MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอต ที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง www.manager.co.th และเฟซบุ๊ก MGROnline Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7 หรือ http://bit.ly/mgrtop7
(สรุปข่าวประจำวันที่ 1 - 7 ก.ค. 2560)
อันดับ 1 : อยู่ให้คนรัก จากไปให้คนคิดถึง "อาม่าอี๊ด - ป้าติ่ง - แหวน ฐิติมา - เต้ย ไฮร็อค" สัปดาห์สูญเสียคนบันเทิง
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวการสูญเสียของคนในวงการบันเทิงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 4 รายด้วยกัน เริ่มจากเวลา 02.00 น. วันที่ 5 ก.ค. สูญเสียนักแสดงอาวุโส "อี๊ด-สินีนาฎ โพธิเวส" ที่พบเห็นประจำในซิทคอมเรื่อง "เฮงเฮงเฮง" ที่รับบทเป็น "อาม่า" เสียชีวิตด้วยโรคชรา รวมอายุได้ 88 ปี ต่อมาในช่วงบ่าย ยังได้สูญเสียนักแสดงอาวุโสอีกราย "ติ่ง-พิมพ์พรรณ บูรณะพิมพ์" ซึ่งเคยรับบทเป็นอาม่าของมิว ในภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม เสียชีวิตด้วยโรคชราที่บ้านพัก รวมอายุได้ 71 ปี กระทั่งวันที่ 7 ก.ค. สูญเสียนักร้องร็อกเกอร์หญิงชื่อดัง "แหวน-ฐิติมา สุตสุนทร" เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อเวลา 15.15 น. หลังเข้ารับการรักษาและพบว่ามะเร็งลามถึงกระดูก รวมอายุได้ 54 ปี โดยมีเหล่าศิลปินและเพื่อนร่วมงานไว้อาลัยจำนวนมาก ผ่านไปอีก 1 วัน เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 8 ก.ค. "เต้ย ไฮร็อก" หรือ กิติศักดิ์ เจริญคงสมัย มือกลองวงไฮร็อก เสียชีวิตลง หลังพักรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งตับอยู่ที่บ้าน รวมอายุได้ 52 ปี ทั้งหมดนับเป็นความสูญเสียที่มหาชนต่างรู้สึกเศร้าสลด เหลือไว้แต่เพียงผลงานและความทรงจำ
อันดับ 2 : โค้งสุดท้าย! ตั้ง "บุญสร้าง" อดีต ผบ.สส. ปฏิรูปตำรวจ ขีดเส้น 9 เดือนก่อนเลือกตั้ง
แม้การเข้าควบคุมอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะผ่านไปกว่า 3 ปี แต่การปฏิรูปตำรวจก็ไม่มีความคืบหน้าเป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งที่ใกล้จะถึงช่วงส่งมอบอำนาจผ่านการเลือกตั้งอีก 10 เดือน กระทั่งวันที่ 4 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ผ่านความเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจแล้ว โดยแต่งตั้งให้ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธาน พร้อมคณะกรรมการรวม 36 คน ระบุว่า เป็นดอกเตอร์ จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก เวสต์ปอยท์ สหรัฐอเมริกา และยังเป็นอาจารย์ของตน จึงเชื่อมั่นและจะไม่เข้าไปก้าวก่าย โดยมีแนวคิดให้ตำรวจร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัด ทหาร ข้าราชการ และพลเรือนทำงานในเชิงยุทธการ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด ส่วนเรื่องการเลื่อนยศ ปลด ย้าย ก็ยังคงเป็นอำนาจของ ผบ.ตร. ตามเดิม
ด้าน พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า เมื่อได้รับความไว้วางใจก็ต้องทำเต็มที่ เพราะเป็นเรื่องที่สังคมคาดหวังมานานและไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีเวลาแค่ 10 เดือน ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับปัญหาที่เห็น ส่วนที่เกิดความสงสัยว่าทำไมจึงให้ทหารมาปฏิรูปตำรวจนั้น การปฏิรูปส่วนใหญ่ไม่เอาตำรวจมาปฏิรูปตำรวจด้วยกันเอง ตนไม่ได้เก่งกาจมาจากไหน แต่ก็จะทำเต็มที่ คงต้องหารือและรับฟังความเห็นจากตำรวจและหลายฝ่าย รวมทั้งความคิดเห็นของประชาชนด้วย ขอรับรองว่าไม่มีเกรงใจใคร เพราะได้รับมอบหมายมาแล้วก็ต้องทำให้ได้ อย่างไรก็ตาม การประชุมมอบนโยบายฯ ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 7 ก.ค. นายกฯ ให้แนวทางเป็น 3 ประเด็นใหญ่ คือ 1. องค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะสังกัดหน่วยงานไหน 2. กระบวนการยุติธรรม อำนาจการสอบสวนจะคงอยู่อย่างเดิม หรือจะแยกอย่างไร และ 3. การบริหารงานบุคคล แต่งตั้ง โยกย้าย คัดคนเข้ามาเป็นตำรวจจะใช้ระบบใด โดยใช้เวลา 9 เดือน
อันดับ 3 : ซ่าไม่ออก! "แก๊งยันหว่าง" รุมดาบตำรวจสลบ-กร่างบนโรงพัก ที่สุดถูกสหบาทา
กลุ่มชายฉกรรจ์กล่มใหญ่เมาสุราอาละวาดบนโรงพัก จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 5 ก.ค. เริ่มจากแก๊งยันหว่าง นำโดย นายโสภณ โกสินทร์ อายุ 36 ปี, นายสิทธิชัย โสลุน อายุ 24 ปี, นายรัตนเทพ ชัยปราณีเดช อายุ 21 ปี และนายปกรณ์ ชูวงศ์ อายุ 24 ปี ก่อเหตุทะเลาะวิวาทในปั๊มน้ำมันบางจาก ถ.สุขาภิบาล 5 ซอย 17 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. กระทั่ง ด.ต.ธวัช สายเสมอ อายุ 44 ปี ผบ.หมู่ ฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.สายไหม เข้าระงับเหตุ แต่ถูกนายโสภณชกเข้าที่คิ้วขวา 1 ครั้ง ก่อนจะเกิดเหตุชุุลมุน กระทั่งมีวัตถุกระแทกที่ต้นคอด้านซ้ายของ ด.ต.ธวัช ทำให้หมดสติไป เมื่อฟื้นขึ้นมาพบว่าบัตรประจำตัวข้าราชการ และโทรศัพท์ได้หายไปด้วย จึงวิทยุให้ช่วยสกัดจับ พบรถยนต์ของกลุ่มนายโสภณบนถนนเทพรักษ์ ตัดกับถนนรามอินทรา (วัชรพลตัดใหม่) แต่นายโสภณไม่หยุดอาละวาด ทิ้งโทรศัพท์ของ ด.ต.ธวัช เข้าพงหญ้าข้างทาง พร้อมอาละวาดด่าทอ กระทั่งทหารควบคุมตัวนายโสภณและพวกไว้ได้ ก่อนส่งตัวมายัง สน.สายไหม
ต่อมานายโสภณพร้อมพวกอีก 3 คน และหน่วยกู้ภัยสยามรวมใจได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันบริเวณหน้า สน.สายไหม ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องเข้าห้ามปราม หลังจากนั้น นายโสภณต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเตะเก้าอี้ได้รับความเสียหาย กระทั่งมีรถกู้ภัยมูลนิธิสยามรวมใจมาจอด พร้อมกลุ่มจักรยานยนต์กว่า 20 คัน ปิดบังใบหน้า นายโสภณได้ตะโกนท้าทายกลุ่มจักรยานยนต์จนเป็นเหตุให้เกิดการชุลมุน นายโสภณถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บบนใบหน้า ส่วนที่เหลือวิ่งหนีขึ้นไปบนโรงพัก เบื้องต้นนายโสภณและพวกถูกแจ้งข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ต่อสู้และขัดขวางการจับกุม ลักทรัพย์ ใช้กำลังประทุษร้ายเจ้าพนักงาน เมาสุรา ข่มขืนใจเจ้าพนักงาน ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ศาลจังหวัดมีนบุรีอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ฝากขังที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี ขณะที่คลิปเหตุชุลมุนดังกล่าวกลายเป็นที่ฮือฮาบนโลกโซเชียล
อันดับ 4 : มนุษย์ลุง! สุนัขไซบีเรียนถูกกระบะทับตาย เจ้าของซัดจงใจฆ่า-คนขับตีมึนอ้างมองไม่เห็น
เรื่องราวสะเทือนใจคนรักสุนัขเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ก.ค. เฟซบุ๊ก "แหม่มโพธิ์ดำ" ได้โพสต์คลิปสุนัขตัวหนึ่งถูกรถกระบะเหยียบจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น. ซึ่งชาวบ้านที่เป็นแม่ค้าขายของอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อในตลาดแก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เปิดเผยว่า ถูกชายคนหนึ่งขับรถกระบะเหยียบสุนัขจนตายแล้วหลบหนีไป เมื่อสอบถามก็ตอบกลับว่า "แล้วใครใช้ให้หมามาอยู่กลางถนน" จึงเรียกร้องขอความเป็นธรรม ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ Watchdog Thailand ระบุว่า สุนัขที่เสียชีวิตมีชื่อว่า "เจ๊าะแจ๊ะ" พันธุ์ไซบีเรียน เพศเมีย อายุ 2 ปี พร้อมประสาน พ.ต.อ.ไพโรจน์ ตีรโสภณ ผกก.สภ.แก่งคอย สระบุรี ให้ดำเนินคดีในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ขณะที่ น.ส.รินรดา ธนูศร อายุ 33 ปี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.แก่งคอย ก่อนเชิญตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี
นายสูงสรร ปิ่นป่าสักทองคำ อายุ 70 ปี เจ้าของรถกระบะมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน พ 2211 สระบุรี ที่ปรากฎในวันเกิดเหตุ อ้างว่าในวันเกิดเหตุมองไม่เห็นสุนัขที่นอนอยู่ ได้ยินเสียงดังใต้ท้องรถ ไม่รู้ว่าทับสุนัขไปแล้ว และขอใช้สิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง พร้อมระบุว่า ถูกต้องหรือไม่ที่ปล่อยสุนัขออกมานอกบ้าน ขณะที่พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกนายสูงสรร มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 12 ก.ค. เวลา 10.00 น. โดยแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ และทารุณกรรมสัตว์ รวม 2 ข้อหา โดยก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจหาสาเหตุการชนสุนัข เพื่อนำไปประกอบในสำนวนคดี
อันดับ 5 : เบนซ์ตบนักเรียน! ขี่รถเฉี่ยวเป็นรอย อ้างปัญหาเครียดรุมเร้า-ชาวเน็ตด่ายับ
เหตุทำร้ายร่างกายอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Padiphon Chaiyabut ได้โพสต์วิดีโอคลิปพร้อมภาพ เกิดขึ้นบริเวณหน้าปั้มน้ำมันพีที บนถนนเศรษฐกิจ 1 กม. 12 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ระบุว่านักเรียนขับขี่รถจักรยานยนต์ ชนท้ายรถยนต์เมอร์ซิเดส เบนซ์ สีทอง จนเป็นรอย คนขับรถเบนซ์ลงมาตบที่ศีรษะเด็ก แล้วต่อว่า ทั้งที่นักเรียนยกมือไหว้ขอโทษแล้ว ทำให้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาต่อว่าถึงความแล้งน้ำใจ และจากการค้นหาบนโลกโซเชียลพบภาพชายคนดังกล่าวแต่งกายคล้ายตำรวจ กระทั่ง พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตำรวจระบุว่า เป็นอดีตอาสาสมัครตำรวจบ้าน เลิกไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว มิใช่เป็นข้าราชการตำรวจอย่างที่มีการแชร์ข้อมูลในโซเชียลแต่อย่างใด
ต่อมาวันที่ 5 ก.ค. ผู้สื่อข่าวตามไปที่บ้าน นายมานะ นิ่มเนียม อายุ 59 ปี เจ้าของธุรกิจขายลังไม้ อยู่บ้านเลขที่ 1/6 หมู่ 5 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ขอยอมรับผิดทุกกรณี และที่ทำไปเนื่องจากเครียดเรื่องปัญหาหลายอย่างรุมเร้า ทั้งกรณีลูกค้าทวงถามส่งสินค้าผิดพลาด และลูกสาวป่วยอยู่ในห้องไอซียูด้วยโรคไข้เลือดออก หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกโลกโซเชียลกระหน่ำอย่างมาก ยอมรับว่าโมโหจนขาดสติ ขณะที่ครอบครัวของนักเรียนคนดังกล่าวไม่ติดใจเอาความ โดยนายมานะยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา และจะรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
อันดับ 6 : "พอลลีน งามพริ้ง" อดีตแกนนำเชียร์ไทย แต่งหญิง-เปลี่ยนชีวิต หลังย้ายไปอเมริกา
เรื่องฮือฮาในวงการกีฬา แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับนักกีฬา แต่ก็เป็นที่พูดถึงไม่น้อย สำหรับนายพินิจ งามพริ้ง อายุ 50 ปี แกนนำกลุ่มเชียร์ไทยพาวเวอร์ และอดีตผู้สมัครนายกสมาคมฟุตบอลฯ ปรากฎภาพที่ตนเองแต่งกายเป็นหญิง ลงบนโซเชียลมีเดีย พร้อมเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊กเป็น Pauline Ngarmpring หลังจากที่เขาย้ายไปใช้ชีวิตทำธุรกิจร้านอาหารในเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม หลังปรากฎเป็นข่าว เจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณที่ให้ความสนใจ ไม่เคยคิดโกหกหลอกลวงใคร แต่ขอไม่ตอบคำถามใดๆ เพราะยังห่วงทายาทที่ยังเด็ก และคนที่อาจจะได้รับผลกระทบ
สำหรับนายพินิจ งามพริ้ง เคยเป็นอดีตผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ก่อนที่จทำงานด้านสื่อสารการตลาดหลายบริษัท กระทั่งในปี 2544 ได้ก่อตั้งชมรมเชียร์ไทย และเว็บไซต์ cheerthai.com เคยเป็นแกนนำประท้วงขับไล่นายวิจิตร เกตุแก้ว นายกสมาคมฟุตบอลฯ ขณะนั้นทนแรงกดดันไม่ไหว ตัดสินใจลงจากตำแหน่ง เมื่อปี 2546 และแทนที่ด้วย นายวรวีร์ มะกูดี ที่นั่งเก้าอี้ประมุขฟุตบอลมา 3 สมัย มาถึงปี 2556 นายพินิจลงสมัครรับเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ก่อนจะถอนตัวและสนับสนุนนายวิรัช ชาญพานิชย์ พร้อมเสนอแผนฟื้นฟูฟุตบอลแห่งชาติ ปี 2556-2565 แต่สุดท้ายนายวรวีร์ได้นั่งเก้าอี้อีกสมัย ชื่อของพินิจจึงเงียบหายไป ก่อนจะย้ายไปซานฟรานซิสโก เพื่อทำธุรกิจร้านอาหาร
อันดับ 7 : เหมือนไม่เหมือน? ชาวเน็ตชี้ "เจ้านาย" ลูก "เจ เจตริน" ลอกเอ็มวี "จัสติน บีเบอร์"
เป็นอีกหนึ่งนักร้องที่กำลังจับตามองอยู่ในขณะนี้ สำหรับ "เจ้านาย" หรือ "จิณเจษฏ์ วรรธนะสิน" ลูกชายคนโตวัย 16 ปี ของ เจ-เจตริน และ ปิ่น-เก็จมณี วรรธนะสิน เมื่อซิงเกิลเพลงที่ชื่อว่า "คนละชั้น" ของค่ายเพลง "เจมีดี" ที่ เจ-เจตริน เปิดค่ายเป็นของตัวเอง เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ยูทูปไปเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยมี "โอ แว่นใหญ่" หรือ โอฬาร ชูใจ สมาชิกวง รูม 39 แต่งเพลงและทำนอง มีผู้ฟังมากถึง 10.5 ล้านครั้ง จึงตอกย้ำความสำเร็จด้วยการออกเอ็มวี เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. มีผู้ชมมากกว่า 10 ล้านครั้ง ภายใน 1 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ในเว็บไซต์พันทิป ได้มีการตั้งกระทู้ "ขอมอบตำแหน่ง จัสติน บีเบอร์ ของเมืองไทย ให้แก่ เจ้านาย" วิจารณ์ว่า เอ็มวีเพลงคนละชั้น คล้ายกับเพลง I'll Show You ของศิลปิน “จัสติน บีเบอร์” ตั้งแต่ดนตรี มุมกล้อง สไตล์การแต่งตัว โดยมีการเทียบมุมกล้องกันชอตต่อชอต กระทั่ง เจ-เจตริน ต้องออกมาเคลียร์ว่า เอ็มวีดังกล่าวทำขึ้นเพื่อแฟนคลับเจ้านาย โดยมีจัสติน บีเบอร์ เป็นไอดอล ผสมกับความอันซีนของสถานที่ท่องเที่ยว โดยได้ถ่ายทำที่ จ.กระบี่ ถ้าจะบอกว่าเป๊ะเลยมันคงไม่ใช่ ยอมรับว่าเมื่อมีคนที่ชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบเป็นปกติ