MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอต ที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง www.manager.co.th และเฟซบุ๊ก MGROnline Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7 หรือ http://bit.ly/mgrtop7
(สรุปข่าวประจำวันที่ 3 - 9 มิ.ย. 2560)
อันดับ 1 : คลังแสงเอ็กซ์เพรส! ขโมยขายผ่านกลุ่มลับเฟซบุ๊ก - ซิ่งกระบะตกข้างทาง อาวุธสงครามเพียบ
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. รถกระบะอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู ทะเบียนตรากงจักร ประสบอุบัติเหตุเสียหลักข้างทาง บริเวณถนนตราด-คลองใหญ่ บ้านคลองสน หมู่ 6 ต.แหลมกลัด อ.เมืองฯ ตราด ทหารพรานนาวิกโยธินที่ 3 เขาล้านให้ความช่วยเหลือ พบคนขับทราบชื่อคือ พ.อ.อ.ภคิน เดชพงษ์ เจ้าหน้าที่การข่าว กอ.รมน. ภายในรถด้านหลังคนขับ ดัดแปลงเบาะพบอาวุธสงครามจำนวนมาก และเมื่อตรวจสอบพบว่าทะเบียนกงจักรเป็นทะเบียนปลอม ต่อมาจับกุม ร.ต.ต.พิสิษฐ์ เลียง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และนายจักรพงษ์ ไกรเรือง หลังมีส่วนเชื่อมโยงในคดี จากการสืบสวนพบว่ามีการซื้อขายอาวุธระหว่าง พ.อ.อ.ภคิน และ ร.ต.ต.พิสิษฐ์ ทางไลน์โดยใช้รหัสลับ แล้วขายให้กับกลุ่มคุ้มครองคาราวานขนยาเสพติดทางภาคเหนือ ทำมาแล้ว 3 ครั้งในรอบ 6 เดือน และจากการตรวจค้นรถแลนด์โรเวอร์ ทะเบียนกัมพูชา พบว่ามีอาวุธปืนซุกซ่อนอยู่ในฝากระโปรงรถอีกด้วย
ส่วนคดีพบระเบิดและกระสุนปืนเอชเค ในร้านเคอรี่เอ็กซ์เพรส สาขาบางเขน เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. และจับกุม ส.ท.อิสระพงศ์ พรหมบุตร อายุ 27 ปี สังกัดกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ (ช.พัน. 1 รอ.) สารภาพว่าขโมยอาวุธสงครามในคลังออกมาขายตลาดมืดหลายครั้ง กระทั่งวันที่ 6 มิ.ย. นายทหารพระธรรมนูญร้องทุกข์กล่าวโทษกับกองปราบปรามให้ดำเนินคดี หลังพบผู้เกี่ยวข้องเป็นพลเรือน 15 นาย ทหาร 3 นาย โดยควบคุมตัวอยู่ที่มณฑลทหารบกที่ 11 สอบสวนทหารทั้ง 3 นาย ให้การในเบื้องต้นว่า ได้ขโมยระเบิดและเครื่องกระสุนจากคลังอาวุธนำไปขายให้กับลูกค้า จากการสอบสวนพบว่ามีการซื้อขายอาวุธผ่านทางเฟซบุ๊กกลุ่มปิด เพื่อโชว์กันเองในหมู่ผู้สะสมอาวุธ บางส่วนไปทดแทนอัตราอาวุธที่หายไปจากหน่วยที่ตนสังกัดช่วงวงรอบการตรวจประจำปี ในคดีนี้ขณะนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 17 คน เป็นพลเรือน 10 คน ทหาร 7 นาย อยู่ในการควบคุมของกองปราบฯ 12 คน ขณะที่กองทัพภาค 1 เตรียมจะตั้งกรรมการสอบวินัยทหารขโมยอาวุธในคลัง รวมทั้งผู้บังคับหน่วยว่า ละเลยไม่ควบคุมดูแลลูกน้องหรือไม่
อันดับ 2 : ฟ้อง "แก๊งเปรี้ยว" ละเมิดทายาท 10 ล้าน ฆ่าหั่นศพ "น้องแอ๋ม" ยายชี้ยังไม่สำนึก
หลังปิดคดีฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือแอ๋ม อายุ 22 ปี สาวคาราโอเกะแล้วทิ้งร่างที่หั่นเป็นท่อนไว้ที่ อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น หลังจับกุม นายวศิน นามพรม อายุ 22 ปี, น.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ หรือเบนซ์ อายุ 21 ปี และทางการพม่าส่งตัว 3 สาวผู้ต้องหาคนสำคัญ ได้แก่ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว อายุ 24 ปี, น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิร์น อายุ 25 ปี และ น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือ แจ้ง อายุ 27 ปี มาให้ทางการไทย เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ได้มีการแถลงข่าวโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ระบุว่า สาเหตุที่ลงมือครั้งนี้มี 2 ประเด็น คือ เรื่องยาเสพติด และหนี้สิน ซึ่ง น.ส.ปรียานุชตั้งใจจะสั่งสอน แต่ลงมือหนักไป กระทั่งวันที่ 5 มิ.ย. มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ จ.ขอนแก่น พร้อมขอขมาญาติของเหยื่อ ซึ่ง นางสำราญ เพลียแก่น ยายของน้องแอ๋ม ระบุว่า ขอให้น้องแอ๋มเป็นรายสุดท้าย ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ว่า อโหสิกรรมให้เพราะหลานสาวก็ตายไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคำพูดยังแข็ง ไม่มีความอ่อนน้อม เหมือนยังไม่สำนึกกับสิ่งที่ได้ทำลงไป จากนั้นได้ส่งผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าเรือนจำจังหวัดขอนแก่น
ขณะเดียวกัน การควบคุมตัว 3 ผู้ต้องหายังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะกรณีตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย ถ่ายรูปคู่กับผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ในลักษณะไม่เหมาะสม กระทั่ง พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรษฐี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 (ผบก.ตม. 5) มีคำสั่งให้ตำรวจ 2 นาย คือ พ.ต.ท.ฤทธิไกร กะระกล และ ร.ต.อ.ธวัชศิลป์ บุญต้นหล้า ไปช่วยราชการพร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวน ด้านการดำเนินคดี นอกจากตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ลอบฝังซ่อนเร้นหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย และปล้นทรัพย์หรือรับของโจร ยังได้เพิ่มอีก 1 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เนื่องจากมีการวางแผนโทรศัพท์ไปนัด น.ส.วริศราก่อนลงมือสังหาร นอกจากนี้ มารดาของ น.ส.วริศรายังได้ฟ้องหมิ่นประมาทแก่ น.ส.ประภาศิริ สมศรี พี่สาวของ น.ส.ปรียานุช เพราะไปสัมภาษณ์ดูหมิ่นผู้ตาย และยังได้ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ในคดีละเมิดทายาท เรียกค่าเลี้ยงดู 30 ปี เป็นเงิน 10 ล้านบาท ถือเป็นคดีแพ่งต่อเนื่องกับคดีอาญา
อันดับ 3 : กาตาร์ถูกแบน! 4 ประเทศอาหรับ ทรัมป์ตีปีกกล่าวหาหนุนก่อการร้ายลัทธิสุดโต่ง
กลายเป็นความขัดแย้งด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุด เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน และอียิปต์ ประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตและยุติความร่วมมือทางทหารกับกาตาร์ โดยอ้างว่าให้การสนับสนุนลัทธิก่อการร้าย อาทิ กลุ่มภราดรภาพมุสลิม, รัฐอิสลาม (ไอเอส), อัลกออิดะห์ ตลอดจนกลุ่มอื่นๆ ที่อิหร่านหนุนหลังอยู่ ทั้งที่กาตาร์ปฏิเสธ และก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางไปยือนซาอุดีอาระเบีย และเรียกร้องให้บรรดาประเทศมุสลิมจัดตั้งแนวร่วมเพื่อต่อสู้คัดค้านลัทธิสุดโต่ง ไม่นับรวมการเผยแพร่ข่าวปลอมที่อ้างว่ามาจาก อามีร์ ชัยค์ ทามิม บิน ฮาหมัด อัล-ทานี ผู้ปกครองกาตาร์ ที่กล่าวพาดพิงสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อการคมนาคมเพราะปิดการเชื่อมโยงทางทะเลและทางอากาศ สายการบินกาตาร์แอร์เวย์ถูกระงับเที่ยวบิน ซาอุดิอาระเบียและบาห์เรนถอนใบอนุญาต สนามบินในกรุงโดฮาเงียบเหงาเพราะเที่ยวบินถูกระงับ ผู้คนจำนวนมากเข้าแถวรอซื้ออาหารและสินค้านำเข้า ที่คาดการณ์กันว่าจะขาดแคลน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความโจมตีกาตาร์อย่างรุนแรง ระหว่างการเยือนตะวันออกกลาง เน้นว่าต้องไม่ให้มีการให้เงินทุนหนุนอุดมการณ์แบบรุนแรง โดยชี้ไปที่กาตาร์ และพวกเขาบอกว่าพวกเขาอยากใช้ไม้แข็งกับการให้เงินทุนหนุนลัทธิสุดโต่ง สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์สั่งห้ามประชาชนเผยแพร่ข้อความที่มีเนื้อหาแสดงความเห็นอกเห็นใจกาตาร์ ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี ปรับ 4.6 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สืบสวนของกาตาร์กล่าวว่า การโจมตีทางไซเบอร์ที่ทำให้เกิดการเผยแพร่ข่าวปลอมเมื่อเดือนที่แล้วและจุดชนวนวิกฤตกับเหล่าประเทศเพื่อนบ้านอ่าวอาหรับมีการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนเมษายน ส่วน ชีค โมฮัมเหม็ด รัฐมนตรีต่างประเทศกาตาร์ประกาศว่า ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์แทรกแซงนโยบายต่างประเทศของเรา ไม่มองมาตรการทางทหารเป็นทางเลือกในวิกฤตนี้
อันดับ 4 : ศึกนาฬิกา! โอเมก้าทิ้งบอมบ์สื่อ ปูโวยถูกมัดมือชก ประกาศคืนนาฬิกาและเงินค่าจ้าง
กลายเป็นเรื่องราวที่ทำเอาเจ้าตัวถึงกับของขึ้น กับนักแสดงสาวและนางแบบลูกครึ่งไทย-สวีเดน “ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนเบิร์ก” ที่ก่อนหน้านี้ได้ออกงานกับแบรนด์นาฬิการะดับโลก แต่เมื่อวันที่ 6 มี.ค. บริษัท เดอะ สวอท์ซ กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ส่งหนังสือถึงสื่อมวลชน ระบุว่า น.ส.ไปรยา นาตยา ลุนด์เบิร์ก ได้พ้นจากตำแหน่ง FRIEND OF OMEGA เนื่องจากได้ประพฤติผิดไปจากสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้กับทางแบรนด์ และระบุว่า หากเจ้าตัวพร้อมด้วย นายเกียรติศักดิ์ เหลืองรุ่งโรจน์ ได้มีการแอบอ้างหรือหาผลประโยชน์โดยใช้ชื่อเสียงจากแบรนด์โอเมก้า ทางแบรนด์มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำดังกล่าว
ทำเอาเจ้าตัวต้องสวนกลับผ่านเฟซบุ๊กว่า ไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์หรือแบรนด์แอมบาสเดอร์ แต่เข้าใจว่าเดอะ สวอท์ซ กรุ๊ป มาเสนอให้ดำรงตำแหน่งเป็นหนึ่งใน Friends of Omega เพื่อให้ปูสวมใส่และประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านสื่อออนไลน์ พร้อมเงื่อนไขว่าจะต้องร่วมกิจกรรมของทางแบรนด์ที่จะจัดขึ้นในต่างประเทศ เมื่อเห็นว่าเป็นเพียง Influencer เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของสินค้า จึงตอบตกลงและปฏิบัติตามสัญญาอย่างเคร่งครัด โดยได้เข้าร่วมอีเวนท์ The Lost in Space ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตามเงื่อนไขในสัญญา พร้อมใส่นาฬิกาของโอเมก้าและโพสใน IG ของปูตามที่ได้ตกลงกัน
แต่ภายหลังวันที่ 25 พ.ค. ทางโอเมก้ากลับขอให้ปูเซ็นสัญญาที่จัดทำขึ้นมาใหม่ อ้างว่าทีมบริหารต่างประเทศต้องการให้เปลี่ยนสัญญา พบว่ามีข้อตกลงใหม่ที่จะให้ปูเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ซึ่งไม่อาจตกลงกันได้ เพราะได้เซ็นสัญญากับแบรนด์เสื้อผ้าอื่น ซึ่งมีนาฬิกาเป็น Accessory หนึ่งในนั้นไว้ก่อนแล้ว จึงไม่ได้เซ็นหรือลงนามในสัญญาที่โอเมก้าส่งมาให้ แต่ก็ไม่ได้รับงานให้กับแบรนด์นาฬิกาอื่น เมื่อแบรนด์เสื้อผ้าปรากฎในไอจี ทำให้โอเมก้าไม่พอใจและบอกว่าเราละเมิดข้อสัญญา พร้อมต้องการนาฬิกาคืน และยังส่งหนังสือถึงสื่อมวลชน ตนจึงเสียใจ ทั้งที่รักษามาตรฐานแต่กลับได้รับความเสียหาย จึงยินดีคืนนาฬิกาและค่าจ้าง ขอความเป็นธรรมจากโอเมก้าให้ช่วยแถลงข่าว และประสานทางกฎหมายเพื่อหาทางออกต่อไป
อันดับ 5 : ลูกเหลิมผงาด! "ดวง อยู่บำรุง" ได้เป็นสารวัตรสมุทรสาคร
การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับสารวัตร และรองผู้บังคับการ วาระประจำปี 2559 จำนวน 1,112 ตำแหน่ง หลังกองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยแพร่บัญชีแนบท้ายคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 248/2560, 249/2560 และ 250/2560 ลงวันที่ 4 มิ.ย. 2560 พบว่า ร.ต.อ.ดวง อยู่บำรุง นายเวร (สัญญาบัตร 1) ของ พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 4 โยกไปเป็นสารวัตรฝ่ายอำนวยการ ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ท่ามกลางความดีใจของครอบครัว โดยเฉพาะนายวัน อยู่บำรุง พี่ชาย ถุงกับปกป้องน้องโดยอ้างว่าไม่เคยมีใครพูดว่า "รู้ไหมกูลูกใคร" สำหรับ ร.ต.อ.ดวง เกิดเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2524 เป็นบุตรชายคนสุดท้องของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นักการเมืองพรรคเพื่อไทย และนางลำเนา อยู่บำรุง ได้รับยศร้อยตรีมาจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2544 กระทั่งย้ายไปรับราชการที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.)
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2544 ร.ต.ดวง ตกเป็นผู้ต้องหาคดียิง ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุติ หรือ ดาบยิ้ม ตำรวจกองปราบปราม เสียชีวิตภายในทเวนตี้ผับ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค แล้วหลบหนีไป โดยมีการถอดยศทหาร ผ่านไปข้ามปี เช้าวันที่ 2 พ.ค. 2545 นายดวงเข้ามอบตัวที่สถานทูตไทยในมาเลเซีย กระทั่งวันที่ 26 มี.ค. 2547 ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง นายดวง พร้อมพวกอีก 2 คน เนื่องจากหลักฐานไม่มีน้ำหนัก ผลนิติวิทยาศาตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่านายดวงเป็นคนยิง ด.ต.สุวิชัย โดยที่อัยการไม่อุทธรณ์ รวมทั้งภรรยาและลูกชาย ด.ต.สุวิชัย ขอถอนคำอุทธรณ์ ทำให้เกิดคำถามจากสังคมตามมาถึงกระบวนการยุติธรรม มาถึงช่วงรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เดือนเมษายน 2551 มีคำสั่งคืนยศร้อยตรีให้กับนายดวง กลับเข้ารับราชการ ในยศร้อยตรี สังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ กระทั่งวันที่ 1 ส.ค. 2555 ได้โอนย้ายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศร้อยตำรวจโท ประจำศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล มอบหมายงานเป็นครูฝึกยิงปืน กระทั่งล่าสุดโยกมาอยู่ในสังกัดตำรวจสันติบาล 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล
อันดับ 6 : ชิงปิด "ทรูฟิตเนส" ลูกค้า-พนักงานเดือดร้อนหนัก บริษัทแม่อ้างไม่ยอมให้เทคโอเวอร์
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. สถานออกกำลังกาย "ทรูฟิตเนส" สาขาอาคารเอ็กเชน ทาวเวอร์ อโศก ปิดให้บริการโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า หลังก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ได้ปิดให้บริการที่สาขาเอสพลานาด แคราย โดยอ้างว่า ระบบไฟฟ้าและระบบแอร์ขัดข้อง สร้างความโกลาหลให้แก่ผู้พบเห็น สมาชิกได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะสมาชิกรายปี ที่ทำสัญญาไว้กับทางฟิตเนสล่วงหน้า บางรายสูงถึงนับแสนบาท ขณะที่พนักงานโดยเฉพาะเทรนเนอร์ ฝ่ายขาย และพนักงานต้อนรับ ไม่ได้รับเงินเดือนมา 3 - 4 เดือน ฟิตเนสดังกล่าวก่อตั้งโดยนายแพทริก วี ชาวสิงคโปร์ มีสาขาทั้งหมดใน 5 ประเทศ ได้แก่ สิงค์โปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน ไทย และ จีน ซึ่งกรณีฟิตเนสชื่อดังปิดกิจการกะทันหัน เคยเกิดขึ้นกับ “แคลิฟอร์เนีย ว้าว” ปิดบริการ 13 สาขาแบบกะทันหันเมื่อช่วงปี 2556 โดยมีผู้เสียหายกว่า 1,000 ราย ก่อนที่ ป.ป.ง. จะพบว่ามีการโอนเงินออกนอกประเทศกว่า 1,600 ล้านบาท จากนายเอริค มาร์ค เลอวีน ผู้ก่อตั้งชาวสหรัฐอเมริกา
ด้าน น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า บริษัท ทรู ฟิตเนส จำกัด มีคนไทยถือหุ้น 51% สิงคโปร์ถือหุ้น 49% จัดตั้งบริษัทวันที่ 25 ต.ค. 2548 ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท กรรมการบริษัท 2 คน คือ นายภานุวัฒน์ แพรัตกุล และ นางสาวศศิธร มูลใจทราย จากข้อมูลบัญชีรายรับรายจ่าย พบว่า มีการแจ้งขาดทุน 3 ปีติดต่อกัน โดยปี 2556 ขาดทุน 9.8 ล้านบาท ปี 2557 ขาดทุน 11.65 ล้านบาท และปี 2558 ขาดทุน 49.65 ล้านบาท ส่วนเว็บไซต์สเตรตส์ไทมส์ สื่อของสิงคโปร์ ระบุว่า ทรูกรุ๊ปมีหุ้นส่วนในไทยน้อย แม้จะพยายามอย่างดีที่สุด แต่ก็ไม่สามารถดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้ เนื่องจากสภาวะการแข่งขันที่ท้าทาย ที่ผ่านมา มีหลายบริษัทให้ความสนใจที่จะเข้ามาซื้อกิจการในประเทศไทย แต่เจ้าของในไทยไม่ยินยอม รวมทั้งไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าของในไทย และเจ้าหนี้ปรับโครงสร้างธุรกิจได้ทันเวลา จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปิดกิจการ
อันดับ 7 : มงคลชีวิต! งานแต่ง "เสธ.ทหารขอนแก่น" บ่นว่อนโซเชียล ทำรถติดนับสิบกิโล
งานแต่งงานที่เต็มไปด้วยเสียงสาปแช่งมากกว่าคำยินดี เกิดขึ้นกับงานมงคลสมรส ระหว่าง พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หรือ เสธ.พีท ผบ.ร้อย รส.กกล.รส.จว.ขอนแก่น กับ นางสาวจุฑารัตน์ พัฒน์จินดากุล เจ้าของธุรกิจความงาม ซึ่งเป็นทายาทของนางจิดาภาพัฒน์ พัฒน์จินดากุล หรือ “เจ๊เล็ก” เจ้าของกิจการอาหารทะเลสดและสินค้าแช่แข็งทุกชนิด และเป็นมหาเศรษฐีเมืองขอนแก่น ริมถนนมิตรภาพ ต.ท่าพระ อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น เมื่อเช้าวันที่ 8 มิ.ย. มีการปิดถนนเหลือ 1 ช่องทาง ทำให้การจราจรติดขัดนับสิบกิโลเมตร และผู้คนต่างระบายความโกรธแค้นบนโลกโซเชียลจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ พญ.วฤษาย์ สถิรธนากร แพทย์ประจำโรงพยาบาลชนบท จ.ขอนแก่น ต้องลงไปถามว่าเป็นใคร ใหญ่มาจากไหนถึงมาปิดถนน เพราะโทรศัพท์ไปถามสถานีตำรวจภูธรท่าพระ ระบุว่าจราจรไปดูแล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นงานแต่งทหาร
อย่างไรก็ตาม ในช่วงค่ำมีพิธีเลี้ยงฉลองสมรสที่โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด ผู้สื่อข่าวตามไปสอบถามข้อเท็จจริง พ.ท.พิทักษ์พล จึงให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่า เกิดจากขบวนขันหมากที่ถือฤกษ์เวลา 08.29 น. เดินแห่ขันหมากเป็นระยะทาง 900 เมตร ได้ทำหนังสือถึงเทศบาลตำบลท่าพระ และสถานีตำรวจภูธรท่าพระ จ.ขอนแก่น แล้ว แต่ขอความเห็นใจว่า ถ้าทำให้ประชาชนเดือดร้อน ก็ขอโทษ และขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับบ้านเจ้าสาวใดๆ ทั้งสิ้น ขณะที่ ร.ต.อ.จิตภาคิน พันธุ์เชื้อ รองสารวัตรปราบปราม ปฏิบัติหน้าที่งานจราจร สภ.ท่าพระ ชี้แจงว่า ได้จัดตำรวจจราจร 8 นายมาอำนวยความสะดวก และขบวนขันหมากใช้เวลาเพียง 20 นาที แต่เนื่องจากถนนมิตรภาพช่วงหน้าบ้านเจ้าสาวเป็นทางขึ้นเนิน ประกอบกับข้างหน้าเป็นสะพานข้ามแม่น้ำชีซึ่งเป็นคอขวด จึงเกิดปริมาณรถสะสมต่อเนื่องเป็นทางยาว ยืนยันว่าได้จัดการจราจรอย่างเต็มที่ และเจ้าภาพไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องดังกล่าว อีกทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวได้ขอโทษผู้ได้รับผลกระทบแล้ว