xs
xsm
sm
md
lg

#MGRTOP7 : “ประวิตร” ลักหลับ “เรือดำน้ำ” | คาวคลุ้งโรงพัก “น้ำเพียงดิน” | “บอส กระทิงแดง” ลูกผู้ชายหนีคุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอต ที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง www.manager.co.th และเฟซบุ๊ก MGROnline Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7

(สรุปข่าวประจำวันที่ 22 - 28 เม.ย. 2560)

อันดับ 1 : ลักหลับเรือดำน้ำ! "ประวิตร" ดอดซื้อจีนหมื่นล้าน บอกคนไทย "ไม่ต้องรู้รายละเอียด"

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเรื่องฮือฮาแก่คนไทยผู้เสียภาษีทุกหย่อมหญ้า เมื่อพบว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นำโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ Yuan Class S26T จากประเทศจีน 1 ลำ ราคา 13,500 ล้านบาท จากทั้งหมด 3 ลำ รวม 36,000 ล้านบาท เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 เม.ย. และมีมติอนุมัติในวันเดียวกัน โดยไม่ได้แถลงให้ทราบแก่สาธารณชน กระทั่งเช้าวันที่ 25 เม.ย. พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เป็นการซื้อในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) โดยเป็นงบประมาณที่จัดสรรให้กองทัพเรือโดยเฉพาะ ซึ่งเหตุที่ซื้อเรือดำน้ำเพราะจะใช้ในทะเลอันดามัน ระยะ 200 ไมล์ทะเล และที่ซื้อจากจีนเพราะราคาถูกกว่า ดำน้ำได้ 21 วัน ส่วนที่ไม่แถลงอย่างเป็นทางการ เพราะเป็นเอกสารลับ ส่วนจะแบ่งจ่ายอย่างไร สื่อไม่ต้องรู้รายละเอียด

อย่างไรก็ตาม แม้การจัดซื้อเรือดำน้ำเกิดปฏิกิริยาทวงถามถึงความโปร่งใสในสังคม แต่ฝ่ายรัฐบาลและความมั่นคงยังคงเก็บเงียบเอาไว้ พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ปฏิเสธที่จะพูดถึงรายละเอียด โดยระบุว่า กองทัพเรือจะแถลงข่าวชี้แจงอย่างเป็นทางการเมื่อถึงเวลาอันควร โดยเฉพาะประเด็นซื้อเรือดำน้ำแถมขีปนาวุธ แต่เมื่อยังถูกวิจารณ์ไม่หยุด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กองทัพเรือจะออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวภายในไม่เกินวันที่ 1 พ.ค. ส่วน พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขออภัยที่เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในกรณี ครม. อนุมัติโครงการดังกล่าว และขอให้รับฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน

อันดับ 2 : "น้ำเพียงดิน" คาวคลุ้ง! ตำรวจค้ากามเด็ก สะพัด "ผู้ว่าฯ" พันเดียว ขยี้พรหมจรรย์

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. เฟซบุ๊ก "แหม่มโพธิ์ดำ" เปิดเผยเรื่องราวที่หญิงสาวรายหนึ่ง พบลูกสาวอยู่ในกลุ่มขายบริการทางเพศ ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีดาบตำรวจนายหนึ่งสังกัด สภ.น้ำเพียงดิน บังคับเด็กค้าประเวณี ส่งให้ข้าราชการและผู้มีอิทธิพลทางภาคเหนือ เมื่อแม่แจ้งความกลับถูกคุกคาม อีกทั้งคดีไม่คืบหน้า นอกจากตำรวจที่มีส่วนพัวพันย้ายออกนอกพื้นที่ เรื่องดังกล่าวจึงเป็นที่สนใจแก่สังคม กระทั่งวันที่ 23 เม.ย. ด.ต.ยุทธชัย ทองชาติ สิบเวร สภ.เมืองแพร่ ปฏิเสธว่าไม่ได้จัดหาเด็กขายบริการตามที่เป็นข่าว ซึ่งหลังเป็นข่าว ชาว จ.แพร่ เคลื่อนไหวให้ ด.ต.ยุทธชัย ออกจากพื้นที่เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุกับชาว จ.แพร่ ต่อมาได้อกหมายจับ ด.ต.ยุทธชัย พร้อมด้วย น.ส.ปิยะวรรณ สุขมา หรือเมย์ และ น.ส.ปิยะทัสน์ เทียนสุวรรณ หรือฟ้า ข้อหาค้าประเวณี ซึ่งตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ได้ควบคุมตัวไว้แล้ว และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 สั่งให้ ด.ต.ยุทธชัย ออกจากราชการไว้ก่อน

ที่สะเทือนใจกว่านั้น คือ จากการเปิดเผยของนางน้ำเพชร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี มารดาของเหยื่อ ระหว่างเข้าพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ระบุว่า เหยื่อถูกกลุ่มแม่เล้าไปค้าประเวณีกับผู้ว่าราชการจังหวัด โดยให้ค่าตัวเพียงแค่ 1,000 บาท ขณะเดียวกัน มีตำรวจชื่อ "อาร์ต" พร้อมพวกอีก 2 คนเป็นรอง ผกก. และเป็นตำรวจยศนายสิบโรงพักแห่งหนึ่ง เกี่ยวข้องกับคดีด้วย บางครั้งกลุ่มผู้ซื้อบริการบังคับให้เสพยาและรุมโทรมเด็ก โดยแม่เล้าชื่อฟ้า จะให้ทุกคนสักเป็นรูปนกฮูกไว้กลางอกบ่งบอกว่ามาเป็นเด็กจากแก๊งนี้ ซึ่งต่อมา นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวน ด้านนายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปฏิเสธว่าไม่เคยซื้อบริการ ส่วนนายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน มาก่อน โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความบริสุทธิ์ พร้อมเรียกร้องสังคมใช้วิจารณญานในการวิเคราะห์ข่าวสารด้วย

อันดับ 3 : ลูกผู้ชายหนีคุก! หมายจับ "บอส อยู่วิทยา" 10 ปี ประวิงคดีเฟอร์รารีชนคนตาย

นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส อายุ 35 ปี ลูกชายคนเล็กของนายเฉลิม อยู่วิทยา เจ้าของเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ก่อเหตุขับรถสปอร์ตหรูเฟอร์รารี ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป. สน.ทองหล่อ เสียชีวิตบริเวณปากซอยสุขุมวิท 49 เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555 หลังได้ประกันตัวแล้ว การดำเนินคดีเป็นไปอย่างล่าช้า ขอเลื่อนเข้าพบกับพนักงานอัยการบ่อยครั้งนานเกือบ 5 ปี จนข้อหาส่วนใหญ่จะหมดอายุความลงในปี 2560 สวนทางกับสำนักข่าวเอพีรายงานว่า บอสกลับไปใช้ชีวิตหรูหราตามแบบลูกเศรษฐีพันล้านที่ประเทศอังกฤษ บินรอบโลกด้วยเครื่องบินเจ็ต และดูการแข่งรถฟอร์มูลาวันเชียร์ทีมของตัวเอง

วันที่ 27 เม.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่นายวรยุทธจะต้องมาพบพนักงานอัยการ แต่ไม่เดินทางมาพบตามที่นัดหมาย แต่ก่อนหน้านั้นให้นายธนิต บัวเขียว ทนายความขอเลื่อนคดี อ้างว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนเดินทางไปจัดการธุรกิจในประเทศต่างๆ แต่นายสุทธิ กิตติศุภพร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้พิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี เนื่องจากขอเลื่อนลักษณะนี้หลายครั้งต่อเนื่อง กระทั่งวันที่ 28 เม.ย. ร.ต.อ.อาทิตย์ เกตุทอง รอง สว. (สอบสวน) สน.ทองหล่อ เดินทางไปขออนุมัติหมายจับนายวรยุทธ ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ และอนุมัติหมายจับแล้ว โดยจะหมดอายุความในวันที่ 3 ก.ย. 2570 ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ระบุว่า ประเทศอังกฤษมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนอยู่แล้ว จะประสานตำรวจสากลติดตามตัว เชื่อว่าจะนำตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยได้

อันดับ 4 : รศ.ดร. โกงพันล้าน! อ้างโควต้าหวย แท้ปรนเปรอหญิง-เล่นพนัน

เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับธุรกิจหลอกลวงยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ รศ.ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา อายุ 79 ปี อดีตประธานสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้รับการยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์แห่งวงการสหกรณ์ออมทรัพย์ไทย ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน หลังก่อเหตุชักชวนผู้เสียหายทั้งอาจารย์ บุคลาการทางการศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งที่ยังไม่เกษียณและเกษียณไปแล้ว นำเงินร่วมลงทุนในสหกรณ์ลอตเตอรี่ที่ตนเองตั้งขึ้นมา พร้อมเขียนใบถอนเงินไว้ล่วงหน้า อ้างว่าจะนำเงินไปซื้อโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลแลกกับค่าตอบแทนร้อยละ 1 ต่อเดือน เบื้องต้นมีผู้เสียหายร่วมลงทุนกว่า 160 ราย แต่ละรายลงทุนต่ำสุด 1 ล้านบาท สูงสุดกว่า 70 ล้านบาท แล้วหลบหนีไปตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท

ต่อมาตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า รศ.ดร.สวัสดิ์ พบว่ายอดเงินคงเหลืออยู่ในบัญชีแค่ 5,000 บาทเท่านั้น และยังพบว่านำเงินไปเล่นพนันออนไลน์ และยังนำไปให้ผู้หญิงคนสนิทอีกนับร้อยล้านบาท ต่อมาวันที่ 27 เม.ย. ตำรวจจับกุม น.ส.เมธวัชร์ หรือ พชพร คงมั่น อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นทอมบอย ได้รับการโอนเงินจาก รศ.ดร.สวัสดิ์ รวม 62 ล้านบาท สารภาพว่าเป็นเงินที่ฝากไปเล่นบาคาราออนไลน์ ได้ส่วนแบ่ง 0.8% นับตั้งแต่ปี 2553 โดยรู้จักกับ รศ.ดร.สวัสดิ์ ผ่านเพื่อนของแฟนตนอีกที วันต่อมาจับกุม น.ส.ภวิษย์พร ใบเกตุ อายุ 28 ปี และ น.ส.จีรัชญา คุณยศยิ่ง อายุ 32 ปี เพื่อนทอมคนสนิท หลังได้รับการโอนเงินจาก รศ.ดร.สวัสดิ์ กว่า 42 ล้านบาท ในเวลา 2 ปี ซึ่ง น.ส.ภวิษย์พร รู้จักกันตั้งแต่ทำกระเป๋าเงินตก ก่อนมีความสัมพันธ์สนิทสนมกัน ได้รับเงินไปใช้จ่ายส่วนตัวและเล่นการพนัน แต่เมื่อเดือน ก.พ. 2560 ได้ยุติความสัมพันธ์กับ รศ.ดร.สวัสดิ์ เพราะเจ้าตัวไม่ส่งเสียเงินให้ ปัจจุบันมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 63 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 408 ล้านบาท แต่บางรายไม่กล้าแจ้งความเพราะถูกอับอาย

อันดับ 5 : ศึกชิงเด็กแฝด! เขยกับยายเจรจาไม่ลงตัว หิ้วลูกปิดบ้านหนี-มีอะไรไปคุยทนาย

ในโลกโซเชียล มีการแชร์ภาพน้องใบบัวและน้องใบตอง เด็กฝาแฝดสองคนวัย 7 ขวบ กอดนางเสาร์ พวงท้าว อายุ 66 ปี และ นางปุณณภัทร พวงท้าว อายุ 43 ปี ยายและป้าเอาไว้แน่นเพราะไม่อยากไป หลังถูกนายสุรชัย พลอยไป ซึ่งเป็นพ่อกับพวกได้มารับเอาตัวไป ที่บ้านหนองโปร่ง ต.โคกหล่าม อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ น้องสาวของนางปุณณภัทร ซึ่งเป็นแม่ของฝาแฝด เสียชีวิตเมื่อปี 2553 จึงได้นำหลานมาเลี้ยง และเกิดความผูกพ้น โดยพ่อส่งเสียค่าใช้จ่ายและมาเยี่ยมเด็กปีละ 1-2 วัน เมื่อนายสุรชัยพร้อมทนายความมารับเด็กไปเลี้ยงดู ทำให้ทั้งตนและยายไม่ยินยอม เพราะกะทันหันเกินไป นายสุรชัยจึงเรียกตำรวจ สภ.อุทุมพรพิสัย มาไกล่เกลี่ย และรับตัวฝาแฝดกลับไป เบื้องต้น นายธวัช สุระบาล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้ประสานงานไปยังจังหวัดนนทบุรี เพื่อหาทางช่วยเหลือเยียวยาเด็ก อีกทั้งหลายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าไปให้การช่วยเหลือ



ต่อมาวันที่ 26 เม.ย. นางเสาร์ และ นางปุณณภัทร พร้อมญาตินับสิบคน เดินทางลงมาที่บ้านของนายสุรชัยในหมู่บ้านนันทิชา 2 อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เพื่อมาดูความเป็นอยู่ของหลานฝาแฝด แต่ไม่พบตัว กระทั่งวันที่ 28 เม.ย. ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอวังน้อยได้นัดทั้งสองฝ่ายเข้าเจรจา ซึ่งนายสุรชัย ได้ขอเวลาให้ตนและลูกทั้งสองได้ปรับตัวเข้าหากัน ก่อนที่จะระบุในภายหลังว่า ที่ผ่านมาตนพาลูกแฝดไปเที่ยวเพื่อกระชับความสัมพันธ์ แม้จะขัดขืนแต่ก็ยอมให้หอมแก้มแต่โดยดี แต่กระแสโจมตีทำให้ไม่มีความเป็นส่วนตัว จึงอยากจะจบเรื่องนี้ พร้อมเรียกร้องให้ส่งเอกสารผลการเรียน ประวัติการรักษาพยาบาลหรือข้อมูลของลูกมามาให้ เพื่อที่จะนำลูกเข้าโรงเรียน ด้านนางเสาร์เกิดอาการเครียด ล้มป่วย พร้อมระบุว่า ที่ผ่านมาได้ไปที่บ้านเพื่ออยากเห็นหลานอีกสักครั้ง ให้รู้สึกว่ายังปลอดภัยดี แต่ปิดบ้านหนีไม่ยอมให้พบหน้า และวันที่ไปศูนย์ดำรงธรรมทำไมถึงขั้นต้องเอาทนายมาคุย อีกทั้งพ่อเด็กพยายามโยนให้คุยกับทนายอย่างเดียว















อันดับ 6 : สลด! ไลฟ์สดฆ่าลูก พ่อแค้นผู้หญิงตีจาก ใช้เฟซบุ๊กประจานความตาย

การใช้เฟซบุ๊กไลฟ์ เครื่องมือในการแบ่งปันเรื่องราวบนโซเชียลมีเดียในทางที่ผิดยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่ที่น่าสลดใจที่สุดเกิดขึ้น เมื่อเย็นวันที่ 24 เม.ย. นายวุฒิสรรค์ ว่องทะเล พนักงานตรวจเช็กสินค้าบริษัทแห่งหนึ่งวัย 20 ปี นำเด็กหญิงวัย 11 เดือน เข้าไปในโรงแรมร้างแห่งหนึ่ง หมู่ 3 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยนำเชือกผูกคอเด็กหญิงห้อยลงมาจากดาดฟ้าเสียชีวิต ก่อนที่ตัวเองจะผูกคอตายกับคานตึกร้างตาม ระหว่างนั้นชายคนดังกล่าวได้ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ทำให้เป็นที่สะเทือนใจแก่ผู้พบเห็นและประณามการกระทำดังกล่าวจำนวนมาก สาเหตุเกิดจากเคยมีปากเสียง เพราะเข้าใจว่าฝ่ายหญิงวัย 21 ปีไปมีชายอื่น จึงเกิดหวาดระแวงว่ากำลังจะทิ้งเขาไป แล้วก่อเหตุสลดใจดังกล่าว

ด้านโฆษกของเฟซบุ๊กประจำสิงคโปร์ ชี้แจงผ่านสำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า เป็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจมาก ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวเหยื่อ ซึ่งตอนนี้เฟซบุ๊กได้ลบคลิปวีดีโอถ่ายทอดสดดังกล่าวออกไปแล้ว ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เฟซบุ๊กเผยว่ากำลังทบทวนวิธีการตรวจตราวิดีโอรุนแรงและมีเนื้อหาที่น่ารังเกียจอื่นๆ ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตำรวจ ระบุว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นการฆ่าออกอากาศสดทางสื่อสังคมออนไลน์กรณีแรกในไทย อาจมีอิทธิพลจากพฤติกรรมในต่างแดน โดยเฉพาะเหตุการณ์ในคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เมื่อเร็วๆ นี้ ส่วนนาวาอากาศตรี นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เตือนว่า หากพบเห็นภาพเหล่านี้ต้องรีบยับยั้ง อย่าแชร์หรือบอกต่อ และไม่ติดตามการถ่ายทอดสดจนจบ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจตนเองในอนาคต

อันดับ 7 : หยุดตีทะเบียนสื่อ! คนข่าวออนไลน์แสดงพลัง วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก

ความพยายามในการผลักดันกฎหมายเพื่อจัดตั้ง “สภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติ” โดยสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) หนึ่งในแม่น้ำห้าสายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ในอนาคตอันใกล้บังคับให้ “ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน” รวมทั้งบล็อกเกอร์ และเฟซบุ๊กที่มีรายได้จากการโพสต์ ต้องมีใบอนุญาต อีกทั้งโครงสร้างกรรมการสภาสื่อฯ มีการนำปลัด 4 กระทรวง และกรรมการอื่น ซึ่งเปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองแทรกแซง และให้คุณให้โทษเพิกถอนใบอนุญาต หากเสนอข่าวไม่ตรงใจผู้มีอำนาจ ก็ทำให้สื่อมวลชนแสดงพลังคัดค้านอย่างคึกคัก โดยเฉพาะการเปลี่ยนรูปโปร์ไฟล์บนโซเชียลมีเดีย “หยุดตีทะเบียนสื่อ หยุดครอบงำประชาชน”

นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ระบุว่า สภาสื่อฯ สามารถถูกการเมืองแทรกแซงได้โดยง่าย และสามารถลงโทษสื่อมวลชน โดยใช้ข้อกล่าวหาว่าละเมิดจริยธรรมวิชาชีพ ซึ่งประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกจะใช้วิธีการลงโทษทางสังคมแทน อีกทั้งวิชาชีพสื่อมวลชนเปิดกว้างให้ทุกคนเป็นได้ เพราะต้องการคนที่มีความคิดและทักษะความรู้ที่หลากหลาย ทำงานภายใต้กรอบจริยธรรม รวมทั้งปัจจุบัน มีกฎหมายที่ควบคุมการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอยู่แล้ว การออกกฎหมายด้วยความเชื่อว่าสื่อมวลชนควบคุมกันเองไม่ได้ จึงเป็นวิธีที่ล้าหลัง ไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก นอกจากนี้ ที่ผ่านมาได้เพิ่มกลไกดูแลกันเองเข้มข้นมากขึ้น อาจไม่ทันใจบางคนแต่ก็ลืมคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา

ด้านนายปราเมศ เหล็กเพ็ชร์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ระบุว่า กฎหมายที่จะออกมา มีเป้าหมายเพื่อปิดปากสื่อมวลชนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด กลายเป็นนักข่าวภายใต้การดูแลขององค์กรที่รัฐสร้างขึ้นมา หากไปทำข่าวโดยไม่มีใบอนุญาต จะมีบทลงโทษจำคุก 3 ปี พอๆ กับโทษคดีฆ่าคนตาย และถ้าเขียนข่าวไม่เป็นที่ชื่นชอบของรัฐ จะได้รับการต่อใบอนุญาตหรือไม่ ที่สำคัญ วิชาชีพนี้กำลังถูกทำลาย ทุกคนจะกลายเป็นสื่อภายใต้อำนาจของรัฐ สุดท้ายถ้ากฎหมายผ่าน บรรยากาศการเขียนข่าว รายงานข่าวจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว อีกทั้งเมื่อ กสทช. จะเปลี่ยนจากองค์กรอิสระไปเป็นองค์กรของรัฐ สถานการณ์การปิดปากสื่อ ปิดหูปิดตาประชาชนจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ คณะทำงานสื่อเพื่อการปฏิรูป สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จะจัดกิจกรรม "รวมพลังคนข่าวคัดค้านกฎหมายคุมสื่อ" ในวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก 3 พ.ค. 2560 เวลา 10.00-12.30 น. ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน






กำลังโหลดความคิดเห็น