นักเรียนในโครงการมูลนิธิครอบครัวพอเพียง 999 คน และเจ้าหน้าที่ในมูลนิธิฯ เข้ากราบสักการะพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บริเวณสนามหญ้าหน้าด้านหน้าศาลาสหทัยสมาคมด้วยความจงรักภักดี จากนั้นถวายสักการะพระบรมศพพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เบื้องหน้าพระบรมโกศ
วันนี้ (26 พ.ย.) สำหรับบรรยากาศที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เป็นวันที่ 29 ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00 - 21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อยเดินทางมาต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ โดยในเวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี
ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมามีพสกนิกรจากทุกทั่วสารทิศ ทั้งกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด ยังคงเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ อย่างเนืองแน่น ด้วยเพราะความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย
โดยเมื่อเวลา 08.20 น. นักเรียนในโครงการมูลนิธิครอบครัวพอเพียง 999 คน และเจ้าหน้าที่ในมูลนิธิฯ เข้ากราบสักการะพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บริเวณสนามหญ้าด้านหน้าศาลาสหทัยสมาคมด้วยความจงรักภักดี โดยเหล่านักเรียนต่างเดินเท้า ผูกข้อมือกันเดินเข้าประตูวิเศษไชยศรีเข้ามากราบสักการะบริเวณสนามหญ้า เป็นการแสดงสัญลักษณ์ความรักของพ่อแห่งแผ่นดินก่อนจะกระจายตัวกันไปทำกิจกรรมจิตอาสาที่ท้องสนามหลวง
ด้าน นายธีรินทร์ กันผึ้ง อายุ 20 ปี นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ชั้นปีที่ 2 อดีตแกนนำรุ่นที่ 3 ในโครงการ กล่าวว่า เป็นความภูมิใจที่ได้มาแสดงความรักร่วมกับแกนนำรุ่นอื่นๆ และพี่ๆ น้องๆ ในโครงการ เพราะเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตของเราทุกคน ส่วนตัวมีโอกาสได้ขึ้นไปกราบสักการะพระบรมศพแล้วครั้งหนึ่ง ต้องมาค้างคืนแถวสนามหลวงแล้วต่อแถวขึ้นไปกราบสักการะ เป็นความตื่นเต้นที่ผสมกับความใจหายอย่างบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะเลือกได้เราคงอยากจะกราบพระบาทพระองค์มากกว่าพระบรมโกศ
“ส่วนตัวได้เข้าร่วมโครงการนี้ตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย ซึ่งแรกเริ่มยอมรับว่าเป็นเด็กเรียนไม่เก่ง ไม่ตั้งใจเรียน จึงอยากเข้าร่วมโครงการไปอบรมดูว่าเป็นอย่างไร แต่เมื่อได้อบรมได้เรียนรู้พระราชกรณียกิจต่างๆของพระองค์ ก็ได้รู้ว่าพ่อหลวงของเราทรงเหนื่อยมาก ไม่เคยย่อท้อที่จะประกอบพระราชกรณียกิจต่างๆ เพื่อคนไทย ตอนนี้ชีวิตของคนไทยรวมทั้งคนรุ่นใหม่ดีขึ้นมากมาย ตนจึงรู้สึกว่าการเป็นส่วนหนึ่งในการทำกิจกรรมจิตอาสาอย่าง การทำกิจกรรมจิตอาสา ไปหว่านข้าวนาโยน ก็ได้เห็นมุมอีกหลายมุมทำให้อยากช่วยเหลือคนอื่นบ้าง ตนเองตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคมเป็นต้นมา ก็ได้มาทำกิจกรรมแจกอาหาร เก็บขยะ ให้ความรู้เรื่องพอเพียงกับคนในชุมชน” นายธีรินทร์ กล่าว
ด้าน นางสาวกานต์ชนิดา จิตวิเวก อายุ 17 ปี และ นางสาวภัทราวดี จุลศรี อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดราชาธิวาส ร่วมกัน กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่รู้สึกภูมิใจที่ได้มากราบสักการะพระราชานุสาวรีย์แสดงสัญลักษณ์ความรัก ส่วนตัวทั้งคู่เป็นอาสาสมัครที่สนใจเข้าไปร่วมเป็นจิตอาสาในมูลนิธิ ที่สอนให้เราได้รู้หลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างพอประมาณ มีเหตุผล เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ด้วยความรู้คู่กับคุณธรรม นอกจากนี้ยังได้ไปทำกิจกรรมฝายกั้นน้ำที่ จ.เพชรบุรี และไปบรรจุข้าวพอเพียงลงถุงเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนที่มาสักการะพระบรมศพ ทำให้เราได้เรียนรู้หลักดำเนินชีวิต แม้จะเป็นคนรุ่นใหม่แต่ก็ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อตนเอง และจิตอาสาเพราะรู้แล้วว่าเวลาได้ช่วยคนอื่นนั้นเป็นความสุขแก่ใจเราเอง