xs
xsm
sm
md
lg

เปิดตัวตน “อาม ชุติมา” สาว 16 คนเขียนเพลงให้ “ลำไย ไหทองคำ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“ชุติมา โสดาภักดิ์” แนะนำชื่อแบบนี้ ทุกคนคงงงๆ ว่าใครมาจากไหน แต่ถ้าบอก “อาม บ่ขวางทางอ้าย” “อาม อดีตเคยพัง” “อาม ผู้สาวขาเลาะ” น้อยคนนักจะไม่รู้จัก นั่นก็เพราะเป็นเพลงลูกทุ่งสุดฮิตที่กำลังโด่งดังเป็นพลุแตก ยอดวิวทะลักแตะหลักครึ่งร้อยสองร้อยล้าน ลูกเด็กเล็กแดงไปจนถึงผู้เฒ่าผู้แก่ต่างฮัมร้องพร้อมโยกเต้นได้ทั่วหน้าเพียงในระยะเวลาชั่วข้ามคืน

เธอทำได้อย่างไร?
และอะไรที่เป็นบ่อเกิดแห่งความสำเร็จ?
Manger Online ขอเสนอเรื่องราวของ “อาม-ชุติมา โสดาภักดิ์”ผู้แต่งยอดเพลงอายุน้อย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ส่งให้ "ลำไย ไหทองคำ" โด่งดังทั่วฟ้าเมืองไทย กับบทเพลงโดนใจที่ไม่ได้มีดีเฉพาะท่าเต้นที่ทำให้ "ลุงตู่" รู้สึกตื่นเต้นจนหยิบมากล่าวถึงในรายการ

เพชรเม็ดใหม่แห่งวงการเพลง
ผู้สาวบ้านนาที่หลงรักการขับร้อง

ไม่ต่างไปจากนักร้องหลายต่อหลายคนที่ชีวิตก่อนเปิดม่านการแสดง ต้นกำเนิดแห่งเส้นทางที่ทำให้พบเจอเข้ากับความชอบ จนกลายเป็นความรัก ก่อนจะถักทอและสานต่อพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวเป็นทุนเดิม เกิดจากสิ่งรอบตัว สาวน้อยลูกคนกลางของครอบครัวชาวนา ใน อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ โมงยามชีวิตห่างไกลจากความทันสมัย บทเพลงลูกทุ่งจากพ่อแม่จึงเป็นสิ่งแรกๆ ที่ “อาม ชุติมา” ได้ยินฟังจนซึมซับเป็นตัวตน

“คือตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่จำความได้ก็ชอบร้องเพลงแล้ว เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ท่านชอบฟังลูกทุ่ง เวลาอยู่ที่บ้าน ท่านก็มักจะเปิดเพลงลูกทุ่ง เพลงหมอลำ ที่บ้านก็จะมีซีดีเพลงของพวกพี่ไหมไทย อุไรพร อามนต์แคน แก่นคูณ หรือไม่ก็เปิดช่อง 5 ในสมัยนั้นที่จะมีรายการเพลงลูกทุ่งให้ชม ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็คงได้รับมาจากคุณปู่คุณย่าที่เป็นหมอแคนกับหมอลำ เราก็เลยซึมซับ ชอบมาตั้งแต่ตอนนั้น

“แต่ก็ยังไม่ได้คิดและไม่รู้ว่าจะเป็นได้ คือตามประสาเด็กๆ ความฝันคือความฝัน ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้ไหม ช่วงนั้นก็นอกจากความฝันที่อยากจะเป็นนักร้อง ก็มีอยากเป็นครู อยากที่จะสอนคนอื่น (ยิ้ม) มีอยากเป็นตำรวจ”

ทว่า...พรหมลิขิตก็เสมือนขีดเขียนให้เลือกเดินเส้นทางสายนี้ เพราะเส้นทางอื่นมีอุปสรรคทางด้านความสามารถ

“เราก็ทำในสิ่งที่ชอบตรงหน้าที่ทำได้ก่อน นั่นก็คือร้องเพลง ก็ร้องเล่นตามประสา แต่ก็ค่อยๆ ทำให้เราชอบทำกิจกรรมตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่อยู่ชั้นอนุบาล ก็มีประกวดเล่าเรื่องประกอบภาพ เป็นเหมือนเล่านิทานแต่มีแค่ภาพๆ เดียว แล้วให้แต่งสด เราก็ประกวด มีประกวดท่องอาขยาน มีประกวดอ่านร้อยแก้ว-ร้อยกรอง ทำหมด (หัวเราะ) แต่ไม่เคยประกวดร้องเพลง เพราะยังไม่รู้ว่าตัวเองจะถนัดอะไรกันแน่

“แต่ทีนี้ด้วยความที่ทำกิจกรรมบ่อย พอขึ้นชั้นมัธยมต้นก็เลยได้เป็นตัวแทนห้องประกวดร้องเพลง ครั้งแรกก็ได้ที่ 3 เลย คือทั้งๆ ที่เป็นโรงเรียนใหญ่ของอำเภอ เด็กๆ ต่างฝันที่จะเข้าที่นั่น เราได้รางวัล ถึงได้รู้ว่ามันเป็นทางของเรา ทีนี้ก็เลยประกวดเรื่อยๆ เลย มีอะไรทำหมด (หัวเราะ) จนประกวดครั้งที่สองได้ที่ 2 ครั้งที่สาม ได้ที่ 1”

และเมื่อ “รางวัลแห่งชัยชนะ” เข้ามาเพิ่มเสริมความมั่นใจให้ต่อยอดในสายนี้อย่างเต็มตัว เพื่อความฝันของการเป็นนักร้อง ชนิดช้างมาฉุดก็ไม่อยู่

“จบ ม.ต้น ช่วงปิดเทอมก็เลยเริ่มทำคลิปคัฟเวอร์เพลงลงเพจเฟซบุ๊ก ทีนี้พอทำไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าอยากจะมีเพลงเป็นขอตัวเอง คือจริงจังมาก แรกๆ แค่ดูผ่านๆ เพื่อให้ร้องได้ออกเสียงได้ตามที่อยากทำเท่านั้น แต่หลังจาก ม.4 มีขาดเรียนไปทำคลิปคัฟเวอร์ลงเฟซบุ๊ก ไม่ไปโรงเรียนก็มี (หัวเราะ) เพราะเรารู้สึกชอบในความสามารถของคนที่ร้องเองแต่งเอง เขาแต่งเขาเขียนหรือคิดขึ้นได้อย่างไร ก็เลยลองศึกษา ไปลองฟังๆ เพลงคนอื่นของศิลปินรุ่นพี่

“ตัวอย่างก็จะมีพี่เพชร สหรัตน์ พี่เสก โลโซ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์สลา คุณวุฒิ เพราะว่าเพลงของท่านแต่ละเพลง เป็นเพลงที่ส่วนมากจะดังแล้วความหมายก็จะดี แล้วเพลงจะเป็นเนื้อเพลงสวย ก็ชอบ คิดๆ อยู่ว่า ครูแต่งได้อย่างไร อยากลองทำบ้าง ก็ศึกษาดูตามยูทิวบ์เพื่อเริ่มที่จะลองหัดเขียนเพลง

“ช่วงแรกๆ อายมาก แต่งเสร็จปุ๊บ จะไม่ให้คนอื่นดูเลยทันที ต้องรอสัก 1-2 เดือน ค่อยจะมาร้องให้คนอื่นฟัง คือถ้าแต่งเสร็จปุ๊บแล้วคนอื่นไปอ่าน หนูจะโกรธ จะอายมาก อายความคิดตัวเอง อายว่าคนอื่นจะมองว่าคิดได้อย่างไร เหมือนกลัวคนอื่นตลก”

ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ก็เกิดเป็นเพลง “บ่ขว้างทางอ้าย” และเพลง “อดีตที่เคยพัง” ที่ใครๆ ต่างก็หลีกใจให้ในโลกออนไลน์เพียงชั่วข้ามคืน

“เพลงบ่ขวางทางอ้ายเริ่มเขียนเมื่อปี 2557 เนื้อแบบนี้ แต่ดนตรียังไม่ใช่แบบนี้ คือหนูร้องให้ฟังว่าทำนองเป็นประมาณนี้นะแล้วให้พี่ชายเป็นคนแกะคอร์ดไว้ให้ตัวเองเล่น ก็เอาลงคลิป คนก็ติดตามเยอะขึ้น จากประมาณ 100 กว่าคน ก็กลายเป็น 10,000 คน ก็เลยเริ่มมาแต่งเพลง 'อดีตเคยพัง' ต่อ (ยิ้ม)

“แต่กว่าจะได้เผยแพร่ก็นาน เพราะทำนองมันแปลกๆ พี่ชายก็เล่นแกะคอร์ดให้ไม่ได้ เราก็ยังร้องไม่ชินปาก ก็เลยต้องพับเก็บไว้ก่อน ไปแต่งเพลงอื่น ร้องเพลงอื่น คือทิ้งช่วงไปประมาณ 5 เดือน แต่ทีนี้เราโพสต์ในเฟซบุ๊กก่อนแล้วว่าแต่งเพลงนี้นะ รอติดตามกันนะ พอมันนาน คนที่ติดตามก็มาขอให้ร้องให้ฟังหน่อย เขาติดตามมานานแล้ว ก็เลยไปคะยั้นคะยอพี่ชาย พี่ก็เลยเล่นให้จนได้ (หัวเราะ) ตอนนั้นเอาลงวันเดียวได้ 5 แสนวิวเลย และคนก็แชร์เป็นหลายหมื่นเลย

“แล้วหลังจากนั้น 2 วัน นายห้างประจักษ์ชัย ไหทองคำ ก็ติดต่อมา แกก็โทร.มาถามว่ามีสังกัดหรือยัง สนใจไปร่วมงานด้วยกันไหม ก็ไม่คิดอะไร อยากเป็นนักร้องก็ตกลงเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ทำอะไร จะมาหลอกไหม (หัวเราะ) แล้วสักประมาณ 10 วัน ครูทำดนตรีเสร็จ แกก็โอนเงินให้ 2 พันบาท ให้มาอัดเสียง ก็มากับคุณแม่เลย

“ตอนนี้มาคิดกลับย้อนหลัง ถ้าโดนหลอกไม่รู้จะยังไงเลย แต่ตอนนั้นมันเป็นความใฝ่ฝันของเรา ความมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นนักร้อง มันพังทุกอย่างได้ เราจะเดินหน้าอย่างเดียวไม่มีอะไรมาขวางได้”

ผู้สาวขาเลาะ บ่เอ๊าะเยาะแอ๊ะแยะ
เพื่อสิ่งที่ฝัน....

• หลังจากเดินตามความฝันในการเป็นนักร้องได้สำเร็จ การเริ่มต้นชีวิตนักร้องในเส้นทางของเราเป็นอย่างไร

อันดับแรกเลยคือดีใจมากทางค่ายต้อนรับอบอุ่นเป็นอย่างดี ใจก็ชื้นขึ้นมาหน่อย จากที่กังวลว่าจะโดนหลอกหรือเปล่า (หัวเราะ) แต่ก็ดีใจได้แป๊บเดียว เพราะด้วยความที่เราไม่มีพื้นฐานมา ตื่นเต้น ไม่เคยเข้าห้องอัดเสียง แล้วก็มีประหม่า สั่น เพี้ยน แล้วมันเป็นเพลงที่ไม่เคยมีใครร้อง ไม่เหมือนเราร้องเพลงคนอื่น เราจะเคยฟังว่าคนอื่นเขาร้องอย่างไร เราก็สะกดตาม แต่อันนี้เราต้องดีไซน์ทุกอย่างเอง มันก็เลยเหมือนจะง่าย แต่มันไม่ง่าย


• แล้วเรารับมือกับการปรับตัวตรงนั้นอย่างไร

ก็ต้องซ้อมหนักๆ เลย วันหนึ่งเล่นอยู่นั้นล่ะ ร้องให้มันเล่นกับกีตาร์ไปด้วยกันได้ เพราะว่าไม่ได้ไปกับพี่แล้ว ก็ต้องหัดเล่นเองร้องเองในเพลงของเรา แล้วอาศัยฝึกฝนเวลาไปออกงานของทางค่ายกับพี่ลำไย ไหทองคำ ก็ทำให้ระหว่างนั้นก็มีพัฒนาไปเรื่อยๆ ก็ได้ประสบการณ์ที่ไม่ใช่แค่จากเวทีประกวด เพราะเวลาประกวดร้องแค่เพลงเดียว แนะนำตัวก็แค่กราบเรียนประธานคณะกรรมการ มันมีแบบแผน แต่เวลาออกงานมันเริ่มตั้งแต่แนะนำที่ต่างกันออกไป แล้วไหนจะต้องร้องเพลงเป็น 1-2 ชั่วโมง ก็ศึกษาและฝึกฝนเรื่อยๆ จากตรงนั้น ประมาณเดือนสองเดือนก็ถึงจะลงล็อก

• ความรู้สึกครั้งแรกในเวลานั้นตื่นเต้นมากน้อยแค่ไหน

นับทุกยอดวิว (หัวเราะ) 1 เดือนก็ได้ 4 ล้านวิว ก็ถือว่าโอเค จากที่ไม่มีคนติดตามเพราะว่าสร้างช่องขึ้นมาใหม่ แต่ก็ดีใจได้แป๊บเดียวอีกครั้ง เพราะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องลบคลิปเพลงเราออก คือในคลิปเรานั้น รูปข้างหลังมันถ่ายติดโลโก้อันอื่น เลยต้องลบแล้วเอาลงใหม่ 4 ล้านวิวเลยหายไปในพริบตา พอทำเสร็จ เอาลงใหม่ก็กลั้นหายใจตลอด โอ๊ย...เมื่อไหร่จะถึง สอง สาม สี่ล้าน แต่ผลสรุปคนก็ติดตามกันเยอะเหมือนเดิม ก็เลยโล่ง ตอนนี้เพลงอดีตที่เคยพังก็ 100 ล้านวิว (ยิ้ม) นักร้องดังๆ ก็หยิบไปเล่นหมด ตามผับทุกผับเอาไปร้องคนก็ร้องตามกันได้ทุกคน ก็ดีใจ

• ฟังดูแล้วนอกจากจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ด้วยความเด็กอายุเพียง 16 ในตอนนั้นอะไรที่ทำให้เรามุ่งมั่นจนมาถึงตรงนี้ได้

ความอยากเป็น คือมันถอยไม่ได้แล้ว มันต้องเดินอย่างเดียว ถึงจะมีอุปสรรคอะไร ถ้าทำได้ก็ต้องก้าวข้ามและต้องเดินให้ได้ คิดแค่ว่าตัวเองโชคดีกว่าคนอื่น หนูจะชอบบอกกับตัวเองเสมอว่าหนูจะโชคดีที่สุดแล้ว เพราะคนอื่นรุ่นเดียวกัน เด็ก ตจว. ยังขอเงินแม่ใช้ เราจะได้เป็นนักร้องแล้วนะ คนจะรู้จักแล้วนะ คิดอย่างนี้ก็มีกำลังใจ มันก็เป็นกำลังใจให้ตัวเอง

และที่สำคัญคือกำลังใจจากคุณแม่คุณพ่อ มากรุงเทพฯ วันที่อัดเสียง คุณแม่ก็เดินทางมาเป็นเพื่อน มาอยู่กับเราเป็นเดือนๆ กำลังใจจากครูนายห้าง พี่ลำไย ที่เป็นเหมือนเพื่อนเหมือนพี่ คอยให้กำลังใจ ซึ่งยังจำได้ไม่ลืมเสมอถึงวันแรกที่พี่เขาบอกว่าแต่งเพลงเก่งนะ เอาไว้แต่งให้พี่บ้างสิ ก็ทำให้เราก้าวผ่านตรงนั้นมา ถึงได้มีเพลงผู้สาวขาเลาะ (ยิ้ม)

• เพลงผู้สาวขาเลาะคือออกมาจากตัวตนเราเลย

ก็ส่วนหนึ่งค่ะ (หัวเราะ) แต่จริงๆ คือทำอย่างไรก็ได้ให้มันเข้ากับทุกคน ให้ความหมายมันกว้างที่สุด ให้มันเข้ากับทุกๆ คนได้มากที่สุด ซึ่งเพลงผู้สาวขาเลาะต้องบอกก่อนว่า แต่งตอนก่อนจะนอน คือเราแต่งอยู่ทุกวันอยู่แล้ว เหมือนทำการบ้าน ก็แต่งเรื่อยๆ ประจำ วิธีการแต่งก็เหมือนลอกการบ้าน เราพูดอะไรมันก็จะเข้ากันหมด อะไรที่ออกมาก็ใส่ไปหมดเลย 10-20 นาทีแทบทุกเพลง เป็นความคิดแวบเดียว มันเป็นความรู้สึกแป๊บเดียว วูบเดียวเท่านั้น ก็แต่งได้เลย

หลังจากนั้นก็เอาลงเฟซบุ๊กช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2559 ก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก ไปแสดงสด ไปคอนเสิร์ต คนขอกันมาก ทีนี้ก็นึกถึงคำที่พี่ลำไยเคยบอกไว้ว่าอยากให้แต่งเพลงให้สักเพลง ก็คิดว่าเนื้อหาตรงกับพี่ลำไย ที่เป็นคนน่ารัก สนุกสนาน ก็ติดตามทุกวิว (หัวเราะ) ตั้งแต่หลักร้อยจนหลักล้าน ขนลุกแล้วก็ดีใจมาก จนตอนนี้จะ 300 ล้านแล้ว

ตรงสั้น โดนใจ
ดีเอ็นเอใหม่ลูกทุ่งอินดี้

นอกจากผลงานเพลงผู้สาวขาเลาะจะโด่งดังอย่างไม่มีวี่แววว่าจะแผ่วปลาย แม้ปล่อยซิงเกิลออกมานานถึงครึ่งปีแล้วก็ตาม ผลงานล่าสุดจากปลายปากกาของสาววัย 16 ในบทเพลง “ภาพเก่า” ของ 'ติ๊ก พรเสน่ห์' ยังคงการันตีในความสามารถที่ทุกคนต่างยอมรับ และกลายเป็นแรงบันดาลใจที่ใครๆ ต่างจับตามองในแนวทาง

“ก็ไม่คิดว่าจะมาได้ถึงขนาดนี้ ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด จะสานต่อและศึกษาเรื่อยๆ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ดูคนที่ประสบความสำเร็จแล้วเอามาเป็นแรงผลักดันตัวเองว่าสักวันเราต้องเป็นแบบนี้นะ

“ถ้าถามว่าตอนนี้ประสบความสำเร็จหรือยัง ส่วนตัวคิดว่าเพิ่งจะ 50 เปอร์เซ็นต์ คือความที่เราอยากเป็นนักร้อง ทำได้แล้ว ส่วนอีกครึ่งที่เหลือคือเราอยากเป็นตำนานอย่างครูสลา แต่ไม่รู้ว่าจะเก่งได้เท่าท่านไหม ก็ต้องพัฒนาและตั้งใจทำต่อไป”

นักร้องนักแต่งเพลงสาวเผยถึงทิศทางในอนาคตท่ามกลางกระแสในวงการเพลงลูกทุ่งที่เปลี่ยนไป

“หนูมองว่าตอนนี้เพลงลูกทุ่งมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ถ้าเป็นเพลงลูกทุ่งจ๋าเหมือนแต่ก่อน เด็กๆ จะไม่ฟัง เพลงลูกทุ่งสมัยใหม่ต้องมีเนื้อหาที่ไม่โตเกินไป เนื้อหาเข้ากับเด็กๆ ได้ ส่วนมากคนฟังจะเป็นเด็กๆ แต่ถ้าเป็นเพลงที่กว้างความหมายกว้าง มันจะมีคนฟังเยอะ

“เสน่ห์ลูกทุ่งของเรา นิยามของเรา คิดว่ายุคนี้เป็นยุคลูกทุ่งอินดี้ อินดี้คือเป็นเพลงที่ไม่เหมือนใคร จะเป็นลูกทุ่งที่มีหลายๆ อย่างมาผสมกัน มีกลิ่นของเพื่อชีวิต มีกลิ่นของหมอลำ มีกลิ่นสตริง มีหลายๆ อย่างมารวมกัน อันนั้นสไตล์แนวทางเพลงเรา จะไม่ใช่เพลงหมอลำเกินไปหรือลูกทุ่งจ๋าก็ที่ฉันรักเธอ เธอรักฉัน ความหมายสวยงาม แต่เป็นตรงๆ เนื้อหาตรงๆ

“ก็ฝากติดตามผลงานเพลงต่อๆ ไป ฝากติดตามทางเฟซบุ๊ก 'อาม ชุติมา' และสำหรับใครที่สนใจอยากจะติดต่องานแสดง ก็ทางเฟซบุ๊ก 'ประจักษ์ชัย ไหทองคำ' เฟซบุ๊ก 'ตุ๊ดนาฬิกา' ส่วนใครที่อยากเป็นนักร้องนักแต่งเพลง ให้คิดเสมอว่าเราสามารถทำได้หมดทุกอย่าง แค่กล้าเท่านั้นเอง ทุกอย่างมันมาจากความกล้า ความกล้าคิดกล้าลงมือ กล้ารอเขาให้เขาเลิกกัน (หัวเราะ) แล้วที่สำคัญ เราต้องเป็นตัวของตัวเอง เพราะถ้าอยากจะเป็นเหมือนคนอื่น เราก็ไม่ต่างจากเขา เราต้องเป็นตัวของตัวเองค่ะ”






เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์

กำลังโหลดความคิดเห็น