พสกนิกรรอกราบสักการะพระบรมศพ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ พร้อมถือพระบรมฉายาลักษณ์ แนบอก

พสกนิกรหลั่งไหลมากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา

วันนี้ (27 พ.ย.) ซึ่งเป็นวันที่ 30 ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00 - 21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อยเดินทางมาต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ

โดยในเวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี

ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา

ด้าน เด็กหญิงภัทรนันท์ รัตนไลย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เป็นอีกหนึ่งคนที่พร้อมใจมาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทันทีที่คุณครูประจำชั้นชักชวนมา โดยนักเรียนหญิง เผยว่า ทุกเช้าจะมีรายการเคเบิลทีวีในโรงเรียนชื่อ “พบกันยามเช้า” ฉายเรื่องราวคำสอน โครงการต่างๆ ของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ให้ดู เลยจำได้และปลื้มใจที่ทรงเป็นคนเก่ง และทำเพื่อส่วนรวม

“ตอนมาที่นี่ ได้ไปดูโครงการพระราชดำริชั่งหัวมันก่อน แล้วมารอเข้าไปกราบในหลวงตอนตี 2 ของวันนี้ การเดินทางทำให้หนูเหนื่อยบ้าง แต่ดีใจมากกว่าตอนที่ได้เข้ากราบสักการะ เหมือนเราได้ทำสำเร็จตามความตั้งใจแล้ว ประสบการณ์วันนี้จะนำกลับไปบอกเพื่อนๆ ว่า ต้องเตรียมตัวอย่างไร ทั้งการแต่งตัว ต่อแถว และความรู้สึกที่ได้เข้าไปกราบในหลวง” เด็กหญิงภัทรนันท์ กล่าว


ส่วน นางจารีพร หวั่นเซ่ง ครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เล่าว่า ได้นำคุณครู นักเรียน เจ้าหน้าที่ รวมถึงแม่บ้านและภารโรงด้วย รวมทั้งหมด 47 คน เพื่อมาสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ โดยออกเดินทางมาตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน จากนั้นพานักเรียนแวะเข้าเรียนรู้ในโครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ อำเภอบ่อยาง จังหวัดเพชรบุรี ก่อนแล้วจึงเดินทางมาสนามหลวง


“วันนี้รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก เพราะแม้โรงเรียนจะอยู่ไกลใต้สุดสยาม แต่ทางโรงเรียนก็ได้นำโครงการพระราชดำริมาประยุกต์ในหลักสูตร ได้แก่ การปลูกผักสวนครัว เลี้ยงไก่เบตง ซึ่งเป็นพันธุ์ไก่หายากจากทางใต้ ส่วนหนึ่งนำมาประกอบเป็นอาหารกลางวัน รวมถึงโครงการต้นไม้ของฉัน คือ ให้นักเรียนนำต้นไม้มาปลูกในโรงเรียน และให้ดูแลรักษา ดังพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ซึ่งนักเรียนก็ได้ซึมซับเป็นอย่างดี ทุกคนอยากเรียนรู้และสนใจในโครงการต่างๆ ทั้งนี้ อยากจะบอกปวงชนชาวไทยว่า อยากให้นำคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมาใช้จนเป็นนิสัย ไม่ใช่นำมาใช้ตามกระแส” นางจารีพร กล่าว

เด็กชายคงพญา ชูตระกูล นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนบ้านสุไหงโก-ลก กล่าวอย่างตรงไปตรงมา ว่า “วันนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะผมไม่เคยเห็นพระบรมมหาราชวังมาก่อน ผมมั่นใจว่า ผมเป็นเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่จงรักภักดี เพราะผมได้ดูแลต้นไม้ในโครงการต้นไม้ของฉันเป็นอย่างดี นอกจากนี้ แม่ยังสอนผมว่าให้ปฏิบัติตัวตามในหลวง รัชกาลที่ ๙ ผมจึงได้อาสาเดินทางมาร่วมสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับทางโรงเรียน ทั้งนี้ ผมอยากบอกเพื่อนๆ ด้วยกันว่า อยากให้ตั้งใจเรียนและเป็นเด็กดีของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ตลอดไปครับ”

ด้านสำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ไห้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.25 น. ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 40,695 คน รวม 30 วัน มี 995,162 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,163,439.50 บาท รวม 30 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 75,587,678.50 บาท