พสกนิกรทั่วสารทิศตั้งใจเดินทางกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก่อนขึ้นปีใหม่ เล่าวินาทีเคยรับเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่ตราตรึงในหัวใจ สุดปลาบปลื้มได้เห็นบารมีพระองค์ท่านไม่ถือพระองค์ ด้านสำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชน เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. มีจำนวนทั้งสิ้น 55,668 คน รวม 58 วัน มี 2,404,706 คน
วันนี้ (28 ธ.ค.) สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในวันนี้ดำเนินมาเป็นวันที่ 59 ของการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ในเวลา 04.40 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
ด้าน นางสาวอัมพร บำรุงผล อายุ 58 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบ้านนา (ฟินวิทยาคม) อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นำคณะครูและนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 รวม 100 คน เดินทางจากจังหวัดชลบุรี มากราบสักการะพระบรมศพ รวมทั้งพานักเรียนได้สักการะพระแก้วมรกต สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองและเที่ยวชมสวนสัตว์เขาดินวนา ก่อนเดินทางกลับโดยรถบัสภายในวันเดียวกัน เผยว่า ในฐานะที่ทุกคนเป็นข้ารองบาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อยากน้อมถวายแสดงความอาลัยแก่พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เด็กบางคนอาจขาดโอกาสไม่สามารถมาด้วยตัวเอง หรือมีผู้ปกครองพามา ทางโรงเรียนจึงได้ประสานงานกับทางสำนักพระราชวังเพื่อขอพาเด็กนักเรียน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึง ประถมศึกษาปีที่ 6 มาถวายสักการะ จำนวน 3 วัน ซึ่งในวันนี้เป็นวันที่สอง
“โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนที่น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงระดับประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ ดังนั้น หลักสูตรการสอนจึงบูรณาการด้านศีลธรรม ไม่ได้มุ่งเน้นแค่วิชาการ ทว่า สอนให้นักเรียนพอใจ พอเพียงจากสิ่งที่ตัวเองมี ด้วยพื้นที่ค่อนข้างจำกัดแค่ 2 ไร่ ประกอบกับอยู่ในเขตพื้นที่อุตสาหกรรม ชีวิตเกษตรกรจึงไม่มี แต่เราก็แนะให้นักเรียนลองปลูกพืชผักในกระถางทดแทน” ผอ.โรงเรียน กล่าว
ด้าน นางสาวฐิติกาญจน์ อนวัชสกุล อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เดินทางมากับ นางอรุณี อนวัชสกุล อายุ 56 ปี มารดา และครอบครัว รวม 5 คน กล่าวว่า ตนกับครอบครัวออกเดินทางจากจังหวัดสมุทรปราการ มาถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวงประมาณ 02.00 น. และได้เข้าประมาณ 09.30 น. ระหว่างรอก็ตื่นเต้นและไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เมื่อได้เข้าไปกราบสักการะพระบรมศพก็ปลาบปลื้มมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มา แม้ตนจะเกิดไม่ทันเห็นพระองค์ทรงงาน และไม่เคยได้รับเสด็จฯ แต่ก็ติดตามข่าวที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจตามที่ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ถ้าหากไม่มีพระองค์ ประเทศเราคงไม่มาถึงจุดนี้ได้ ทำให้ตนรักและประทับใจทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำ ส่วนตัวได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต และตั้งใจว่าจะทำความดีเพื่อตอบแทนพระองค์
ส่วน นางอรุณี กล่าวว่า ตนปลาบปลื้มและตื้นตันใจมากที่ได้มากราบสักการะพระบรมศพ แม้จะเจ็บหัวเข่า แต่ตั้งใจแล้วว่าจะมาให้ได้ พอมาถึงก็ไม่รู้สึกเจ็บเลย ส่วนตัวไม่เคยมีโอกาสได้รับเสด็จฯ รู้สึกเสียดายมากที่ไม่เคยได้เห็นพระองค์จริง ได้แต่ติดตามดูข่าวพระราชสำนักทุกวัน เห็นพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมาย พระองค์พระราชทานโครงการพระราชดำริต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่น การแก้ปัญหาน้ำ ด้วยการสร้างเขื่อน และแก้มลิง การแก้ไขปัญหาการปลูกพืชให้ชาวเขา
“ดิฉันเห็นพระองค์ทรงงานอย่างเหน็ดเหนื่อยก็รู้สึกเหนื่อยแทน และทราบมาว่าวันหนึ่งพระองค์ทรงพระบรรทมแค่ไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ดิฉันรักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ดิฉันทำบุญตักบาตรก็จะอธิษฐานถวายเป็นพระราชกุศลและขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ขอพระบารมีช่วยปกป้องคุ้มครองประชาชนให้มีความสุข ดิฉันดีใจมากที่เกิดใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของในหลวง รัชกาลที่ ๙” นางอรุณี กล่าว
ด้าน นายมะยม แสงถวิล พร้อมด้วย นางสุสิมล ซื่อสัตย์คมสัน นางสาวศิวกร วันทะวงษ์ และ นางดลพร โพธิ์ย้อย เดินทางมาจาก จังหวัดสมุทรปราการ รอเข้าแถวสักการะพระบรมศพตั้งแต่ 04.00 น. กล่าวว่า ทุกคนรีบสะสางงานธุรกิจส่วนตัวให้เสร็จก่อนปีใหม่ และนัดกันมาเพื่อใช้เวลามากราบในหลวง รัชกาลที่ ๙ ก่อนจะพักผ่อนในวันหยุดยาว
โดย นางสาวดลพร ที่เดินทางมากราบพระบรมศพแล้ว 2 ครั้ง ได้แนะนำให้มาตั้งแต่เช้ามืดและอาสาจะพามาด้วย จึงตัดสินใจเดินทางมาในวันนี้
“ปลื้มใจมากที่ได้มาหาพระองค์ท่าน หลายสิบปีก่อนก็เคยเดินทางมาวัดพระแก้ว ตอนนั้นมีโอกาสได้รับเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ด้วย จำได้ว่าเห็นทรงพระดำเนินไปทำพระราชพิธีในพระอุโบสถ ผมนั่งรอรับเสด็จฯอยู่ตรงทางเดินใกล้พระองค์มาก เรารู้สึกดีใจที่ได้เห็นบารมีพระองค์ท่าน เพราะเกิดมาเราก็มีแต่พระองค์ เห็นทรงทำอะไรต่างๆ นานา ให้เรามามาก ทรงทำให้คนไทยมีกอนมีใช้อุดมสมบูรณ์ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก” นายมะยม กล่าว
นางสาวศิวกร เล่าย้อนให้ฟังว่า เคยได้รับเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำคลองทราย จังหวัดสระแก้ว บ้านเกิด ภาพที่จำได้ดี คือ เห็นพื้นที่ตอนนั้นค่อนข้างแห้งแล้ง แต่พระองค์ก็พระดำเนินเข้ามาหาประชาชน นั่งบนพื้นดินพูดคุยกับชาวบ้านแบบไม่ถือพระองค์
“จำได้ว่า ทรงมาเปิดโครงการอ่างเก็บน้ำบริหารน้ำให้ชาวบ้านทำนาได้ตลอดทั้งปี ตอนนั้นแล้งและร้อนมาก ชาวบ้านไปรอตั้งแต่เช้า พอเสด็จฯมาถึงทรงหยุดนั่งบนพื้น คุยกับประชาชนอย่างไม่ถือพระองค์เลย พอโตมาเรามาอ่านบทความเจอว่า เพราะพระองค์รู้ว่าประชนชนมารอนาน ก็ต้องคุยถามสารทุกข์สุขดิบ ให้ประชาชนชื่นใจหายเหนื่อย และได้รับรู้ปัญหาของพสกนิกรอย่างเเท้จริง จึงรักพระองค์เพราะสิ่งที่ทรงทำมีค่ากับคนไทย และชาวสระแก้วมากๆ หลังจากทรงพระราชดำเนินมา เราก็มีน้ำทำเกษตรกรรมตลอดทั้งปี ที่ไหนแล้งก็มีต้นไม้ขึ้นอุดมสมบูรณ์ เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่เราไม่ลืมเลย” นางสาวศิวกร กล่าว
ด้าน สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 23.17 น. จากกำหนดเดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอเข้ากราบพระบรมศพในมณฑลพิธีท้องสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 55,668 คน รวม 58 วัน มี 2,404,706 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 5,588,954.50 บาท รวม 58 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 192,547,141.75 บาท
วันนี้ (28 ธ.ค.) สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในวันนี้ดำเนินมาเป็นวันที่ 59 ของการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ในเวลา 04.40 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
ด้าน นางสาวอัมพร บำรุงผล อายุ 58 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบ้านนา (ฟินวิทยาคม) อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นำคณะครูและนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 รวม 100 คน เดินทางจากจังหวัดชลบุรี มากราบสักการะพระบรมศพ รวมทั้งพานักเรียนได้สักการะพระแก้วมรกต สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองและเที่ยวชมสวนสัตว์เขาดินวนา ก่อนเดินทางกลับโดยรถบัสภายในวันเดียวกัน เผยว่า ในฐานะที่ทุกคนเป็นข้ารองบาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อยากน้อมถวายแสดงความอาลัยแก่พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เด็กบางคนอาจขาดโอกาสไม่สามารถมาด้วยตัวเอง หรือมีผู้ปกครองพามา ทางโรงเรียนจึงได้ประสานงานกับทางสำนักพระราชวังเพื่อขอพาเด็กนักเรียน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึง ประถมศึกษาปีที่ 6 มาถวายสักการะ จำนวน 3 วัน ซึ่งในวันนี้เป็นวันที่สอง
“โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนที่น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงระดับประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ ดังนั้น หลักสูตรการสอนจึงบูรณาการด้านศีลธรรม ไม่ได้มุ่งเน้นแค่วิชาการ ทว่า สอนให้นักเรียนพอใจ พอเพียงจากสิ่งที่ตัวเองมี ด้วยพื้นที่ค่อนข้างจำกัดแค่ 2 ไร่ ประกอบกับอยู่ในเขตพื้นที่อุตสาหกรรม ชีวิตเกษตรกรจึงไม่มี แต่เราก็แนะให้นักเรียนลองปลูกพืชผักในกระถางทดแทน” ผอ.โรงเรียน กล่าว
ด้าน นางสาวฐิติกาญจน์ อนวัชสกุล อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เดินทางมากับ นางอรุณี อนวัชสกุล อายุ 56 ปี มารดา และครอบครัว รวม 5 คน กล่าวว่า ตนกับครอบครัวออกเดินทางจากจังหวัดสมุทรปราการ มาถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวงประมาณ 02.00 น. และได้เข้าประมาณ 09.30 น. ระหว่างรอก็ตื่นเต้นและไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เมื่อได้เข้าไปกราบสักการะพระบรมศพก็ปลาบปลื้มมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มา แม้ตนจะเกิดไม่ทันเห็นพระองค์ทรงงาน และไม่เคยได้รับเสด็จฯ แต่ก็ติดตามข่าวที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจตามที่ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ถ้าหากไม่มีพระองค์ ประเทศเราคงไม่มาถึงจุดนี้ได้ ทำให้ตนรักและประทับใจทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำ ส่วนตัวได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต และตั้งใจว่าจะทำความดีเพื่อตอบแทนพระองค์
ส่วน นางอรุณี กล่าวว่า ตนปลาบปลื้มและตื้นตันใจมากที่ได้มากราบสักการะพระบรมศพ แม้จะเจ็บหัวเข่า แต่ตั้งใจแล้วว่าจะมาให้ได้ พอมาถึงก็ไม่รู้สึกเจ็บเลย ส่วนตัวไม่เคยมีโอกาสได้รับเสด็จฯ รู้สึกเสียดายมากที่ไม่เคยได้เห็นพระองค์จริง ได้แต่ติดตามดูข่าวพระราชสำนักทุกวัน เห็นพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมาย พระองค์พระราชทานโครงการพระราชดำริต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่น การแก้ปัญหาน้ำ ด้วยการสร้างเขื่อน และแก้มลิง การแก้ไขปัญหาการปลูกพืชให้ชาวเขา
“ดิฉันเห็นพระองค์ทรงงานอย่างเหน็ดเหนื่อยก็รู้สึกเหนื่อยแทน และทราบมาว่าวันหนึ่งพระองค์ทรงพระบรรทมแค่ไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ดิฉันรักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ดิฉันทำบุญตักบาตรก็จะอธิษฐานถวายเป็นพระราชกุศลและขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ขอพระบารมีช่วยปกป้องคุ้มครองประชาชนให้มีความสุข ดิฉันดีใจมากที่เกิดใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของในหลวง รัชกาลที่ ๙” นางอรุณี กล่าว
ด้าน นายมะยม แสงถวิล พร้อมด้วย นางสุสิมล ซื่อสัตย์คมสัน นางสาวศิวกร วันทะวงษ์ และ นางดลพร โพธิ์ย้อย เดินทางมาจาก จังหวัดสมุทรปราการ รอเข้าแถวสักการะพระบรมศพตั้งแต่ 04.00 น. กล่าวว่า ทุกคนรีบสะสางงานธุรกิจส่วนตัวให้เสร็จก่อนปีใหม่ และนัดกันมาเพื่อใช้เวลามากราบในหลวง รัชกาลที่ ๙ ก่อนจะพักผ่อนในวันหยุดยาว
โดย นางสาวดลพร ที่เดินทางมากราบพระบรมศพแล้ว 2 ครั้ง ได้แนะนำให้มาตั้งแต่เช้ามืดและอาสาจะพามาด้วย จึงตัดสินใจเดินทางมาในวันนี้
“ปลื้มใจมากที่ได้มาหาพระองค์ท่าน หลายสิบปีก่อนก็เคยเดินทางมาวัดพระแก้ว ตอนนั้นมีโอกาสได้รับเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ด้วย จำได้ว่าเห็นทรงพระดำเนินไปทำพระราชพิธีในพระอุโบสถ ผมนั่งรอรับเสด็จฯอยู่ตรงทางเดินใกล้พระองค์มาก เรารู้สึกดีใจที่ได้เห็นบารมีพระองค์ท่าน เพราะเกิดมาเราก็มีแต่พระองค์ เห็นทรงทำอะไรต่างๆ นานา ให้เรามามาก ทรงทำให้คนไทยมีกอนมีใช้อุดมสมบูรณ์ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก” นายมะยม กล่าว
นางสาวศิวกร เล่าย้อนให้ฟังว่า เคยได้รับเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำคลองทราย จังหวัดสระแก้ว บ้านเกิด ภาพที่จำได้ดี คือ เห็นพื้นที่ตอนนั้นค่อนข้างแห้งแล้ง แต่พระองค์ก็พระดำเนินเข้ามาหาประชาชน นั่งบนพื้นดินพูดคุยกับชาวบ้านแบบไม่ถือพระองค์
“จำได้ว่า ทรงมาเปิดโครงการอ่างเก็บน้ำบริหารน้ำให้ชาวบ้านทำนาได้ตลอดทั้งปี ตอนนั้นแล้งและร้อนมาก ชาวบ้านไปรอตั้งแต่เช้า พอเสด็จฯมาถึงทรงหยุดนั่งบนพื้น คุยกับประชาชนอย่างไม่ถือพระองค์เลย พอโตมาเรามาอ่านบทความเจอว่า เพราะพระองค์รู้ว่าประชนชนมารอนาน ก็ต้องคุยถามสารทุกข์สุขดิบ ให้ประชาชนชื่นใจหายเหนื่อย และได้รับรู้ปัญหาของพสกนิกรอย่างเเท้จริง จึงรักพระองค์เพราะสิ่งที่ทรงทำมีค่ากับคนไทย และชาวสระแก้วมากๆ หลังจากทรงพระราชดำเนินมา เราก็มีน้ำทำเกษตรกรรมตลอดทั้งปี ที่ไหนแล้งก็มีต้นไม้ขึ้นอุดมสมบูรณ์ เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่เราไม่ลืมเลย” นางสาวศิวกร กล่าว
ด้าน สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 23.17 น. จากกำหนดเดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอเข้ากราบพระบรมศพในมณฑลพิธีท้องสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 55,668 คน รวม 58 วัน มี 2,404,706 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 5,588,954.50 บาท รวม 58 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 192,547,141.75 บาท