม้าด้วย แต่เราอาจจะมีกรรมสิทธิ์ในม้าลดลง จนไม่ใช่เจ้าของม้าอีกต่อไปก็ได้ ใช่หรือไม่

นอกจากนี้ ก็ยังมีข้อสังเกตที่น่าห่วงใยอีกประการหนึ่งว่า รายได้จากรัฐวิสาหกิจ สมัยก่อนก็ส่งเงินตรงให้กระทรวงคลังเลย แต่เมื่อมาอยู่ภายใต้บรรษัทแล้ว บรรดาเงินรายรับของรัฐวิสาหกิจ 11 แห่ง ต้องส่งให้บรรษัทฯเสียก่อน และกำไรทั้งหมดของรัฐวิสาหกิจ บรรษัทฯสามารถหักเงินกำไรไว้เป็นเงินสำรองการลงทุน หรือนำไปซื้อสัมปทานในต่างประเทศด้วยก็ได้ หลังจากนั้นจึงจะส่งส่วนแบ่งกำไรมาให้กระทรวงคลัง แล้วจะเหลือเท่าไหร่???

กรณีการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ที่ปีสุดท้ายก่อนการแปรรูปในปี 2544 เคยทำกำไรให้ประเทศ 2 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมีรายได้ปีละกว่าแสนล้านบาท แต่ส่งรายได้ให้รัฐเหลือปีละหมื่นกว่าล้านบาท น้อยกว่ารายได้ที่กองสลากฯส่งเข้ารัฐปีละ 2 หมื่นกว่าล้านบาทเสียอีก ใช่หรือไม่

ที่เป็นห่วงคือรายได้ และกำไรของรัฐวิสาหกิจ 11 แห่ง และบริษัทลูก หลานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะถูกนำไปเล่นแร่แปรธาตุในตลาดหลักทรัพย์ทำให้เอกชนบางกลุ่มในตลาดหุ้นร่ำรวยอู้ฟู่เท่านั้น เพื่อดันจีดีพีประเทศให้โต??? เพื่อให้ประเทศพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ??? แต่เป็นการลงทุนที่ใช้ทรัพย์สินของคนไทยทั้งประเทศมาสร้างความร่ำรวยให้กับคนบางกลุ่มเท่านั้น โดยไม่มีการกระจายรายได้

การใช้ทรัพย์สินของคนทั้งประเทศมาผลักดันตลาดหุ้นให้โตนั้น ประชาชนต้องเป็นผู้เสียสละแบกรับให้คนแข็งแรงโตต่อไป ซึ่งเป็นวิธีที่จะยิ่งสร้างความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยที่ติดอันดับ3ของโลกให้สูงขึ้น ไปอีก ช่องว่างคนรวย คนจนจะยิ่งถ่างกว้างมากขึ้น

นอกจากรัฐบาลไม่ชี้แจงประเด็นหัวใจในเรื่องนี้แล้ว เมื่อคืนนี้ (10 ก.ย) รัฐบาลถึงกับต้องขนอาวุธหนักระดับอดีตซีอีโอแบงค์พาณิชย์ใหญ่แห่งหนึ่งออกมาตอบคำถามคุณแม่เอ็นจีโอท่านนั้นทางสื่อวิทยุ โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ แต่ก็ยังไม่ตอบคำถามที่คาใจคนไทยทั้งประเทศอีกนั่นแหละ คนที่ออกมาตอบว่าไม่เกี่ยวกับการแปรรูป ทั้งที่ กม. ก็เขียนไว้ทนโท่

เอาอย่างนี้ดีไหมคะ เปิดเวทีดีเบต สุนทรียสนทนา ระหว่างภาครัฐ กับภาคพลเมืองที่ยังมีความสงสัยข้องใจในเรื่องนี้ ให้ได้ถาม และท่านตอบให้หายข้องใจ จะได้ไม่ใช่เป็นการใช้สื่อของรัฐมัดมือ (ประชาชน) ชกข้างเดียว แบบแผ่นเสียงตกร่องอย่างที่เป็นอยู่ ก็หวังว่ารัฐบาลจะกล้ารับผ้าที่ดิฉันโยนท้าทายนี้

กำลังโหลดความคิดเห็น